แฉ! จริงมั้ย? เจ้าของ Platform รวย เจ้าของร้านเจ๊ง

เป็นประเด็นดราม่าให้เห็นกันอยู่บ่อยครั้ง กรณีแอปฯ เดลิเวอรี่ กับ ร้านอาหาร เจ้าของร้านอาหารโอดถูกเอาเปรียบ โดนหักยิบ ทั้งค่าคอม ค่าบริการเสริม จนแทบไม่เหลือยอดขาย ถ้าวันไหนไม่ขาดทุน ก็แค่เสมอตัว ถ้าถามว่า หากร้านอาหารขายผ่านแอปฯ ขาดทุน แล้วฝั่งแอปฯ รวยจริงหรือไม่ มาดูกัน

เจ้าของแพลตฟอร์ม รวยจริงมั๊ย?

เจ้าของ Platform

ผู้ให้บริการแอปฯ แต่ละค่าย ไม่ว่าจะสีเขียว สีม่อง สีชมพู สีเหลือง และอื่นๆ จะมีต้นทุนการดำเนินงานหลายอย่าง ทำให้ต้องเก็บค่า GP จากร้านอาหาร 30-35% แต่ละค่ายจะเก็บไม่เท่ากัน แม้ทางร้านอาหารจะมองว่าสูง แต่เชื่อหรือไม่ว่า ยังไม่มีผู้ให้บริการแอปฯ ค่ายไหนได้กำไร มีแค่ Grab เจ้าเดียวเท่านั้นที่พึ่งจะทำกำไรได้

มาดูรายได้ปี 2565 ของผู้ให้บริการแอปฯ ค่ายหลัก

  • Grab มีรายได้ 15,197.4 ล้านบาท กำไร 576 ล้านบาท
  • LINE MAN มีรายได้ 7,802.8 ล้านบาท ขาดทุน 2,730 ล้านบาท
  • Food panda มีรายได้ 3,628.1 ล้านบาท ขาดทุน 3,255 ล้านบาท
  • Robinhood มีรายได้ 538.2 ล้านบาท ขาดทุน 1,986 ล้าบาท

สำหรับช่องทางการหารายได้ของผู้ให้บริการแอปฯ คือ เก็บค่า GP และ ส่วนแบ่งค่าส่งกับคนขับเดลิเวอรี่ แต่แอปฯ บางเจ้า ก็ไม่ได้เก็บค่าส่งตามอัตราจริง เพราะเป็นการแข่งขันทางการตลาด ต้องการดึงดูดลูกค้ามาใช้บริการผ่านแอปฯ ของตัวเอง จึงคิดค่าส่งถูกไว้ก่อน แต่แอปฯ จำเป็นต้องแบกภาระต้นทุนเอาไว้

เจ้าของ Platform

โดยต้นทุนค่าใช้จ่ายหลักๆ ของแอปฯ แต่ละค่าย อาจจะแตกต่างกันเล็กน้อย แต่คร่าวๆ จะมีค่าใช้จ่าย คือ

  • ค่าโปรโมชั่นส่วดลดให้ลูกค้าราวๆ 10 บาท
  • ค่าโปรโมท ค่าบริการช่องทางจ่ายเงินออนไลน์
  • ต้นทุนคนขับ 1 เที่ยว ประมาณ 65-70 บาท
  • ค่าสิทธิประโยชน์คนขับ
  • ค่าเทคโนโลยี แพลตฟอร์ม
  • ค่าพนักงาน

ยกตัวอย่าง สมมติว่ามีลูกค้าสั่งอาหาร 1 ออเดอร์ ราคาขึ้นหน้าจอ 100 บาท ผู้ให้บริการแอปฯ ได้ค่า GP จากร้านอาหาร 32% อยู่ที่ 32 บาท

ถ้าส่งอาหารระยะทาง 5-6 กิโลเมตร ผู้ให้บริการแอปฯ จะได้ค่าส่งราวๆ 20 บาทจากลูกค้าที่สั่งอาหาร ทำให้ผู้ให้บริการแอปฯ มีรายได้ทันที 52 บาท จากการสั่งอาหาร 1 ออเดอร์

แต่รายได้ 52 บาท ยังไม่ได้นำไปหักต้นทุนต่างๆ จากข้างต้น ได้แก่ ค่าโปรโมชั่นส่วนลด 10 บาท + ค่าคนขับ 70 บาท + อื่นๆ 5 บาท/ออเดอร์ = 85 บาท

สรุปรายได้ของแอปฯ 52-85 = -33 นั่นแปลว่าผู้ให้บริการแอปฯ ขาดทุน 33 บาท

เจ้าของร้านอาหาร เจ๊งจริงมั๊ย?

