โลก 2 ด้าน คนมอง 2 ขั้ว “โชห่วย” ยิ่งอยู่ ยิ่งเหนื่อย “สะดวกซื้อ” ยิ่งทำ ยิ่งปัง!
หลายคนคิดว่า “โชห่วย” กำลังถูกกลืนกินโดย “ร้านสะดวกซื้อ” หรือร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็น 7-Eleven, Mini Big C, CJ More, Lawson 108, Lotus go Fresh และ Tops Daily ที่พึ่งเขย่าตลาดร้านสะดวกซื้อในไทย เปิดโมเดลขายแฟรนไชส์ทั่วประเทศ แต่ว่าเรื่องนี้มีความเป็นความไปได้มากแค่ไหน มาดูกัน
โชห่วย
ยุคที่ร้านสะดวกซื้อผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด จนแทบจะมองไม่เห็นร้านโชห่วยตามชุมชนต่างๆ แล้ว แต่ยังมีร้านโชห่วยจำนวนมากอยู่รอด และสามารถแข่งขันกับร้านสะดวกซื้อได้ จนมัดใจลูกค้าในแต่ละชุมชนไว้ได้อย่างเหนียวแน่น โดยใช้เสน่ห์แบบดั้งเดิม ที่บรรดาร้านสะดวกซื้อไม่มี อาทิ
- มีความใกล้ชิดกับลูกค้าในชุมชน
- สะดวกเดินไปซื้อของ อยู่ปากซอยใกล้บ้าน
- สินค้าราคาเป็นกันเอง ต่อรองราคาได้
- มีสินค้าท้องถิ่นหายาก พืชผัก ข้าวสาร อาหารแห้ง รวมถึงอุปกรณ์ในครัวต่างๆ
- สินค้าหลายๆ อย่างแบ่งขายได้ เช่น ข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำแข็ง บุหรี่ เหล้า
- ซื้อสินค้าวันนี้ จ่ายวันหลัง หรือสิ้นเดือนได้
- มีสินค้าที่ต้องการเฉพาะ และเป็นที่ต้องการของคนในชุมชน
- มีความคุ้นเคยหรือมีความสัมพันธ์ที่ดีเสมือนญาติพี่น้อง
- เป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ของคนในชุมชน หลายร้านทำโต๊ะ ที่นั่งให้ลูกค้า นั่งกิน นั่งได้อย่างสบายใจ
ข้อเสียของร้านโชห่วยทำให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าร้านสะดวกซื้อ บางร้านมีสินค้าให้เลือกน้อย วางสินค้าไม่สวยงาม ไม่ค่อยสะอาด ไม่สว่าง บางร้านมีหมา มีแมวในร้าน สินค้าอาจจะหมดอายุ ไม่มีคุณภาพ ไม่สดใหม่ สินค้าเก่าหมุนเวียนเปลี่ยนไม่ได้ ไม่มีอำนาจต่อรองกับบริษัทหรือผู้ขายส่งได้ จึงทำให้จะต้องดั้นด้นขายเท่าที่มีให้หมดไปเพราะทุกชิ้นเป็นต้นทุน
สะดวกซื้อ
ส่วนเสน่ห์ของ “ร้านสะดวกซื้อ” ที่ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปใช้บริการแทนโชห่วย
- สะดวกซื้อ เปิดบริการ 24 ชั่วโมง
- สินค้ามีคุณภาพมาตรฐาน สดใหม่ ทันสมัย สะอาด
- มีสินค้ามากมาย ทั้งของกิน ของใช้ เครื่องดื่มหลากหลาย
- จัดวางสินค้าสวยงาม เป็นระเบียบ หยิบจับสินค้าได้ง่าย
- ติดแอร์ เย็นสบาย แสงไฟสว่างไสว
- มีสินค้าโปรโมชันตลอดเวลา
- ทำธุรกรรมทางการเงินได้หลากหลาย
- มีบริการเดลิเวอรี่ จัดส่งฟรี
- มีบริการชำระเงินค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ ทั้งจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่างวดรถ เเละอื่นๆ
- ร้านสะดวกซื้อส่วนใหญ่มีตู้เอทีเอ็ม เงินหมด กดแล้วเดินเข้าร้านได้เลย
- ร้านสะดวกซื้อเป็นสถานที่แลกเงินแบงก์ใหญ่ได้
แม้ร้านสะดวกซื้อจะมีข้อได้เปรียบร้านโชห่วยอยู่มากมาย แต่จุดด้อยก็มีเช่นกัน อาทิ ร้านเปิด 24 ชั่วโมงก็ตามแต่บางร้านอยู่ไกลที่พัก ยากต่อการเดินทางไปซื้อ พนักงานบางร้านหน้าไม่รับแขก พูดจาไม่ดี ไม่ใกล้ชิดกับลูกค้า บางร้านพนักงานเมินเฉย ทำงานอื่นไม่มาบริการลูกค้าก่อน ทำให้ลูกค้าต้องต้องยืนรอนาน สินค้าบางรายการหมดบ่อย
โชห่วยจะรอดมั๊ย?
