เปิด 20 อาชีพลงทุนไม่เกิน 1,000 แต่กำไรดีเหลือเชื่อ
เงินแค่ 1,000 บาท สมัยนี้มันช่างน้อยนิดยิ่งนัก เดินไปตลาดบางทียังไม่พอใช้จ่ายด้วยซ้ำ ดังนี้แล้วหลายคนจึงลงความเห็นว่าเงิน 1,000 เอามาตั้งต้นทำธุรกิจอะไรไม่ได้
แต่ในความเป็นจริงมีอีกหลายอาชีพที่ลงทุนไม่เกิน 1,000 บาท ก็สามารถสร้างรายได้ที่ดีคืนกลับมา เพียงแต่เงินลงทุนน้อย ก็ต้องอาศัยทักษะ ความขยันมากเป็นพิเศษ ซึ่ง www.ThaiSMEsCenter.com จะพาทุกคนไปดูกันว่า 20 อาชีพที่ลงทุนได้ด้วยเงินไม่เกิน 1,000 บาท นั้นมีอะไรบ้าง
และสำหรับทุกท่านที่กำลังมองหาแฟรนไชส์เพื่อสร้างรายได้ สร้างอาชีพ สามารถเลือกดูรายละเอียดได้ตามเหมาะสมทาง www.ThaiFranchiseCenter.com หรือเลือกดูตามหมวดหมู่ได้ดังนี้เลย!!
- แฟรนไชส์อาหาร คลิก https://bit.ly/38mbBE7
- แฟรนไชส์เครื่องดื่มและไอศกรีม คลิก https://bit.ly/2JSEH4z
- แฟรนไชส์เบเกอรี่ คลิก https://bit.ly/3opxO9L
- แฟรนไชส์บริการ คลิก https://bit.ly/38iutDU
- แฟรนไชส์การศึกษา คลิก https://bit.ly/3hSpQDu
- แฟรนไชส์ความงาม คลิก https://bit.ly/3hR623u
- แฟรนไชส์ค้าปลีก คลิก https://bit.ly/3nqM6FQ
- แฟรนไชส์งานพิมพ์ คลิก https://bit.ly/35eMZLh
- แฟรนไชส์โอกาสทางธุรกิจ คลิก https://bit.ly/396MZhL
1.ธุรกิจแบบ MLM
เรียกกันง่ายๆก็ขาย “ขายตรง” หลายคนบอกว่าไม่อยากทำอาชีพนี้ แต่ในทางกลับกันอาชีพนี้สามารถสร้างรายได้ให้กับคนที่ขยันและทุ่มเท ซึ่งการจะเลือกร่วมงานกับบริษัทไหนก็ต้องพิจารณารอบด้านให้ถี่ถ้วน ขอย้ำว่าคนที่ทำธุรกิจนี้ประสบความสำเร็จมีตัวอย่างมากมาย และธุรกิจMLMที่แท้จริงจะไม่แสวงหาเพียงแค่ค่าสมัครของผู้ลงทุนแต่MLMที่ดีต้องมีระบบงานที่ช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถเริ่มต้นอาชีพนี้ได้อย่างมั่นคง
ยกตัวอย่าง แลป ซึ่งมีสินค้ากลุ่มอาหารเสริมและเครื่องสำอางเขาก่อตั้งมานานกว่า 20 ปี คนสนใจสามารถสมัครแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทางบริษัทมีจัดอบรมความรู้ เทคนิคการขาย เทคนิคการหากลุ่มลูกค้า ในขั้นแรกผู้ลงทุนต้องขยันและทุ่มเทในการสร้างเครือข่ายตัวเองให้ได้ หากสร้างได้รายได้ที่ดีก็จะตามมามากขึ้น
2.Dropship
ภาพแสดงกระบวนการของ Dropship แบบย่อๆ
ภาพจาก goo.gl/images/n1f4vX
