โตเร็วเหมือนกระต่ายโดด! บันนี่เชคคาเฟ่ เปิดปีแรก 20 สาขา! ธุรกิจคาเฟ่เบเกอรี่ กำไรดีจริง
ทีแรกก็เปิดร้านเพราะความชอบ ตั้งใจทำเองขายเอง แต่ลูกค้าติดใจ ทีนี้ก็ว้าวุ่นเลย! คนมาขอซื้อแฟรนไชส์กันเพียบ นี่คือประโยคแรกที่เราได้ยินจากเจ้าของแฟรนไชส์บันนี่เชคที่เพียงแค่ปีแรกก็มีคนสนใจมาขอซื้อแฟรนไชส์ขยายสาขาไปกว่า 20 แห่ง
ยังไม่พอในปีที่ 2 โตไม่หยุดฉุดไม่อยู่เปิดสาขาเพิ่มไปอีก 20 แห่ง รวมๆ แล้วบันนี่เชคเปิดมาแล้ว 4 ปี ตอนนี้มีสาขากว่า 43 แห่ง อะไรคือจุดแข็งที่ทำให้บันนี่เชคโตเร็วได้แบบนี้ ความจริงที่หลายคนไม่รู้ บอกได้เลยว่าเรื่องนี้ น่าสนใจมาก!!
เราไม่อยากทำอะไรซ้ำแบบใคร
อะไรที่มีแล้วเราจะไม่ทำ
สิ่งที่ทำต้องใส่ความเป็นตัวเองลงไป
“บันนี่เชคคาเฟ่” ก็เกิดมาจากแนวคิดนี้
จากพ่อค้าออนไลน์สู่เจ้าของแฟรนไชส์ “บันนี่เชคคาเฟ่”
หลายคนอาจไม่รู้ว่าเมื่อก่อนคุณเอ็กซ์เจ้าของแฟรนไชส์บันนี่เชคเคยทำธุรกิจรองเท้ามือสองออนไลน์โดยมีเพจเป็นของตัวเอง และก็ขายดีมากขนาดที่เรียกว่าเป็นเบอร์ต้นๆ ของวงการก็ว่าได้ แต่ด้วยความที่อยากทำในสิ่งที่ตัวเองชอบและใจรัก นั้นคือ “ชานมไข่มุก” ตัดสินใจเปิดร้าน “บันนี่เชคคาเฟ่” ตั้งใจจะทำเอง ขายเอง แต่จะขายแค่ชานมไข่มุกมันก็ดูจะธรรมดาไปน่าจะมีอะไรมาขายคู่กัน
คิดมาก็หลายเมนูซึ่งก็ไม่อยากให้ไปซ้ำใคร อะไรที่คนอื่นเคยทำกันมาเยอะแล้ว ก็ไม่อยากทำซ้ำ จะต้องทำอะไรที่ยังไม่เคยมี จึงกลายมาเป็น “ซูเฟล่” ที่เป็นสูตรเฉพาะของ “บันนี่เชคคาเฟ่” กว่าจะได้สูตรอร่อยนี้มาก็ต้องตระเวนศึกษาหาความรู้ ลองผิดลองถูก ปรับปรุงสูตรมาหลายทีจนลงตัว เป็นซูเฟล่ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์คนไทย อาจจะแตกต่างจากซูเฟล่แบบญี่ปุ่น แต่ใครได้กินรับรองอร่อยจนต้องขอเพิ่ม
เริ่มเปิดร้านครั้งแรกเมื่อปี 2562 ทำร้านมาได้ 4 เดือน มีลูกค้าเข้าร้านเยอะมาก ขายดีสุดๆ ปรากฏว่ามีลูกค้าจากระยอง มาขอซื้อแฟรนไชส์ คุณเอ็กซ์บอกว่า “ตอนนั้นคืองงเลย เอาจริงๆ คือไม่ได้คิดถึงเรื่องแฟรนไชส์ แต่คิดว่าโอกาสมาแล้วต้องลองสักตั้ง”
ปรากฏว่าหลังจากขายแฟรนไชส์สาขาแรกไป ก็เริ่มไหลมาเทมา มีคนสนใจจ่อคิวมาอีกเพียบปรากฏว่าปีเดียวมีสาขาแฟรนไชส์รวมกว่า 20 แห่ง และยังแรงต่อนเนื่องมาถึงปีที่ 2 ที่ขยายสาขาไปอีก 20 แห่ง รวมถึงตอนนี้ 4 ปีที่เริ่มกิจการนี้มา มีสาขาทั่วประเทศกว่า 43 แห่ง
