เปิดแฟรนไชส์ร้านกาแฟ “อินทนิล” ใช้เงินเท่าไหร่

ปัจจุบันแฟรนไชส์ร้านกาแฟ “ อินทนิล ” เป็นอีกหนึ่งแบรนด์แฟรนไชส์กาแฟที่ได้รับความสนใจลงทุนจากผู้ที่อยากมีร้านกาแฟเป็นของตัวเอง เป็นรองเพียงแค่แฟรนไชส์ร้านกาแฟ “คาเฟ่ อเมซอน”

ซึ่งทั้งสองแบรนด์อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานและปั้มน้ำมันชั้นนำของไทย โดยแฟรนไชส์กาแฟ “อินทนิล” เป็นของบริษัท บางจาก รีเทล จำกัด ส่วนแฟรนไชส์กาแฟ “คาเฟ่ อเมซอน” เป็นของบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)

แฟรนไชส์ร้านกาแฟ “อินทนิล” ก่อตั้งและดำเนินธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชสตั้งแต่ปี 2549 เป็นแฟรนไชส์กาแฟสัญชาติไทยที่ประสบความสำเร็จทั้งในและนอกสถานีบริการน้ำมันบางจากกว่า 700 สาขาทั่วประเทศ แบ่งเป็นในสถานีบริการน้ำมันบางจาก 450 สาขา และนอกสถานีบริการน้ำมันบางจาก 250 สาขา จึงทำให้บริษัทฯ มีความพร้อมและเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีใจรักในธุรกิจกาแฟได้เป็นเจ้าของร้านกาแฟ “อินทนิล” ในรูปแบบแฟรนไชส์ “อินทนิล คอฟฟี่” และ “อินทนิล การ์เด้น”

8

ภาพจาก https://bit.ly/38Lh4Um

โดยในปี 2563 ที่ผ่านมา อินทนิลได้รับรางวัล Best Coffee จาก GET Awards, รางวัล Best Operation จาก GrabFood Awards และรางวัลบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (ECO Package) จาก Thai Star Packaging Awards

ซึ่งข้อมูล ณ ปี 2563 บริษัท บางจาก รีเทล จำกัด คือผู้ใช้แก้วพลาสติกชีวภาพ ที่ย่อยสลายได้โดยธรรมชาติ มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน ด้วยแนวความคิดที่ว่า “เพราะ 1 แก้วของอินทนิล ไม่ใช่แค่การดื่มกาแฟ แต่คือ การบริโภคด้วยจิตสำนึกที่ดี และร่วมรับผิดชอบโลกใบนี้ไปพร้อมกัน Inthanin Natural Cup อินทนิลทุกแก้วของคุณ เพื่อโลกของเราทุกคน”

อินทนิล

ภาพจาก https://bit.ly/2X2wHnx

รูปแบบการลงทุนและค่าใช้จ่ายในการเปิดร้านกาแฟ “อินทนิล” มากน้อยแค่ไหน วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com มีข้อมูลมานำเสนอให้ผู้สนใจลงทุนแฟรนไชส์ร้านกาแฟ “อินทนิล” ได้ทราบครับ

คุณสมบัติผู้ลงทุนแฟรนไชส์ร้านกาแฟ “อินทนิล”

อินทนิล

ภาพจาก https://bit.ly/3jPretg

  1. มีใจรักในธุรกิจกาแฟ
  2. มีทำเลและสถานที่เพื่อดำเนินธุรกิจ
  3. ดำเนินการจัดตั้งนิติบุคคล พร้อมวัตถุประสงค์ต่างๆ ตามที่ผู้ให้สิทธิกำหนด
  4. มีความพร้อมด้านบุคลากรในการบริหารร้าน

ขั้นตอนการลงทุนแฟรนไชส์ร้านกาแฟ “อินทนิล”

อินทนิล

ภาพจาก https://bit.ly/3yQZJnC

  1. กรอกใบสมัคร ส่งข้อมูลรายละเอียดผู้สนใจลงทุน และพื้นที่ ผ่านทาง mkbcr-franchise@bangchakretail.com
  2. สำรวจพื้นที่ ทีมงานนัดหมายและเข้าดำเนินการประเมินศักยภาพของพื้นที่
  3. นัดสัมภาษณ์ พิจารณาความพร้อมของผู้สนใจลงทุนและชี้แจงรายละเอียดต่างๆ
  4. เซ็นสัญญา รับหลักเกณฑ์สัญญาแฟรนไชส์ และชำระค่าสิทธิต่างๆ
  5. รับแบบร้านกาแฟ ทีมงานส่งมอบแบบก่อสร้าง และแบบตกแต่งร้าน
  6. เข้าฝึกอบรม ผู้สนใจลงทุนเข้าอบรมหลักสูตรเจ้าของร้านกาแฟอินทนิล
  7. เตรียมความพร้อมการเปิดร้าน ผู้สนใจลงทุนเตรียมการก่อสร้าง การตกแต่ง และติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ
  8. เปิดร้านอินทนิล เป็นเจ้าของร้านกาแฟอินทนิลอย่างเต็มรูปแบบ
  9. สนับสนุนด้วยทีมงานมืออาชีพ ทีมงานให้คำปรึกษาและแนะนำการบริหารงานร้านตลอดอายุสัญญา

เงินลงทุนแฟรนไชส์กาแฟ “อินทนิล คอฟฟี่”

อินทนิล

ภาพจาก https://bit.ly/3hayTka

จุดเด่น คือ เรียบง่าย ทันสมัย อบอุ่นและมีสไตล์ ด้วยรสชาติกาแฟที่เข้มข้นและมีเอกลักษณ์

  1. ระยะเวลาให้สิทธิ 6 ปี
  2. ค่าธรรมเนียมแรกเข้า (Franchise Fee) 200,000 บาท
  3. เงินค้ำประกันสัญญา 100,000 บาท
  4. ค่าออกแบบและจัดทำแบบก่อสร้าง 50,000 บาท
  5. ค่าบริการ Software ระบบ POS รายปี 27,000 บาท
  6. เงินลงทุนค่าอุปกรณ์การขายและวัตถุดิบครั้งแรก เช่น เครื่องชงกาแฟ เครื่องบดกาแฟ เครื่องปั่นน้ำผลไม้ ฯลฯ (ประมาณการ) 450,000 บาท
  7. การก่อสร้างและตกแต่งร้าน (ประมาณการ) 1-2 ล้าน บาท* *ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่
  8. ค่าส่วนแบ่งรายได้ (Loyalty Fee) 6% จากยอดขาย

เงินลงทุนแฟรนไชส์กาแฟ “อินทนิล การ์เด้น”

อินทนิล

ภาพจาก https://bit.ly/3zSKFqI

  1. ระยะเวลาให้สิทธิ 6 ปี
  2. ค่าธรรมเนียมแรกเข้า (FRANCHISE FEE) 250,000 บาท
  3. เงินค้ำประกันสัญญา 100,000 บาท
  4. ค่าออกแบบและจัดทำแบบก่อสร้าง 100,000 บาท
  5. ค่าบริการ SOFTWARE ระบบ POS รายปี 27,000 บาท
  6. เงินลงทุนค่าอุปกรณ์การขายและวัตถุดิบครั้งแรก เช่น เครื่องชงกาแฟ เครื่องบดกาแฟ เครื่องปั่นน้ำผลไม้ ฯลฯ (ประมาณการ) 550,000 บาท
  7. การก่อสร้างและตกแต่งร้าน (ประมาณการ) 1-3 ล้านบาท (ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่)
  8. ค่าส่วนแบ่งรายได้ (Loyalty Fee) 6% จากยอดขาย

สิทธิประโยชน์ที่ได้รับในการเป็นเจ้าของธุรกิจร้านกาแฟอินทนิล

อินทนิล

ภาพจาก https://bit.ly/3n8Gzax

  1. ได้สิทธิในการใช้ชื่อ รูปแบบและโลโก้
  2. ได้รับการออกแบบ ตกแต่งร้านเป็นไปตามมาตรฐานของอินทนิล
  3. เข้าร่วมการฝึกอบรมการเป็นเจ้าของธุรกิจและการบริหารงานร้าน
  4. ได้รับคู่มือการปฏิบัติการและการบริหารงานร้าน
  5. พัฒนาเมนูใหม่และสนับสนุนกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ
  6. มีทีมงานสนับสนุนและให้คำปรึกษาในการบริหารงานร้าน
  7. ร่วมพัฒนาระบบบริหารงานร้านอย่างต่อเนื่อง

บางจากฯ ตั้งเป้าหมายจะขยายสาขาร้านกาแฟอินทนิล เพิ่มเป็น 1,200 สาขาภายใน 5 ปี (2564-2568) จากสิ้นปี 2563 มีอยู่ 700 สาขา หรือจะต้องเปิดเพิ่มอีก 500 สาขาภายในปี 2568 ในอนาคตยังมองโอกาสศึกษาที่จะเข้าไปถึงธุรกิจต้นน้ำของกาแฟเมื่อสามารถผลักดันการขยายร้านกาแฟอินทนิลครบ 1,000 สาขาในปี 2565