วิธีขายของออนไลน์ทั่วไปมี 2 แบบคือ Pre-order กับ Dropship รูปแบบของ Dropship คือ เราเป็นตัวกลางในการติดต่อลูกค้าให้กับผู้ผลิตเมื่อมีการออร์เดอร์สินค้ามีการชำระเงินเรียบร้อย ทางผู้ผลิตจะจัดส่งสินค้าในนามของเราไปยังลูกค้า เบื้องต้นคือสามารถลงทุนทำได้แบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไร เพียงแต่ต้องติดต่อหาผู้ผลิต
ซึ่งปัจจุบันก็มีเว็บไซต์มากมายที่ให้เราเข้าไปเป็นสมาชิกและสามารถขายของในระบบ Dropship นี้ได้ รายได้จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ในการขายของเราเป็นสำคัญ
3.ตัวแทนจำหน่ายสินค้า
ภาพจาก goo.gl/images/namnPF
การเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าคือการรับสินค้าจากผู้ผลิตมาจำหน่าย ในบางกรณีจะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เช่น แฮปปี้โฮม ที่เป็นธุรกิจขายเครื่องนอน ผ้าห่ม ผ้านวม ภายใต้การดูแลของบริษัท แฟชั่น โฮมเท็กซ์ จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกสิ่งทอชั้นนำระดับประเทศ
เปิดโอกาสให้คนสนใจสามารถนำสินค้าเหล่านี้มาขายเพียงแค่มีทำเลหน้าร้านเป็นของตัวเอง เช่น มีห้องที่เป็นตึกแถว หรือมีบ้านในแหล่งชุมชนสามารถทำเป็นหน้าร้านได้ ทางบริษัทถ้าประเมินว่าผ่านการพิจารณาจะนำสินค้ามาลงเพื่อจำหน่ายโดยที่เราไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
4.ขายข้าวโพดปิ้ง
ภาพจาก goo.gl/images/suqcpc
ต้นทุนข้าวโพดราคาอ้างอิงจากตลาดสี่มุมเมืองเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2562 ราคาเฉลี่ย 4-6 บาทต่อฝัก เมื่อรวมกับต้นทุนวัตถุดิบและอุปกรณ์อื่นๆ เช่น เตาปิ้ง ตะแกรง กะทิ เบ็ดเสร็จขายฝักละ 10 บาท มีกำไรต่อฝักประมาณ 4-5 บาท
ถ้ามีเงิน 1,000 บาท แม้จะเริ่มต้นด้วยการซื้อข้าวโพดดิบได้ไม่มากนัก แต่หากใช้ทำเลหน้าบ้านตัวเองหรือถ้าขยันหน่อยหาบเร่ไปขายหน้าโรงงาน เริ่มต้นอาจจะรายได้ไม่มากแต่หากสะสมกำไรไว้ต่อทุนในอนาคตก็อาจเป็นร้านที่ใหญ่โตขึ้นได้
5.ขายหมูปิ้ง/ลูกชิ้นทอด
ภาพจาก facebook.com/ufofishball
คิดอะไรไม่ออกก็หมูปิ้ง ลูกชิ้นทอด ซึ่งหากเราไม่ซื้อแฟรนไชส์ที่ส่วนใหญ่ราคาเริ่มต้นประมาณ 2,000 บาท แต่เอาเงิน 1,000 มาลงทุนซื้อของเอง ทั้งวัตถุดิบและอุปกรณ์ที่ไม่มีอะไรมากแค่เตาปิ้งย่าง
หรือใครมีอยู่แล้วก็จะประหยัดได้อีก แล้วมาฝึกทำน้ำจิ้มให้อร่อยๆ ไม่ต้องไปเปิดที่ไหนไกล เริ่มจากหน้าบ้านตัวเองลองเช็คลูกค้าดูก่อน หากพอมีทุนเพิ่มขึ้นมาก็ลองไปตั้งโต๊ะขายในตลาดนัด เริ่มต้นจากง่ายๆ แต่ขยันให้มาก โอกาสรวยก็เป็นไปได้
6.เก็บของเก่าขาย
ภาพจาก goo.gl/images/vPdj59
ไม่มีเงินลงทุนก็ต้องลงแรงมากสักหน่อย งานเก็บของเก่าส่วนใหญ่คนรักสวยรักงาม กลัวแดด กลัวร้อน กลัวตัวดำมักไม่ค่อยอยากทำ ไหนจะกลิ่นเหม็น ไหนจะสายตาคนอื่นที่มองเรา แต่หากเราตัดเรื่องไร้สาระพวกนี้ออกไป ราคาของเก่าก็น่าสนใจ
อย่างหนังสือพิมพ์เก่ากิโลกรัมละ 10 บาท ขวดเบียร์กิโลกรัมละ 10-14 บาท กระป๋องโค้กกิโลกรัมละ 38 บาท พลาสติก(ขวดน้ำ) กิโลกรัมละ 15 บาท เป็นต้น ยิ่งถ้าใครมีรถกระบะเก่าๆ สักคันหรือซาเล้ง ไว้วิ่งตามซอยต่างๆ ลองเก็บของเก่าขายรายได้ต่อวันไม่น้อยกว่า 300-500 บาท อาศัยต้องขยันและทนแดดทนร้อนมากสักหน่อย
7.ร้านเฟรนฟรายด์ริมทาง
ภาพจาก goo.gl/images/YcFfkg
แค่โต๊ะพับได้ 1 ตัว เก้าอี้ 1 ตัว เฟรนฟรายด์พร้อมทอด 1 ถุงใหญ่ๆ รวมกับผงปรุงรส อย่างปาปริก้า ชีส หรือเกลือ และก็เตาแก๊สปิคนิค ตะแกรงสำหรับตักเฟรนฟรายด์ ถุงพลาสติกสำหรับใส่เฟรนฟรายด์
อุปกรณ์และวัตถุดิบเบื้องต้นเหล่านี้ลงทุนไม่น่าจะเกิน 1,000 บาท เริ่มจากร้านเล็กๆ ขายหน้าบ้านตัวเอง พอมีทุนค่อยขยับไปเช่าที่ในตลาดนัดหรือทำเลอื่นที่มีคนพลุกพล่านมากกว่านี้ราคาขายส่วนใหญ่ชุดละ 20 บาท ใน 1 วันก็พอทำให้มีรายได้เสริมพอสมควร
8.สมัครเป็นตัวแทนขายประกัน
ภาพจาก goo.gl/images/wScyrx
การเป็นพนักงานขายประกันรายได้ถือว่ามั่นคง เพียงแค่ต้องมุ่งมั่นและตั้งใจอย่าท้อแท้ซะก่อน ตัวแทนประกันที่เขาประสบความสำเร็จมีมากมาย ถ้าเขาเคยทำได้เราก็ต้องทำได้เช่นกัน
ซึ่งการสมัครเป็นตัวแทนประกันไม่ใช่เรื่องยาก แม้จะต้องมีการสอบขอใบอนุญาต แต่หัวหน้างานที่เราจะขายประกันด้วยเขาพร้อมจะช่วยเราอย่างเต็มที่ และเมื่อมีใบอนุญาตก็เริ่มต้นการขาย ซึ่งอาชีพนี้ค่าคอมมิชชั่นค่อนข้างสูง เป็นอาชีพที่ไม่ต้องลงทุนมาก แต่คนส่วนใหญ่ทำไม่ได้เพราะความพยายามไม่พอ
9.รับจ้างทำงานทั่วไป
ภาพจาก goo.gl/images/kLo8mw
การรับจ้างทั่วไปดูจะเป็นงานที่ค่อนข้างหนักแต่สำหรับคนที่ไม่มีเงินทุนเริ่มต้นก็จำเป็นต้องใช้แรงกายแลกเงินมากขึ้น อาชีพรับจ้างส่วนใหญ่ เช่น ล้างจาน ตัดหญ้า ตัดต้นไม้ ขนของย้ายบ้าน ขุดดิน ฯลฯ
ถ้าเราไม่เลือกงานและมีร่างกายแข็งแรงงานเหล่านี้ค่าจ้างถ้าเป็นรายวันก็ไม่ต่ำกว่า 300 บาทหรืออาจจะเป็นราคาเหมา ไม่ว่าอย่างไรถ้าขยันไม่อู้งาน มีผลงานดีคนจ้างก็มีงานใหม่มาให้ทำเรื่อยๆ
10.ทำงานฝีมือ
ภาพจาก goo.gl/J3s5uD