ทำ “ซูเฟล่” ใส่กล่อง “พร้อมหิ้ว” จนกลายเป็น “กระแสฮิตโซเชี่ยล”
หลายคนสงสัยว่าทำไม “บันนี่เชคคาเฟ่” ถึงขยายสาขาได้เร็วขนาดนั้น แยกย่อยไอเดียความปังที่คุณเอ็กซ์เล่าให้ฟังพบว่า
- เป็นธีมร้านชานมไข่มุกสไตล์คาเฟ่ ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ทำ จะมีก็เป็นร้านชานมไข่มุกแบบคีออส พอเป็นธีมคาเฟ่ เลยมีเสน่ห์น่าสนใจมากขึ้น
- การปรับรูปแบบจากขายหน้าร้านไปเป็นแบบ Takeaway ที่เปลี่ยนวิกฤติจากโควิดให้เป็นโอกาสและกลายเป็นไวรัลสุดปัง ทำเบเกอรี่ใส่กล่องหิ้ว ส่งไกลสุดตอนนั้นคืออยุธยา และกลายเป็นว่าลูกค้าจากบุรีรัมย์ก็เริ่มมาขอซื้อแฟรนไชส์
- หน้าตาน่ากิ๊น น่ากิน แต่ละเมนูคือเว่อร์วังมาก เป็นไอเดียสุดเริ่ดในการออกแบบแต่ละเมนูที่เห็นแล้วร้องอยากกินทีเดียว อย่างซูเฟล่โป๊ะหน้าด้วยสตอเบอรี่ จัดท็อปปิ้งมาแน่นๆ แต่งจานกันสวยแบบไม่กล้ากิน สิ่งเหล่านี้กลายเป็นภาพจำให้คนทั้งแช๊ะ และแชร์ ได้อย่างรวดเร็ว
- ซูเฟล่เมนูSignature ที่อร่อยมาก ซึ่งกว่าจะมาเป็นซูเฟล่สูตรเฉพาะของบันนี่เชคคาเฟ่ ก็ต้องปรับปรุงสูตรกันอยู่นานพอตัว ทุกวันนี้กล้าพูดได้ว่าเป็นซูเฟล่ที่เหมาะกับคนไทยมากที่สุด อาจแตกต่างจากซูเฟล่ญี่ปุ่น แต่กินแล้วถูกใจอร่อยมาก
- ธีมร้านเหมือนกันทั่วประเทศ บรรยากาศสุดชิลล์ ด้วยธีมร้านโทนสีขาวแบบมินิมอล และเป็นมาตรฐานคาเฟ่ที่เหมือนกันในทุกสาขา พ่วงด้วยบริการสุดประทับใจและการรักษาคุณภาพทุกเมนูอย่างดี จะแวะสาขาไหนก็อร่อยเหมือนกันหมด
นอกจากนี้ถ้าคุณเคยเข้าบันนี่เชคในสาขาต่างๆ จะพบว่าเขาตรึงราคาสินค้าไว้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เครื่องดื่มเริ่มต้น 35 – 79 บาท ส่วนเบเกอรี่เริ่มต้น 65 – 199 บาท เฉลี่ยต่อบิลคือ200 บาท/คน ในแต่ละวันคือร้านขายดีมาก ตัวอย่างที่สาขาเปิดใหม่ประชาอุทิศ 90 วันแรกขายได้ถึง 40,000 บาท เป็นต้น
แฟรนไชส์สำคัญสุดคือ “มาตรฐาน” ทุกร้านต้องเหมือนกัน
เป้าหมายของบันนี่เชคคือ “ลูกค้าต้องได้สิ่งที่ดีที่สุด” เท่านั้น
ทั้ง 43 สาขาคนเลือกลงทุน “Package XL” ทั้งหมด
