เปิดต้นทุน! ซื้อแฟรนไชส์ฟาสต์ฟู้ด 12 แบรนด์ยักษ์ใหญ่ในอเมริกา
หลายคนมองว่า การเป็นเจ้าของร้านธุรกิจแฟรนไชส์ฟาสต์ฟู้ดชื่อดังของอเมริกา อาจสร้างความร่ำรวยให้กับผู้ซื้อแฟรนไชศ์ได้อย่างง่ายดาย แต่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก ยิ่งถ้าเป็นแฟรนไชส์ฟาสต์ฟู้ดแบรนด์ดังๆ ของโลก
คุณจำเป็นต้องมีเงินและสินทรัพย์สภาพคล่องไม่น้อยกว่า 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเปิดร้านแฟรนไชส์แมคโดนัลด์, 750,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเปิดร้านแฟรนไชส์ Taco Bell และ 2,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเปิดร้านแฟรนไชส์ Wendy ร้านขายแฮมเบอร์เกอร์
แฟรนไชส์แบรนด์ยักษ์ใหญ่ในอเมริกายังต้องการเงินสดกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสบทบให้กองทุน สำหรับไว้ในการเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์ฟาสต์ฟู้ดที่สำคัญในสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ผู้ซื้อแฟรนไชส์จะต้องมีค่าใช้จ่ายในการเปิดแฟรนไชส์ ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์แรกเข้า ค่าสิทธิ์ต่างๆ รายเดือน ซึ่งรวมถึงค่าโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และบริการอื่นๆ มากกว่า 10% ในการช่วยเพิ่มยอดขายให้กับร้านสาขาแฟรนไชส์
วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com มีข้อมูลมานำเสนอให้ทราบว่า ธุรกิจแฟรนไชส์ฟาสต์ฟู้ดแบรนด์ชื่อดังยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาจาก 12 แบรนด์แฟรนไชส์ชื่อดัง มีค่าใช้จ่ายในการเริ่มต้นในการเปิดร้านแฟรนไชส์ทั้งหมดโดยเฉลี่ยเท่าไหร่
1.McDonald’s (1.3 – 2.2 ล้านเหรียญสหรัฐ)
ภาพจาก https://bit.ly/32sZgsN
ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นร้านเปิดร้านประมาณ 1.3 – 2.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดโดยเฉลี่ยจะถูกพิจารณาจากทำเลที่ตั้งและขนาดของร้าน อุปกรณ์ครัว ป้าย การตกแต่งต่างๆ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างและอุปกรณ์
- สินทรัพย์สภาพคล่องขั้นต่ำ (เงินทุนหมุนเวียน) 500,000 เหรียญสหรัฐ
- ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ 45,000 เหรียญสหรัฐ
- ค่าสิทธิ์ต่อเนื่อง (ค่าธรรมเนียมดำเนินการ) McDonald เรียกเก็บค่าบริการรายเดือน (Royalty Fee) 4% ของยอดขายรวม และแฟรนไชส์ซี (ผู้ซื้อแฟรนไชส์) จะต้องจ่ายค่าเช่าให้กับบริษัทแฟรนไชส์ ซึ่งคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของยอดขายรายเดือน
- ยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาประมาณ 2.7 ล้านเหรียญสหรัฐ
2.Chick-fil-A (10,000 เหรียญสหรัฐ)
ภาพจาก https://bit.ly/2JAZiHv
- ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ 10,000 เหรียญสหรัฐ
- ค่าสิทธิ์ต่อเนื่อง Chick-fil-A เก็บค่าธรรมเนียมบริการรายเดือน 15% ของยอดขายรวม พร้อมทั้งคิดเพิ่มอีก 50% ของกำไรก่อนหักภาษี สิ่งสำคัญก็คือ Chick-fil-A จำกัดแฟรนไชส์ซีห้ามเปิดหลายสาขา เพื่อให้แฟรนไชส์ซีแต่ละสาขามีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิดกับหนักงาน รวมถึงสามารถบริหารสาขาและดำเนินงานในร้านอาหารของตัวเองอย่างเต็มที่
- ยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาประมาณ 4.1 ล้านเหรียญสหรัฐ
3.Subway (116,000 – 263,000 เหรียญสหรัฐ)
ภาพจาก https://bit.ly/2XPgK3X
- ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นเปิดร้าน 116,000 – 263,000 เหรียญสหรัฐ
- สินทรัพย์สภาพคล่องขั้นต่ำ 80,000 – 90,000 เหรียญสหรัฐ
- ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ 15,000 เหรียญสหรัฐ
- ค่าสิทธิ์ต่อเนื่อง Subway คิดค่าธรรมเนียมบริการรายรายสัปดาห์ประมาณ 12.5% ของยอดขายรวม แบ่งออกเป็นค่า Royalty Fee 8% และค่าโฆษณา 4.5% ต่อสัปดาห์
- ยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาประมาณ 417,000 เหรียญสหรัฐ
4.Burger King (1.9 – 3.3 ล้านเหรียญสหรัฐ)
ภาพจาก https://bit.ly/2JMKPHn
- ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นเปิดร้าน 1.9 – 3.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ เกี่ยวกับการออกแบบ ตกแต่ง และก่อสร้างร้าน
- ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ 50,000 เหรียญสหรัฐ