งานประดิษฐ์ งานศิลปะ งานแฮนด์เมด คือทางเลือกสำหรับคนที่มีพรสวรรค์ด้านนี้ มนุษย์เงินเดือนมากมายเลือกที่จะออกมาทำงานฝีมือเป็นแบรนด์ตัวเอง เดี๋ยวนี้ช่องทางตลาดก็ง่ายด้วยรูปแบบออนไลน์หรือฝากขายตามร้านของที่ระลึก เงินทุน 1,000 บาท สามารถนำมาใช้เป็นค่าอุปกรณ์เบื้องต้นทั่วไป
ยิ่งถ้าเป็นงานที่ไอเดียดี อาจจะขายให้กับชาวต่างชาติได้ รายได้ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือ ส่วนต้นทุนก็แล้วแต่การเลือกวัสดุอุปกรณ์บางคนใช้ของเหลือใช้จากสิ่งไม่มีมูลค่ากลับมามีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้อีกหลายเท่าตัว
11.ขับแท็กซี่
ภาพจาก goo.gl/images/9fJgsH
ก่อนจะขับแท็กซี่เราต้องมีใบขับขี่สาธารณะสามารถทำได้ที่กรมขนส่งทางบก และถ้ามีใบขับขี่สาธารณะแล้วก็ถึงเวลาหาเช่ารถแท็กซี่ โดยค่าเช่าขึ้นอยู่กับรุ่นของรถ เฉลี่ยอยู่ที่ 400-700 บาทต่อ1กะ (12 ชั่วโมง) หรือถ้าเลือกควงกะคือทั้งวันราคาประมาณ 600-1,200
แต่หากเรามีทุนแค่ 1,000 ก็เช่าแค่กะเดียวพอ เพราะเราต้องเตรียมเงินอีกส่วนเป็นค่าประกันรถตรงนี้อาจจะเกินหลักพันไปถึง 2,000-3,000 ไม่รวมกับค่าเชื้อเพลิงประมาณวันละ 300-400 บาท รายได้ขึ้นอยู่กับการจ้างของผู้โดยสาร สำหรับคนงบน้อยหารายได้จากการขับแท็กซี่ก็น่าสนใจเช่นกัน
12.เปิดบริการรถรับจ้าง
ภาพจาก goo.gl/images/7Qyra7
ถ้าเรามีรถกระบะสักคัน เขียนป้ายติดไว้ได้เลยว่า “รถรับจ้าง” ในช่วงแรกคนอาจไม่รู้จักแต่หากทำไปสักพักหรือทำการตลาดผ่านโซเชี่ยลเราอาจได้ลูกค้ามากขึ้น ซึ่งรถรับจ้างนี้ไม่จำเป็นต้องมีต้นทุนอะไรมากเพราะไม่ใช่รถสาธารณะที่ต้องมีป้ายเหลือง
แต่นี่คือรถส่วนบุคคลที่เอามารับจ้างชั่วคราว รายได้จากการรับจ้างก็ตามแต่ตกลง เช่น ขนของอาจมีรายได้ 700-1,000 หรือตามระยะทาง ส่วนค่าน้ำมันก็อยู่ที่ตกลงว่าจะรวมในค่าจ้างหรือผู้ว่าจ้างแยกจ่ายต่างหาก
13.ขายกล้วยแขกทอด
ภาพจาก goo.gl/images/8m4myd
มีทุนน้อยแค่ 1,000 บาทเอามาลงทุนกับกล้วยแขกทอดได้ อาจจะซื้อวัตถุดิบเป็นกล้วยได้ไม่เกิน 10 หวี รวมกับวัตถุดิบอื่นๆ อย่างงา มะพร้าว เกลือ น้ำตาลทราย แป้งข้าวจ้าว แป้งสาลี ผงฟู ต้นทุนรวมๆ ประมาณ 600-700 บาท
กล้วย 1 ลูกหั่นได้ 4 ชิ้น ถ้าขาย 8 ชิ้น 20 บาท หากใช้กล้วย 10 หวี มีประมาณ 150 ลูก จะได้กล้วยแขกประมาณ 600 ชิ้น ขายเป็นชุดชุดละ 8 ชิ้นจะได้ประมาณ 75 ชุดชุดละ 20 บาทรายได้ประมาณ 1,500 บาท มีกำไรประมาณ 500-600 บาทต่อวันขึ้นอยู่กับทำเลและความอร่อยของกล้วยแขกที่เราทำ
14.ขายข้าวต้มมัด
ภาพจาก goo.gl/images/6FJGrr
เป็นอาชีพที่หลายคนมองข้ามเพราะดูว่าเมนูนี้ทำยาก วัตถุดิบหลักคือกล้วยที่ต้องใช้ความสุกแบบปานกลางราคาหวีละประมาณ 10 บาท ใบตองราคากิโลกรัมละประมาณ 10 บาท กะทิราคากิโลกรัมละประมาณ 50 บาท ถั่วดำ กิโลกรัมละประมาณ 40 บาท ตอกสำหรับมัดข้าวต้มกำละประมาณ 20 บาท ข้าวเหนียวกิโลกรัมละประมาณ 90 บาท รวมถึงค่าแก๊สหุงต้มสำหรับนึ่ง
ถ้ามีงบแค่ 1,000 บาท คงทำข้าวต้มมัดได้จำนวนไม่มาก โดยเฉลี่ยจะทำได้ประมาณ 100 มัด ราคาขาย มัดละ 8 บาทมีรายได้ประมาณ 800 บาทอาจไม่คุ้มทุนในครั้งแรกแต่วัตถุดิบยังไม่หมดกำไรที่เหลืออาจจะอยู่ที่วัตถุดิบเหล่านั้น
15.แม่บ้านออนไลน์
ภาพจาก goo.gl/images/NcSYqa
สมัยนี้มีการพัฒนาแอพพลิเคชั่นให้มาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรามากขึ้น ทำให้เรามีทางเลือกในการทำอาชีพยกตัวอย่างเช่นการเป็นแม่บ้านออนไลน์ที่ไม่มีค่าสมัคร ซึ่งมีแอพแม่บ้านที่น่าสนใจ เช่น ServisHero, Seekster, BeNeat, Ayasan เป็นต้น รายได้ขั้นต่ำของแม่บ้านออนไลน์หากมีการจ้างงานเข้ามาประมาณ 1,000 บาทต่อวัน
ราคานี้แม้ต้องนำไปหักกับทางแอพพลิเคชั่น รวมถึงอุปกรณ์ทำความสะอาดบางอย่างที่เราต้องซื้อเอง แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าหากในแต่ละสัปดาห์เราสามารถทำงานได้จำนวนมาก หรือบางทีเกิดทำงานถูกใจเจ้าของบ้านอาจจ้างเราเป็นการส่วนตัวมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย
16.ช่างซ่อมออนไลน์
ภาพจาก goo.gl/images/TMgS5W
คล้ายๆกับการเป็นแม่บ้านออนไลน์แต่คนที่มีทักษะด้านช่างก็สามารถหาลูกค้าได้ง่ายๆ แบบไม่ต้องลงทุนเดี๋ยวนี้มีแอพช่างซ่อมมากมาย เช่น Fixzy, ServisHero, Seekster เป็นต้น คนสนใจสามารถเลือกสมัครกับแอพได้แบบไม่มีค่าใช้จ่ายเมื่อมีคนต้องการใช้งานจะมีบริการจากแอพให้เราสามารถพูดคุยกับลูกค้าได้
ซึ่งราคาก็ตามแต่ตกลงโดยอาจต้องจ่ายหักค่าบริการให้กับแอพบ้าง แต่ภาพรวมก็ถือว่าคุ้มค่ายิ่งในยุคนี้ที่มีคอนโด หมู่บ้านจัดสรร เกิดใหม่จำนวนมาก ทุนน้อยๆ แต่มีความรู้ด้านช่างยังไงก็ไม่อดตาย
17.ขายขนมครก
ภาพจาก goo.gl/images/3EePg6
อย่าดูถูกว่าเป็นแค่ขนมครก บางรายทำขนมครกเป็นอาชีพรายได้ต่อวัน 8,000-9,000 บาท แต่หากเราเป็นมือใหม่มีเงินทุนเริ่มต้นแค่ 1,000 บาท คงลงทุนสินค้าไม่ได้มาก เพราะต้องซื้อวัตถุดิบสำคัญอย่างข้าวเจ้า มะพร้าวขูด น้ำตาลทราย และก็ท็อปปิ้งอย่างเผือก ข้าวโพด รวมถึงต้องซื้อแบบขนมครก ราคาถูกๆ หน่อยก็ประมาณ 690 บาท
เบ็ดเสร็จต้นทุนอยู่ราวๆ 1,000 ต้นๆ ทำขนมครกได้ประมาณ 350 คู่รายได้ประมาณ 500-600 บาท เป็นรายได้ที่อาจจะไม่มากเมื่อหักลบต้นทุนก็เหลือไม่มากแต่วัตถุดิบยังมีอยู่สามารถใช้ทำกำไรต่อไปและหากมีทุนมากขึ้นสามารถเพิ่มจำนวนสินค้าให้มากขึ้นได้รายได้ก็มากขึ้นด้วย
18.ขายหมูสะเต๊ะ
ภาพจาก goo.gl/images/5ExqMV
เมนูอย่างหมูสะเต๊ะลงทุนหลักๆ คือเตาปิ้งย่างตัวละประมาณ 300-400 บาท เนื้อหมู กิโลกรัมละประมาณ 150 บาท กะทิ ผงกระหรี่ แตงกวา พริก ถั่วลิสง รวมต้นทุนและอุปกรณ์เบื้องต้นประมาณ 1,000 บาท อาจเกินบ้างเล็กน้อย ราคาขายของหมูสะเต๊ะมักขายเป็นชุดชุดละ 30-35 บาท กำไรโดยเฉลี่ยประมาณ 50% จากยอดขาย ขึ้นอยู่กับทำเลและความอร่อยเป็นสำคัญ
19.ขายน้ำเก๊กฮวยแช่เย็น
ภาพจาก goo.gl/images/HHd3w6
เมื่อก่อนเราเห็นบ่อยกับน้ำเก็กฮวยใส่แก้วแช่เย็น ขายแก้วละ 1-2 บาท เห็นว่าราคาไม่แพงแต่บางคนขายน้ำเก๊กฮวยอย่างเดียวมีรายได้ซื้อบ้านซื้อรถได้เลยก็มี สำหรับคนทุนน้อย
ลองไปซื้อเก๊กฮวยผงมาชงแล้วใส่แก้วแช่เย็นขายดูบ้างก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี หรือจะเพิ่มสินค้าให้มากขึ้นด้วยน้ำอัดลม น้ำสมุนไพรที่ชงเอง แล้วตักใส่แก้ว ใส่น้ำแข็งขาย ถือเป็นเมนูที่เหมาะกับประเทศไทยซึ่งอากาศร้อนตลอดทั้งปี
20.ขายข้าวจี่
ภาพจาก goo.gl/images/pLxMuX
ข้าวจี่เป็นอาหารพื้นบ้านทางภาคอีสาน ลักษณะเป็นข้าวเหนียวปั้นก้อนกลม หรือจะทำแบนๆ ก็แล้วแต่ ทาไข่แล้วปิ้งให้สุก แม้บางคนจะไม่รู้จักแต่ข้าวจี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ลงทุนไม่มาก วัตถุดิบเบื้องต้นคือข้าวเหนียว กะทิ เกลือ ไข่ไก่ ซีอิ๊วขาว พริกไทย ไม้เสียบ ขายราคาชิ้นละ 5 บาท กำไรต่อชิ้นก็ประมาณ 2-3 บาท ถ้าขายได้ 100 ชิ้นกำไร 200-300 บาท ก็ถือว่าเป็นรายได้เสริมที่ดีเหมือนกัน
อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา คือนิยามการใช้ชีวิตสำหรับคนที่อาจจะไม่ได้มีต้นทุนชีวิตมากนัก เงินลงทุนที่มีเพียงแค่ 1,000 อาจดูไม่มาก แต่คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ บางคนเขาเริ่มต้นจากไม่มีเงินติดตัวสักบาทด้วยซ้ำไป
สิ่งสำคัญคือ ทรรศนคติ และมุมมองแง่บวก ที่เราต้องเปลี่ยนแรงกดดันให้เป็นพลัง ขยัน ทุ่มเท แล้วสักวันสิ่งที่เราทำอาจผลิดอกออกผลกลายเป็นธุรกิจที่เติบโตมากขึ้น
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/3corFV2
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
อ้างอิงจาก https://bit.ly/3jmY81r