เมื่อสารพัดข้อได้เปรียบของร้านสะดวกซื้อมีมากกว่าร้านโชห่วย แล้วโชห่วยจะสูญพันธุ์มั๊ย ถ้าโชห่วยศูนย์พันธุ์ ทำไม Makro มียอดขายเติบโตทุกปีกว่า 80% เพราะเรารู้กันอยู่แล้วว่า Makro เน้นขายสินค้าให้โชห่วย
จากข้อมูลกรมธุรกิจการค้า ปี 2566 พบว่า ประเทศไทยมีร้านโชห่วยขนาดเล็กราวๆ 400,000 ร้าน ขนาดกลางจำนวนกว่า 18,000 ร้าน ร้านค้าปลีกกลุ่มใหญ่ในไทยยังเป็นร้านโชห่วย ครองส่วนแบ่งตลาด 44% ร้านสะดวกซื้อ 31.8% และไฮเปอร์มาร์เกต 24.1% ร้านโชห่วยเป็นร้านเก่าแก่อยู่มานานส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น แม้จะมีปิดตัวลงไปบ้าง แต่ก็มีร้านเปิดใหม่มากทดแทน เห็นได้จัดเจนร้านโชห่วยในชุมชนต่างจังหวัด ต่างอำเภอ ยังเปิดขายได้อย่างสบาย
ส่วนสาเหตุที่ร้านโชห่วยหลายๆ ร้านสูญพันธุ์ อาจเป็นเพราะรุ่นลูกไม่สานกิจการต่อจากรุ่นพ่อแม่ แต่ถึงอย่างไรถ้าร้านโชห่วยอยากอยู่รอดมีลูกค้าใช้บริการเป็นประจำ ควรยกระดับคุณภาพมาตรฐานให้กับร้าน ปรับปรุงตกแต่งร้านให้สวยงาม หาบริการเสริมและสิ่งอำนวยความสะดวกไว้บริการลูกค้า หรือหาสิ่งดึงดูดให้ลูกค้ามาใช้บริการที่ร้าน เช่น ตู้กดน้ำดื่มหยอดเหรียญ, ตู้เติมเงิน, ตู้เติมน้ำมัน, บริการโอนเงิน, เข้าร่วมโครงการของรัฐ, นำเทคโนโลยีมาใช้ในร้าน
สุดท้ายแล้ว ร้านโชห่วยจะอยู่รอดได้ ไม่สูญพันธุ์ อยู่ที่การปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย คงเสน่ห์ความดั้งเดิมและความใกล้ชิดกับสังคมไทยที่อยู่กันอย่างญาติพี่น้อง มอบสินค้าและบริการลูกค้าที่มีคุณภาพมาตรฐาน เพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกค้า
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
อ้างอิงจาก คลิกที่นี่
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)