- ค่าสิทธิ์ต่อเนื่อง Burger King เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการโฆษณาต่อเดือน 4% ของยอดขายรวม และค่าสิทธิในการดำเนินการ (Royalty Fee) 4.5% ของยอดขายรวม
- ยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาประมาณ 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐ
5.Taco Bell (1.2 – 2.9 ล้านเหรียญสหรัฐ)
ภาพจาก https://bit.ly/2CoGgmd
- ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นเปิดร้าน 1.2 – 2.9 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ และค่าใช้จ่ายในการเริ่มต้นอื่นๆ เช่น การเช่าพื้นที่ และการก่อสร้าง แต่ถ้าเป็นร้านขนาดเล็กลงมาค่าใช้จ่ายเริ่มต้น 175,000 เหรียญสหรัฐ – 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐ
- สินทรัพย์สภาพคล่องขั้นต่ำ 750,000 เหรียญสหรัฐ
- ข้อกำหนดมูลค่าสุทธิขั้นต่ำ (เงินก่อนเปิดร้าน) 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ
- ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ 45,000 เหรียญสหรัฐ สำหรับร้านอาหาร Taco Bell แบบดั้งเดิมใหม่ และค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ 25,000 เหรียญสหรัฐ สำหรับร้านอาหารที่มีขาดเล็กหรือเป็นซุ้ม
- ค่าสิทธิ์ต่อเนื่อง Taco Bell เรียกเก็บค่า Royalty Fee 5.5% ของยอดขายต่อเดือน และค่าธรรมเนียมการตลาด 4.25% ของยอดขายโดยรวมต่อเดือน
- ยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาประมาณ 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ
6. Wendy’s (2 – 3.5 ล้านเหรียญสหรัฐ)
ภาพจาก https://bit.ly/2JGzkTf
- ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นเปิดร้าน 2 – 3.5 ล้านเหรียญสหรัฐ
- สินทรัพย์สภาพคล่องขั้นต่ำ 2 ล้านเหรียญสหรัฐ
- ข้อกำหนดมูลค่าสุทธิขั้นต่ำ 5 ล้านเหรียญสหรัฐ
- ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ 50,000 เหรียญสหรัฐ
- ค่าสิทธิ์ต่อเนื่อง Wendy’s คิดค่าธรรมเนียมบริการ เช่น โฆษณา 4% ของยอดขายรวมต่อเดือน และค่าลิขสิทธิ์ 4% ของยอดขายรวมต่อเดือน
- ยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาประมาณ 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐ
7. KFC (1.4 – 2.8 ล้านเหรียญสหรัฐ)
ภาพจาก https://bit.ly/30MGqeD
- ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นเปิดร้าน 1.4 – 2.8 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับค่าเช่า และการสร้างร้าน ตกแต่ง และอื่นๆ *
- สินทรัพย์สภาพคล่องขั้นต่ำ 750,000 เหรียญสหรัฐ
- ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ 45,000 เหรียญสหรัฐ
- ค่าสิทธิ์ต่อเนื่อง KFC เรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมดำเนินการต่างๆ จากแฟรนไชส์ซีประมาณ 10% ของรายได้รวมต่อเดือน แบ่งออกเป็น 5% สำหรับค่าลิขสิทธิ์ และ 4.5% สำหรับค่าโฆษณา โดยประมาณ
- ยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาประมาณ 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐ
8. Dairy Queen (1.1 – 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐ)
ภาพจาก https://bit.ly/2O2bdT8
- ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นเปิดร้าน 1.1 – 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นค่าดำเนินการก่อสร้างร้าน อุปกรณ์ ตกแต่ง และอื่นๆ
- สินทรัพย์สภาพคล่องขั้นต่ำ 400,000 เหรียญสหรัฐ
- ข้อกำหนดมูลค่าสุทธิขั้นต่ำ 750,000 เหรียญสหรัฐ
- ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ 35,000 เหรียญสหรัฐ
- ค่าสิทธิ์ต่อเนื่อง Dairy Queen คิดค่า Royalty Fee 4% ของยอดขาย และค่าธรรมเนียมการตลาด 5% – 6% ของยอดขาย
- ยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาประมาณ 1.3 ล้านเหรียญสหรัฐ
9.Sonic (1.22 – 3.53 ล้านเหรียญสหรัฐ)
ภาพจาก https://bit.ly/2JR3qSv
- ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นเปิดร้าน ร้านรูปใหม่ขนาดเล็ก 356,500 – 977,300 เหรียญสหรัฐ ส่วนร้านดั้งเดิมขนาดใหญ่ 1.22 – 3.53 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งยังไม่รวมค่าเช่าและราคาที่ดิน
- สินทรัพย์สภาพคล่องขั้นต่ำ 500,000 เหรียญสหรัฐ
- ข้อกำหนดมูลค่าสุทธิขั้นต่ำ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ
- ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ 22,500 เหรียญสหรัฐสำหรับร้านขนาดเล็ก และ 45,000 เหรียญสหรัฐสำหรับร้านขนาดใหญ่ดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมีค่าธรรมเนียมการพัฒนาพื้นที่เพิ่มเติม 10,000 เหรียญสหรัฐต่อสถานที่
- ค่าสิทธิต่อเนื่อง Sonic เรียกเก็บค่าธรรมเนียม Royalty Fee 5% ของยอดขาย และค่าโฆษณาขั้นต่ำ 3.25%
- ยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาประมาณ 1.3 ล้านเหรียญสหรัฐ
10. Papa John’s (300,000 เหรียญสหรัฐ)
ภาพจาก https://bit.ly/2XOdXYO
- ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นเปิดร้าน 300,000 เหรียญสหรัฐ รวมการออกแบบตกแต่งร้าน และอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมขาย
- สินทรัพย์สภาพคล่องขั้นต่ำ 75,000 เหรียญสหรัฐ
- ข้อกำหนดมูลค่าสุทธิขั้นต่ำ 250,000 เหรียญสหรัฐ
- ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ 25,000 เหรียญสหรัฐ
- ค่าสิทธิ์ต่อเนื่อง Papa John เรียกเก็บค่าธรรมเนียมรายเดือน Royalty Fee 5% ของยอดขายสุทธิ และค่าธรรมเนียมการตลาด 8% ของยอดขายต่อเดือน
- ยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาประมาณ 968,000 เหรียญสหรัฐ
11. Dunkin’ Donuts (229,000 เหรียญสหรัฐ – 1.7 ล้านเหรียญสหรัฐ)
ภาพจาก https://bit.ly/2YSTzC9
- ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นเปิดร้าน 229,000 เหรียญสหรัฐ – 1.7 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับการดำเนินการก่อสร้างและตกแต่งร้าน
- สินทรัพย์สภาพคล่องขั้นต่ำ 250,000 เหรียญสหรัฐ
- ข้อกำหนดมูลค่าสุทธิขั้นต่ำ 500,000 เหรียญสหรัฐ
- ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ 40,000 – 90,000 เหรียญสหรัฐ
- ค่าสิทธิ์ต่อเนื่อง Dunkin ‘Donuts เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการโฆษณา 5% ของยอดขายต่อเดือน และค่าธรรมเนียมลิขสิทธิ์ 2% – 6% ของยอดขายต่อเดือน
- ยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาประมาณ 733,000 เหรียญสหรัฐ
12. Arby’s (320,550 เหรียญสหรัฐ – 2 ล้านเหรียญสหรัฐ)
ภาพจาก https://bit.ly/2JTdFWO
- ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นเปิดร้าน 320,550 เหรียญสหรัฐ – 2 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับดำเนินการก่อสร้างแลบะตกแต่งร้าน
- สินทรัพย์สภาพคล่องขั้นต่ำ (เงินทุนหมุนเวียน) 500,000 เหรียญสหรัฐ
- ข้อกำหนดมูลค่าสุทธิขั้นต่ำ (เงินทุนก่อนเปิดร้านใหม่) 1 ล้านเหรียญสหรัฐ
- ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ 6,250 – 40,900 เหรียญสหรัฐ
- ค่าสิทธิ์ต่อเนื่อง Arby เรียกเก็บค่าธรรมเนียม Royalty Fee 4% ของยอดขายต่อเดือน และค่าธรรมเนียมโฆษณา 4.2% ของยอดขายต่อเดือน
- ยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาประมาณ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ
ได้เห็นกันแล้วว่า หากเราจะซื้อแฟรนไชส์ฟาสต์ฟู้ดชื่อดังของสหรัฐอเมริกา จะต้องใช้เงินในการลงทุนทั้งหมดจำนวนมากน้อยแค่ไหน ซึ่งแต่และแฟรนไชส์ล้วนแต่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก
เพราะแบรนด์แฟรนไชส์ต่างๆ มีระบบการบริหารจัดการแฟรนไชส์ที่เป็นมาตรฐานสากล ไม่ว่าเราจะใช้บริการที่ร้านสาขาไหน ก็จะได้รับการบริการเหมือนกันกับสาขาที่เคยสัมผัสมาครับ
คุณผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
อ่านบทความอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ www.thaifranchisecenter.com/document
เลือกซื้อแฟรนไชส์ไทยขายดี www.thaifranchisecenter.com/directory/index.php
Franchise Tips
- McDonald’s (1.3 – 2.2 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- Chick-fil-A (10,000 เหรียญสหรัฐ)
- Subway (116,000 – 263,000 เหรียญสหรัฐ)
- Burger King (1.9 – 3.3 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- Taco Bell (1.2 – 2.9 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- Wendy’s (2 – 3.5 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- KFC (1.4 – 2.8 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- Dairy Queen (1.1 – 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- Sonic (1.22 – 3.53 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- Papa John’s (300,000 เหรียญสหรัฐ)
- Dunkin’ Donuts (229,000 เหรียญสหรัฐ – 1.7 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- Arby’s (320,550 เหรียญสหรัฐ – 2 ล้านเหรียญสหรัฐ)
อ้างอิงข้อมูล