เลี้ยงหนูนา หนูพุก รายได้เป็นแสน
หนูพุกถือเป็นหนูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยอาจจะมีความยาวจากปลายจมูกจรดปลายหางได้ถึง 23–28 เซนติเมตร น้ำหนัก 400-700 กรัม ตัวเมียสามารถผสมพันธุ์ได้ตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป ในขณะที่ตัวผู้ผสมพันธุ์ได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป เป็นหนูที่จะพบได้เฉพาะในพื้นที่เกษตรกรรม เช่น นาข้าว
ซึ่ง www.ThaiSMEsCenter.com ถือว่าการจับหนูนา หรือหนูพุกเหล่านี้มาทำอาหาร ถือเป็นวิถีชีวิตหนึ่งของคนไทยในต่างจังหวัด และปัจจุบันก็มีการพัฒนาสร้างเป็นรายได้มากขึ้น จากที่จับตามธรรมชาติกลายมาเป็นการเพาะเลี้ยง ที่สำคัญคือสร้างรายได้ดีมาก แต่อาชีพนี้ก็เหมาะสำหรับคนที่ตั้งใจและอยากทำจริงๆ
มือใหม่เริ่มต้นเลี้ยงหนูพุก หนูนา
ภาพจาก bit.ly/31JeEC2
หนูเป็นสัตว์ที่ทนต่อทุกสภาพอากาศ ร้อนก็ได้ หนาวก็ได้ ถ้าสถานที่เลี้ยงไม่มีร่มไม้เลย ให้หาวัสดุกันแดดมามุงเล็กน้อย แต่ถ้าที่บ้านมีร่มไม้อยู่แล้วก็สามารถเลี้ยงได้เลย และหากนึกถึงหนูจะนึกถึงความว่องไว ถ้าคิดจะเลี้ยงแนะนำให้ใช้วงปูนเลี้ยงจะง่ายกว่า และทำความสะอาดง่าย ซึ่งขนาดของบ่อถ้าพอมีพื้นที่อาจใช้กว้างประมาณ2×2.5 เมตร ความสูงก้อนอิฐบล็อกประมาณ 5 ก้อน แต่ถ้าไม่มีพื้นที่มากพออาจใช้วงปูนซ้อนเทินกัน 2 วง แล้วก็ปล่อยตัวผู้ตัวเมียลงผสมพันธุ์
ทั้งนี้ หนูที่เลี้ยงกับหนูที่จับมาทางธรรมชาติจะต่างกัน หนูที่เลี้ยงจะเชื่องและเลี้ยงง่ายกว่า โดยหนูพุกแบ่งออกได้ 2 สายพันธุ์ คือ หนูพุกเล็ก และหนูพุกใหญ่ ในช่วงเริ่มแรกอาจใช้วิธีจับหนูพุกหรือหนูนาจากธรรมชาติมาเพาะเลี้ยง หรือต้องการความรวดเร็วก็อาจจะซื้อพ่อแม่พันธุ์จากฟาร์มที่เพาะเลี้ยง อย่างไรก็ดีผู้เลี้ยงควรศึกษาแนวทางการเลี้ยง วิธีการเลี้ยง ที่สำคัญเรื่องของตลาดที่ควรสำรวจให้แน่ใจก่อนเริ่มลงทุน
วิธีการเลี้ยงหนูพุก หนูนาเบื้องต้น
ภาพจาก bit.ly/31JeEC2
อายุของหนูที่เริ่มผสมพันธุ์ได้คือ 3 เดือนครึ่ง ให้จับตัวผู้และตัวเมียมารวมกันในบ่อเลี้ยง เพื่อให้หนูได้ผสมพันธุ์กัน โดยมีอัตราการปล่อยคือ ตัวผู้ 1 ตัว ต่อตัวเมีย 3-4 ตัว มีวิธีการสังเกตเพศระหว่างตัวผู้กับตัวเมีย ตัวผู้อวัยวะเพศจะมีลักษณะคล้ายรูปหัวใจและอยู่ห่างกับรูทวาร ตัวเมียจะมีอวัยวะเพศที่ค่อนข้างยาวแหลม หนูใช้เวลาตั้งท้อง 1 เดือน ถามว่าสังเกตอย่างไรว่าหนูกำลังท้อง ให้จับหางแล้วยกดู ถ้าตัวเมียตั้งท้องจะมีนมออก จากนั้นหลังคลอด 20 วัน หนูจะเริ่มลืมตาได้ ต้องปล่อยให้อยู่กับแม่ก่อน หลังจากนั้น เมื่อหนูสามารถหาอาหารเองได้ให้จับแยกลูกออก เพื่อจับแม่ไปเพาะพันธุ์ต่อ
ภาพจาก bit.ly/31JeEC2
การเลี้ยงหนูนามีเทคนิคการเลี้ยงที่น่าสนใจคือ หากนำหนูนาผสมพันธุ์รวมแบบไม่แยกคลอด หนูจะไม่กัดลูก จะเลี้ยงอยู่กับแม่จนลูกหนูหย่านม พออายุได้ 1 เดือนเอามารวมกันไว้ อายุวัยเจริญพันธุ์ ประมาณ 3-4 เดือนก็แยกออกเป็นชุด ไปไว้ในบ่อที่เตรียมไว้ ถ้าทำลักษณะนี้แม่หนูจะไม่กัดลูก เขาจะคุ้นกลิ่นกัน ไม่เหมือนกับเอาหนูวัยเจริญพันธุ์ต่างสายพันธุ์มาเลี้ยงไว้ในบ่อ โอกาสที่จะกัดลูกตัวเองมีอยู่ หนูนาเมื่อโตเจริญพันธุ์อายุ 3-4 เดือน จะผสมพันธุ์ติดแล้วจะท้องไม่เกิน 1 เดือน เมื่อคลอดลูกหนูออกมา คลอกละ 5-14 ตัว จะให้อยู่กับแม่ประมาณ 1 เดือน จากนั้นนำลูกหนู แยกออกจากแม่เอามารวมกันไว้ พออายุได้ 3 เดือนก็แยกไปเป็นพ่อแม่พันธุ์
เทคนิคการให้อาหารและการทำความสะอาด
ภาพจาก bit.ly/31JeEC2
อาหารของหนูพุกสามารถหาเอาตามที่มีในท้องถิ่น เช่น ข้าวเปลือก หัวมันสำปะหลัง และหญ้าเนเปีย เป็นการลดต้นทุน ซึ่งแม่พันธุ์หนูหนึ่งตัว จะให้ลูกไม่ต่ำกว่า 3 ชุด/ปี ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 5 ชุด/ปี แต่ละชุดจะให้ลูกตั้งแต่ 5 – 12 ตัว อยู่ที่อายุของหนูที่เลี้ยง และอย่างที่ทราบกันดีว่าหนูเป็นตัวพาหะนำโรค ผู้เลี้ยงต้องใส่ใจความสะอาดเป็นพิเศษ น้ำต้องหมั่นเปลี่ยนโดยการผสมอีเอ็มลงในน้ำ เวลาหนูฉี่หรือขับถ่ายออกมาจะไม่มีกลิ่น และแกลบที่ใส่รองในบ่อมีคุณสมบัติช่วยย่อยและดูดกลิ่นฉี่ได้ด้วย วิธีนี้ถือว่าได้ผล เลี้ยงไว้หน้าบ้านก็ไม่มีกลิ่น
ส่วนการทำความสะอาดบ่อเลี้ยงนั้น ควรทำความสะอาด 3 วัน/ครั้ง โดยใช้ปูนขาวและอีเอ็มที่จะช่วยในการดับกลิ่น ซึ่งจะเป็นการป้องกันการเกิดโรค บ่อที่ใช้เลี้ยงระหว่างหนูขุนและหนูพันธุ์ก็จะแตกต่างกัน บ่อที่เป็นบ่อคอนกรีตสี่เหลี่ยมจะใช้เลี้ยงหนูขุน ส่วนบ่อที่เป็นท่อจะใช้เลี้ยงหนูพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์
กำไรต่อเดือนละ 10,000 – 20,000 ต่อเดือน
ภาพจาก bit.ly/31JeEC2
การจำหน่ายหนูนา หนูพุกส่วนใหญ่ขายตามขนาด ตามวัย รวมถึงมีขายพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ได้อีกด้วย เช่น หนูพุกขนาด 1 เดือนราคา 100 บาท ขนาด 2 เดือนราคา 200 บาท ส่วนหนูวัยเจริญพันธุ์ตัวละ 300 บาท หนูพร้อมผสมพันธุ์อายุ 4 เดือน ขายเป็นคู่ๆละ 700 บาท เป็นต้น น้ำหนักของหนูพุก ตัวโตเต็มที่มีน้ำหนักประมาณตัวละ 7 ขีดถึง 2 กก.พร้อมจับขายได้เลย
ซึ่งการเลี้ยงหนูนา 1 ตัว จะมีค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงเฉลี่ยประมาณ 50 บาท หากขายเป็นหนูเนื้อจะอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 200-250 บาท แต่ถ้าขายเป็นพ่อแม่พันธุ์ ก็จะได้ราคาดีกว่า คือ ชุดละราคา 700-2,000 บาท เป็นพ่อพันธุ์ 1 ตัว และแม่พันธุ์ 2 ตัว จึงถือว่าได้กำไรสูงมาก
ขณะที่ความต้องการของตลาดก็มากเช่นกัน โดยเฉพาะร้านอาหารป่าและกลุ่มผู้ชื่นชอบ ทำให้มีรายได้จากการขายหนูนาเฉลี่ยรายได้หักค่ายใช้จ่ายทุกอย่างแล้วอยู่ 10,000-20,000 บาทต่อเดือน ซึ่งถือว่าเป็นรายได้ดีมากสำหรับเศรษฐกิจในยุคนี้ และเป็นอาชีพที่ใครตกงานและกลับบ้านต่างจังหวัด สามารถลงมือทำได้ทันทีอีกด้วย
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/3corFV2
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
ขอบคุณข้อมูล
- https://bit.ly/3sRAVJY
- https://bit.ly/3rWeNNm
- https://bit.ly/31LlAi7
- https://bit.ly/3sQkRIv
- https://bit.ly/3mhHymn
อ้างอิงจาก https://bit.ly/3fJe53d