เป็นความสุดยอดของบันนี่เชคคาเฟ่จริงๆ เพราะถึงแม้จะมี 2 แพคเกจลงทุนให้เลือกคือ Package S ค่าแฟรนไชส์ 229,000 บาท แต่ทุกคนกลับเลือกลงทุน Package XL ค่าแฟรนไชส์ 359,000 บาท เหตุผลก็ง่ายๆ เพราะแพคเกจนี้ขายได้ทั้งชาไต้หวัน+ซูเฟล่+ครอฟเฟิล+เฟรปเป้ เรียกว่าลงทุนครั้งเดียวคุ้ม และซูเฟล่ก็คือเอกลักษณ์ของร้านที่ขายดีมาก
ซึ่งการลงทุนรูปแบบนี้ใช้พื้นที่ เริ่มต้น 80-100 ตรม.ขึ้นไป งบลงทุนเบื้องต้นประมาณ 1.4 ล้านบาท แยกเป็นค่าแฟรนไชส์ , ค่าออกแบบ , งาน Build-in , อุปกรณ์ภายในร้าน และรวมเงินทุนหมุนเวียนที่ใช้ในร้านด้วย
จุดแข็งอีกอย่างของบันนี่เชคคาเฟ่คือ “ระบบแฟรนไชส์”ที่เป็นมาตรฐาน ควบคุมคุณภาพทุกร้านต้องเหมือนกันหมด สาขาไหนมีปัญหา บันนี่เชคคาเฟ่พร้อมเข้าไปช่วยเหลือให้คำแนะนำเป็นอย่างดี ตอนนี้กล้าพูดได้ว่าทั้งระบบคลังสินค้า การเซตร้าน การฝึกอบรม
ทุกอย่างถูกออกแบบมาให้รองรับการขยายตัวแฟรนไชส์ได้ทั่วประเทศ และการส่งเสริมด้านการตลาดที่จัดอีเว้นท์ให้ทุกสาขาที่เปิดใหม่ พร้อมด้วยการยิง Ads โฆษณาในรัศมี 5 กิโลรอบร้าน ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ที่ไหนของจังหวัดนั้นก็จะมองเห็นบันนี่เชคคาเฟ่ที่เปิดใหม่ เป็นเทคนิคสำคัญที่ทำให้คนลงทุนมีโอกาสสร้างรายได้มากขึ้น
รายได้ดีมาก! กำไรเฉลี่ยกว่า 40,000 – 50,000 ต่อเดือน
ถ้าไม่พูดถึงเรื่องรายได้ – กำไร หลายคนก็อาจไม่เห็นภาพ เอาเป็นว่าคำนวณคร่าวๆให้ลองดูกัน คิดจากรายได้ขั้นต่ำต่อเดือนประมาณ 250,000 บาท กำไรประมาณ 20% หักทุกอย่าง ต้นทุนจริงอยู่ที่ประมาณ 30-35% กำไรจริงคือประมาณ 40,000 – 50,000 บาทต่อเดือน ซึ่งสัญญาแฟรนไชส์ของบันนี่เชคคาเฟ่เป็นแบบ 3 + 2 หมายความว่าสัญญา 3 ปี แต่ปีที่ 4 – 5 ต่อสัญญาแบบไม่ต้องจ่ายเพิ่ม ซึ่งโอกาสคืนทุนอยู่ 2 ปี ในปีที่ 3 ก็เริ่มเป็นกำไรที่มากขึ้นเรื่อยๆ
ยกตัวอย่างหลายสาขาที่เปิดใหม่รายได้เฉลี่ยต่อวันสูงกว่า 30,000 – 40,000 บาท คิดเฉลี่ยในแต่ละเดือนรายได้ใกล้เคียงหรือสูงกว่า 200,000 บาท นี่คือตัวเลขที่เกิดขึ้นจริงของร้านบันนี่เชคคาเฟ่ ก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมคนถึงฮิตทั่วประเทศ และธุรกิจร้านคาเฟ่เบเกอรี่ยังโตได้อีกมาก
ใครอยากลงทุน ต้องไปคุยกันที่สำนักงานใหญ่บันนี่เชคคาเฟ่ ก่อนนะ!
ด้วยความที่บันนี่เชคคนอยากลงทุนมาก สิ่งสำคัญคือการรักษามาตรฐานของแบรนด์ให้เป็นเอกลักษณ์ดังนั้นขั้นตอนการลงทุนจึงต้องพูดคุยทำความเข้าใจในเบื้องต้นก่อน โดยมีขั้นตอนได้แก่
- ผู้สนใจต้องมาคุยที่บริษัท บันนี่ โกร อัพ จำกัด ซึ่งอยู่ในจังหวัดชลบุรี เป็นเข้ามาพูดคุยให้เข้าใจก่อนเบื้องต้น รวมถึงเรื่องmindset ต่างๆในการทำธุรกิจ
- ลูกค้าไปดิวพื้นที่ให้เรียบร้อย หรือในกรณีไม่มีทำเล ทางบันนี่เชคมีดิวกับเซ็นทรัล เดอะมอลล์ ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
- ช่วงออกแบบร้านประมาณ 15-20 วัน ลูกค้าจ่ายค่าก่อสร้างงวดแรก
- เมื่อก่อสร้างไป 50% จะมีการเรียกมาเทรนนิ่งที่บริษัทเป็นเวลา 5 วัน
- มีทีมงานไปช่วยเซตระบบในร้าน และวันเปิดมีจัดอีเว้นท์ให้ 1 วัน
โปรเจคของ “บันนี่เชคคาเฟ่” พร้อมแตกไลน์ใหม่อีกเพียบ!
ถึงตอนนี้บันนี่เชคคาเฟ่เรียกว่าประสบความสำเร็จมาก ซึ่งก็มีอีกหลายโปรเจคที่บันนี่เชคเตรียมพร้อมจะทำในอนาคตเช่น
- ขนมรูปแบบใหม่ที่ไม่ใช่ซูเฟล่ แต่ให้เน้นทำง่ายขึ้น ขายได้ง่ายขึ้น ลงทุนทำขายจากที่บ้านได้ ซึ่งกำลังออกแบบเมนูอยู่
- บันนี่ลาเต้ ร้านกาแฟในเครือบันนี่เชคคาเฟ่ที่จะขายกาแฟสดคู่กับเบเกอรี่
- บันนี่ Tufu ร้านเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมีเมนูเช่นน้ำเต้าหู้ เป็นต้น
- เสือเสวย อันนี้แตกไลน์ชัดเจนและไม่ใช่เบเกอรี่+เครื่องดื่มแต่จะเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเรือในเครือของบันนี่เชคคาเฟ่
แต่ไม่ว่าจะแตกไลน์ไปกี่ธุรกิจสิ่งสำคัญที่สุดคือ “มาตรฐาน” ที่บันนี่เชคคาเฟ่ จะยังรักษาไว้เป็นเอกลักษณ์ ถึงขนาดที่ยอมลงทุนกับการสร้างระบบแฟรนไชส์ด้วยเงินทุนมหาศาล เพราะรู้ดีว่าระบบแฟรนไชส์ที่แข็งแกร่งจะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้ไม่กระทบภาพลักษณ์ของแบรนด์ ถือเป็นอีกหนึ่งสุดยอดแฟรนไชส์แห่งยุคที่ไม่ใช่แค่เติบโตแบบก้าวกระโดดแต่เป็นการเติบโตที่มีคุณภาพ
ภาพจาก แฟรนไชส์บันนี่เชคคาเฟ่
ทั้งนี้คุณเอ็กซ์ได้พูดถึงคนที่สนใจและต้องการลงทุนแฟรนไชส์บันนี่เชคคาเฟ่ว่า “บันนี่เชคเหมาะกับคนอยากทำคาเฟ่ในพื้นที่ตัวเอง เช่นมีอาคารพาณิชย์ มีทำเลตัวเอง แต่ควรมีpassion ที่ชัดเจนร่วมด้วย เราตั้งเป้าให้โลโก้กระต่ายของเราเป็นที่รู้จัก มองเห็นรู้เลยว่าเราขายอะไร
ธุรกิจเบเกอรี่คาเฟ่ยังอยู่ได้ยาวๆ มูลค่าการตลาดยังโตได้อีกมาก แต่ควรลงมาดูแลด้วยตัวเองหรือมีระบบบริหารจัดการที่ดี ใครสนใจก็เข้ามาคุยกันที่บริษัทได้ ซึ่งบันนี่เชคคาเฟ่ ทำจริง มีกำไรดีจริง แต่ก็ต้องตั้งใจทำจริงด้วยเช่นกัน”
สนใจลงทุนแฟรนไชส์ บันนี่เชคคาเฟ่
โทร. 095-9954229 , 082-5394224 , 082-0552956
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจติดตามได้ที่ https://bit.ly/335phDi
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
อ้างอิงจาก คลิกที่นี่
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)