เจ้าของ Platform

ปัญหาของเจ้าของบรรดาร้านอาหารส่วนใหญ่จะคล้ายๆ กัน หลังจากเปิดใช้บริการผ่านแอปฯ คือ มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

  • โดนหักค่าบริการเสริม ค่าคลิก ครั้งละ 5 บาท
  • ค่าบริการรายเดือน
  • รายได้ลด ยอดขายอาหารตก
  • แอปฯ เก็บค่าบริการโปรโมทร้านแพง ร้านเล็กๆ อยู่ไม่ได้
  • แอปฯ บล็อคร้านไม่ให้ลูกค้ามองเห็น หาว่าไม่ทำโปรกับแอปฯ โดยตรง ทั้งสดลด โปรโมทรายเดือน
  • หัก GP 30-35% จำเป็นต้องขึ้นราคาอาหาร กระทบลูกค้า
  • ร้านค้าให้ลูกค้าหน้าร้านต่อคิวออเดอร์จากแอปฯ ทำให้ลูกค้าไม่เข้าไปนั่งกินในร้าน
  • ตั้งราคาอาหารเท่าราคาผ่านแอปฯ ทำให้ลูกค้าหาย

วิธีการทำกำไรของร้านอาหาร คือ เพิ่มราคาอาหารในแอปฯ จะได้มีกำไรหลังโดนหักค่า GP แต่ปัญหาคือแอปฯ บางค่าย ไม่ให้ขึ้นราคาอาหารจากปกติที่หน้าร้าน ถ้าร้านอาหารเพิ่มราคาไม่ได้ หลายๆ ร้านจำเป็นต้องขายราคาเดิม แต่ลดปริมาณอาหาร ลดต้นทุนลง เลือกวัตถุดิบราคาถูก ถ้าเจ้าของร้านอาหารเลือกวิธีใดวิธีหนึ่ง จะกระทบต่อลูกค้าทันที จ่ายอาหารแพงขึ้น หรือได้อาหารปริมาณน้อย คุณภาพลดลง

เจ้าของร้านอาหารบางราย เลือกไม่จ่ายค่า GP ทำให้เสียโอกาสในการขาย ร้านจะไม่ได้รับการโปรโมท ไม่ได้เข้าร่วมโปรโมชั่นส่งฟรี หรือค่าส่งถูกๆ ไม่ได้เป็นร้านแนะนำในแอปฯ อีกทั้งค่าส่งอาหารถูกคิดตามระยะทางที่ตกลงกับคนขับก็ได้

มีร้านอาหาหลายรายที่ใช้บริการแอปฯ ขายอาหารหน้าร้านราคาแพงเท่ากับในแอปฯ ลูกค้าที่เคยไปนั่งกินในร้านเป็นประจำ ก็ไม่อยากกลับไปนั่งกินอีก เพราะราคาแพง โดนร้านเอาเปรียบ

ทางออกร้านอาหาร

เจ้าของ Platform

เจ้าของร้านอาหารที่เจอปัญหาแบบนี้ จำเป็นต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา บริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบให้ดี อย่ายึดติดกับแอปฯ เดิม เลือกใช้แอปฯ อื่นที่ดีกว่า บางค่ายเก็บค่า GP ถูก หรือไม่เก็บเลย

จัดทำเมนูอาหารใหม่ๆ น่าสนใจและมีกำไร ลูกค้าสัมผัสได้ กินแล้วรู้ได้ว่ามันดีจริง อร่อยจริง สะอาดจริง คุ้มค่าจริงๆ ที่ลูกค้าจะจ่าย ควรตั้งราคาบวกเพื่อให้เหลือกำไรเท่ากับหน้าร้าน ไม่ใช่ปรับราคาจนน่าเกลียดเพื่อเอากำไรอย่างเดียว

ร้านอาหารที่เจ๊ง อาจไม่ใช่มาจากใช้บริการผ่านแอปฯ ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารจำพวก ดังต่อไปนี้

  • เปิด-ปิดร้าน ผิดเวลา ไม่ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
  • หยุดบ่อย เปิดขายบ้าง ไม่เปิดขายบ้าง ทำให้ลูกค้าหายไป
  • ไม่ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ไม่แยกเงินส่วนตัววออกร้าน
  • บริหารจัดการต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ในร้านไม่เป็น ต้นทุนสูง เหลือกำไรน้อย
  • ขายถูก-ขายแพง ขายถูกก็ไม่มีกำไร ขายแพงลูกค้าไม่ซื้อ
  • ติดหนี้นอกระบบ ส่วนใหญ่จะจ่ายให้เจ้าหนี้เป็นรายวัน ทำให้รายได้ไม่เหลือ
  • รสชาติไม่อร่อย สูตรไม่คงที่ อร่อยเป็นบางวัน
  • เปิดร้านไม่ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในพื้นที่นั้นๆ
  • ร้านเข้าถึงได้ยาก ไม่มีที่จอดรถ
  • สภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่าย ทำอาหารกินที่บ้าน

การใช้บริการผ่านแอปฯ จะช่วยร้านอาหารเพิ่มช่องทางการขาย เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้กว้างมากขึ้น แม้จะจ่ายค่า GP ให้แอปฯ 30-35% แต่ถ้าเจ้าของร้านอาหารรู้จักบริหารจัดการต้นทุนไม่ให้สูง ทำอาหารรสชาติอร่อย สะอาด บรรยากาศดี บริการดีเยี่ยม ราคาคุ้มค่า ร้านอยู่ในทำเลดี คนเห็นได้ง่าย ตรงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เชื่อว่าร้านอาหารของคุณไม่เจ๊งแน่นอน

ข้อมูลจาก https://bit.ly/3PxlhRs

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช