เปิดร้าน “ถูกดี มีมาตรฐาน” ใช้เงินลงทุนเท่าไหร่ คุ้มมั๊ย?
“ถูกดี มีมาตรฐาน” อีกหนึ่งแบรนด์ร้านสะดวกซื้อภายใต้การบริหารของ “คุณเสถียร เสถียรธรรมะ” เจ้าพ่อคาราบาวกรุ๊ป และซี.เจ เอ็กซ์เพรส เป็นรูปแบบร้านสะดวกซื้อของชุมชน เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไป รวมถึงเจ้าของร้านโชห่วยในต่างจังหวัด ได้เป็นเจ้าของร้านสะดวกซื้อชุมชนอันดับ 1 ที่ปัจจุบันมีจำนวนกว่า 5,000 ร้าน ครอบคลุม 62 จังหวัด ใครอยากเปิดร้าน “ถูกดี มีมาตรฐาน” มาดูข้อมูลการลงทุน ใช้เงินเท่าไหร่ มีความน่าสนใจแค่ไหน คุ้มหรือไม่คุ้ม
ความน่าสนใจเปิดร้าน “ถูกดี มีมาตรฐาน”
- คนเปิดร้านไม่ต้องลงทุนซื้อของเอง บริษัทฯ จัดหาสินค้า อุปกรณ์ และเทคโนโลยีจัดการร้านให้มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท
- มีสินค้าหลากหลายกว่า 2,000 รายการ พร้อมอุปกรณ์ภายในร้าน ชั้นวาง ตู้แช่สินค้า เครื่องคิดเงินอัตโนมัติ (POS)
- มีการจัดส่งสินค้าถึงหน้าร้าน สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ไม่ต้องลงทุนซื้อสินค้าเข้าร้านเอง ตลอดอายุสัญญา
- สินค้าทุกชิ้นจะถูกจัดส่งไปที่หน้าร้าน ถูกดี มีมาตรฐาน ภายใน 7 วัน ไม่มีค่าส่ง
- มีโปรโมชั่น ดึงดูดลุกค้าทุกวัน ทำให้ร้านขายดี
- มีเทคโนโลยี เช็คต้นทุน กำไร จัดการร้านค้า สินค้า ช่วยให้บริหารจัดการร้านได้ง่าย
- ไม่มีความเสี่ยง ร้านถูกดี มีมาตรฐาน บริษัทฯ ลงทุนให้ กำไรแบ่งกัน
สินค้าภายในร้านถูกดีมีอะไรบ้าง
- สินค้าอุปโภค – ผลิตภัณฑ์ดูแลบ้าน ผลิตภัณฑ์ดูแลและบำรุงร่างกาย เครื่องมือช่าง เครื่องเขียน ของเล่น เป็นต้น
- สินค้าบริโภค – อาหารสำเร็จรูป อาหารแปรรูป ขนม เครื่องดื่ม เครื่องปรุง เป็นต้น
ค่าใช้จ่ายและรูปแบบการลงทุนเปิดร้าน “ถูกดี มีมาตรฐาน”
- มีพื้นที่ในการเปิดร้านถูกดี มีมาตรฐาน
- มีความตั้งใจในการบริหารจัดการร้าน
- มีเงินทุนปรับปรุงร้าน / ตกแต่งร้านให้ได้มาตรฐาน 100,000 – 200,000 บาท
- มีเงินค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญา 200,000 บาท (ได้รับคืนเมื่อสิ้นสุดสัญญา)
- มีบุคคลค้ำประกัน 1 คนในการทำสัญญา
- ระยะสัญญา 3 ปี
โมเดลร้าน “ถูกดี มีมาตรฐาน”
- Size XS พื้นที่ 30 ตร.ม. จำนวนชั้นวาง 20 ชั้นวาง (1 คูหา)
- Size S พื้นที่ 40 ตร.ม. จำนวนชั้นวาง 36 ชั้นวาง (1 คูหา)
- Size M พื้นที่ 64 ตร.ม. จำนวนชั้นวาง 40 ชั้นวาง (2 คูหา)
- Size L พื้นที่ 80 ตร.ม. ขึ้นไป จำนวนชั้นวาง 60 ชั้นวาง (3 คูหา)
กรณีเป็นพื้นที่เปล่า หากต้องการเปิดร้าน “ถูกดี มีมาตรฐาน” ผู้ลงทุนต้องจ่ายค่าก่อสร้างและตกแต่งร้านเอง
ผลตอบแทนการลงทุน
- แบ่งเงินปันผลจากกำไร (ไม่ใช่ยอดขาย)
- ผู้ลงทุน หรือพาร์ทเนอร์เจ้าของร้าน 85%
- เจ้าของแบรนด์ “ถูกดี มีมาตรฐาน” 15%
เปิดร้าน “ถูกดี มีมาตรฐาน” คุ้มหรือไม่
สมมติใช้เงินลงทุนเปิดร้านประมาณ 400,000 บาท
- ยอดขายต่อวัน = 10,000 บาท
- ยอดขายต่อเดือน 10,000 x 30 = 300,000 บาท
- กำไรจากธุรกิจค้าปลีกประมาณ 15%
- เหลือรายได้ต่อเดือน 45,000 บาท
#หักค่าใช้จ่าย (ไม่มีค่าเช่า เป็นพื้นที่ของตัวเอง)
- ค่าน้ำ + ค่าไฟ + อินเทอร์เน็ต 15,000 บาท
- สินค้าหมดอายุ + ค่าเสื่อม อุปกรณ์ชำรุด 5,000 บาท
- ค่าจัดส่งสินค้าฟรี
- ดูแลร้านเอง ไม่มีพนักงาน
- รวมค่าใช้จ่ายต่อเดือน 20,000 บาท
เหลือกำไรต่อเดือน 45,000 – 20,000 = 25,000 บาท
พาร์ทเนอร์หรือเจ้าของร้านได้ส่วนแบ่งกำไร 85% = 21,250 บาท/เดือน
ระยะเวลาคืนทุน 400,000 หาร 21,250 = 19 เดือน หรือ 1 ปี 7 เดือน (ระยะสัญญา 3+3 ปี)
อย่างไรก็ตาม การลงทุนเปิดร้าน “ถูกดี มีมาตรฐาน” จะมีรายได้และประสบความสำเร็จ ร้านของคุณต้องอยู่ในทำเลหรือพื้นที่ที่มีคนสัญจรผ่านไปมาอยู่ตลอด อยู่ในแหล่งชุมชน ร้านมองเห็นได้ชัดเจน โดดเด่น และต้องตั้งใจบริหารและดูแลร้านให้ขายดี
ข้อมูลจาก www.td.co.th/partner
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
อ้างอิงจาก คลิกที่นี่
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)