1

ภาพจาก https://bit.ly/38S7Plj

ที่ผ่านมาแฟรนไชส์ร้านกาแฟอินทนิลได้ส่งมอบประสบการณ์ดีๆ ผ่าน 5 Good Experiences Strategy ทั้ง Good Taste / Good Service / Good Design / Good Health และ Good Society โดยเฉพาะในด้าน Good Taste แฟรนไชส์อินทนิลเลือกบริการเสิร์ฟกาแฟคุณภาพมาตรฐานให้ลูกค้า ด้วยเมล็ดกาแฟอาราบิก้าแท้ 100%

บางจากฯ ยังร่วมกับ การบินไทย ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่างร้านกาแฟอินทนิล และสินค้า Puff & Pie ร่วมพัฒนาแผนธุรกิจเพื่อการจัดจำหน่ายในร้านกาแฟอินทนิล ทั้งในรูปแบบ Grab & Go และ Shop in Shop รวม 50 สาขาภายในปี 2564 และตั้งเป้าขยายให้ครบ 100 สาขาภายปี 2565 ถือเป็นช่องทางเพิ่มยอดขายให้สาขาแฟรนไชส์อีกด้วย

สมัครแฟรนไชส์อินทนิล https://bit.ly/2YvECdP

หรือสอบถามเพิ่มเติม คุณสมยศ 02-335-4995 หรือ 02-335-8400 ต่อ 3490 หรือ 02-3358400 กด 2
E-mail : Somyot@bangchakretail.com

หรือดูรายละเอียดการสมัครเป็นแฟรนไชส์ ร้านอินทนิล ที่ลิงก์นี้ https://bit.ly/2WVjwVA

ข้อมูลจาก https://bit.ly/3zT6kit , https://bit.ly/3zT6lTz

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3topEBI

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise


8 ขั้นตอน การพัฒนาระบบแฟรนไชส์

1. การวางแผนธุรกิจ ก่อนทำแฟรนไชส์

  • กำหนดรูปแบบธุรกิจ (Business Model) ให้มีความชัดเจน โดนใจลูกค้า
  • ชื่อกิจการ (Brand)
  • การสร้างผลการดำเนินธุรกิจที่ดี ได้ผลกำไร มีความมั่นคง (Good ROI)
  • การสร้างแบรนด์ ตราสินค้า ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักผู้บริโภค
  • การพัฒนาสินค้าบริการ ให้มีคุณภาพมาตรฐาน และระบบการจัดการที่เป็นมาตรฐาน
  • การพัฒนาระบบบริการจัดการ จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
  • วางโครงสร้างองค์กรใหม่ รวมถึงการพัฒนาบุคลากร ทีมงาน สนับสนุนระบบแฟรนไชส์
  • การวางแผน และกำหนดเป้าหมายการขยายธุรกิจ การขยายสาขา ทั้งในและต่างประเทศ
  • การกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจ ทำเลที่ตั้ง และรูปแบบของร้านค้า
  • การเลือกใช้สื่อต่างๆ ช่องทางต่างๆ ในการจัดกิจกรรม เพื่อสร้างแบรนด์แฟรนไชส์

2. การรวบรวมข้อมูลธุรกิจ

  • ระบบการปฏิบัติงาน วิธีการบริหารจัดการธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
  • ระบบการเงิน การบัญชี
  • งบประมาณในการลงทุนธุรกิจ การขยายสาขา
  • รูปแบบของร้านค้า รูปแบบของตราสินค้า ที่เป็นเอกลักษณ์
  • ระบบการสต็อกสินค้า จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
  • แผนงานการตลาด การส่งเสริมการขายต่างๆ
  • กระบวนการพัฒนาบุคลากร ทีมงานด้านต่างๆ

3. การวิเคราะห์ธุรกิจแฟรนไชส์

  • ธุรกิจเปิดมานานหลายปี จำนวนไม่น้อยกว่า 1สาขา
  • แบรนด์มีชื่อเสียงได้รับความนิยม เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในวงกว้าง
  • สินค้าและบริการ มีคุณภาพมาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาด
  • เป็นธุรกิจที่มีความมั่นคง ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ มีผลกำไร ต่อเนื่อง เป็นที่น่าพอใจ
  • มีระบบการทำงาน การปฏิบัติงาน แผนการทำงานที่ชัดเจน สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นได้
  • มีระบบการพัฒนาบุคลากร และสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง เป็นมาตรฐาน
  • ประสบความสำเร็จทางด้านการตลาด การสร้างแบรนด์ การส่งเสริมการขายต่างๆ
  • แผนกลยุทธ์การขยายสาขา และเติบโตต่อเนื่อง เป็นรายเดือน หรือ รายปี

4. การวางโครงสร้างของระบบแฟรนไชส์

  • กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค
  • การสร้างองค์ความรู้ ระบบปฏิบัติงานต่างๆ ที่พร้อมถ่ายทอดให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • วางระบบการปฏิบัติงานของแต่ละขั้นตอนธุรกิจ ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ง่าย
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย แต่ละแผนกให้ชัดเจน รวมถึงขั้นตอนการอบรม ระบบตรวจสอบ เพื่อสร้างมาตรฐานธุรกิจแฟรนไชส์
  • สร้างระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซี หรือผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • การกำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ ในการขยายสาขาแฟรนไชส์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า (ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์)
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม พร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ช่วงเริ่มต้นได้
  • เงื่อนไขการเปิดสาขาในด้านต่างๆ

5. การวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจแฟรนไชส์

  • แผนการขยายแฟรนไชส์
  • ระบบการเงิน
  • ค่าธรรมเนียมต่างๆ
  • ข้อเสนอแฟรนไชส์ซี
  • การจดทะเบียนแฟรนไชส์
  • เรื่องกฎหมาย อายุสัญญาแฟรนไชส์
  • ระบบปฏิบัติงาน รูปแบบการให้สิทธิ
  • การตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์
  • แพ็คเกจต่างๆ ระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซีอย่างต่อเนื่อง
  • การจัดทำคู่มือแฟรนไชส์ หรือโปรแกรมแฟรนไชส์
  • การจัดทำสัญญาแฟรนไชส์ รวมถึงเครื่องหมายการค้า

6. การวางแผนเพื่อขยายสาขาธุรกิจแฟรนไชส์

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ เจ้าของแฟรนไชส์จะบริหารจัดการเองทุกอย่าง เพื่อสร้างความโดดเด่น สร้างความเด่นชัดให้แก่นักลงทุน ได้เห็นภาพของร้านที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การลงทุนเปิดสาขาแฟรนไชส์ในภายหลัง
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟนไชส์ คือ เมื่อสาขาแรกมีความแข็งแกร่ง มั่นคง มีผลกำไรต่อเนื่อง เป็นที่ยอมรับของลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ แล้ว ก็ทดลองขยายสาขาเพิ่มอีก เพื่อทดสอบสาขาที่ 2 เป็นอย่างไร โดยนำเอาระบบการปฏิบัติงานทุกอย่างของร้านสาขาแรกมาปฏิบัติ ถ้าประสบความสำเร็จ ก็ค่อยขยายสาขาตัวเองเพิ่มอีก 2-3 สาขา ถ้าประสบความสำเร็จเหมือนสาขาแรก ก็ค่อยคิดขายแฟรนไชส์ให้กับคนอื่น

7. กระบวนการพัฒนาและปรับปรุงระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น (ระบบการบริหารจัดการในร้าน ขั้นตอนการปฏิบัติงาน)วิเคราะห์ระบบการเงิน การลงทุน ในแต่ละสาขาที่เปิดทดลอง
  • พิจารณาปรับปรุงระบบงาน ระบบการทำงานต่างๆ ให้เหมาะสม
  • ระบบการพัฒนาทีมงานรองรับการขยายงาน ขยายสาขา
  • การวางแผนงานขยายสาขาแฟรนไชส์
  • เก็บข้อมูลรายละเอียดต่างๆ กลุ่มลูกค้า ผลประกอบการ การดำเนินงาน ของสาขาแรก หรือสาขาต้นแบบ เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด ก่อนเปิดสาขาที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และขายแฟรนไชส์
  • จัดวางงบประมาณ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการขยายธุรกิจแฟรนไชส์

8. แผนการตลาดของธุรกิจแฟรนไชส์

  • การจัดทำคู่มือต่างๆ เพื่อแนะนำธุรกิจแฟรนไชส์
  • กระบวนการขายแฟรนไชส์ การคัดเลือกผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • กระบวนการติดตามลูกค้าเป้าหมาย
  • การนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ในงานแสดงธุรกิจแฟรนไชส์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
  • การจัดงาน สัมมนาการขายธุรกิจ แฟรนไชส์
  • การเปิดเยี่ยมชมธุรกิจ ร้านต้นแบบแฟรนไชส์
  • กระบวนการคัดเลือกแฟรนไชส์ซีที่เหมาะสม ตามหลักมาตรฐานแฟรนไชส์สากล
  • กระบวนการถ่ายทอดความรู้ การอบรม และให้คำปรึกษาแก่แฟรนไชส์ซี

สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช