เทคนิคหาเงินแสน ก่อนอายุ 25
ช่วงอายุระหว่าง 20-25 คือรอยต่อระหว่างกำลังจบการศึกษาและกำลังเริ่มทำงานอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก ใครที่ไม่เรียนต่อปริญญาโท ก็จะกระโดดเข้าสู่วัยแรงงาน
ไม่ว่าจะเริ่มจากลงทุนทำกิจการตัวเอง สืบทอดกิจการที่บ้าน หรือว่าเลือกทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน ช่วงนี้เรียกว่า “การหาประสบการณ์” ก่อนที่จะต่อยอดไปสู่จุดที่สูงกว่าในอนาคต
www.ThaiSMEsCenter.com เชื่อว่าหลายคนหมายมั่นปั้นมือว่าช่วงนี้จะต้องมีเงินเก็บให้ได้สักก้อน เพื่อเอาไว้เป็นทุนสำรองในชีวิตหรือเพื่อเอาไว้ลงทุนตามแผนที่วางไว้ในอนาคต คำถามก็คือ ด้วยวัยที่กำลังเริ่มทำงาน จะมีโอกาสหาเงินทุนให้ตัวเองได้อย่างไร ไม่ต้องเอามาก แค่สัก 100,000 บาท จะมีสักกี่วิธีที่พอทำได้ลองมาดูกัน
1.คิดอะไรไม่ออกให้เลือก “การออม” ไว้ก่อน
ภาพจาก bit.ly/2J1uuj6
คำว่าการออมไม่ได้หมายความว่าให้เอาเงินเก็บหยอดกระปุก ตามทฤษฏีกล่าวว่า “เราควรเก็บเงินอย่างน้อย 10% จากเงินเดือน” ซึ่งเงิน 10% นี้ สามารถนำไปออมได้หลายวิธี เช่น
- เงินฝาก เก็บไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เก็บเงินฉุกเฉิน (ควรเก็บเงินฉุกเฉินไว้ 3-6 เดือนของค่าใช้จ่าย)
- ตราสารหนี้ เน้นเงินต้นปลอดภัย มีรายได้สม่ำเสมอจากดอกเบี้ย
- ตราสารทุน (เรียกสั้นว่า หุ้น) เน้นเงินทุนเติบโตจากการการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นและรับเงินปันผล
- กองทุนรวม ทางเลือกของคนที่ไม่มีเวลา ไม่มีความชำนาญในการติดตามข่าวสารการลงทุนเอง ที่สำคัญควรอ่านหนังสือชี้ชวนเพื่อเข้าใจผลตอบแทนและความเสี่ยงของนโยบายการลงทุน
- อนุพันธ์ เน้นป้องกันความเสี่ยง(ตามหลักการ)และเก็งกำไร(ตามความจริง)
2.สร้างรายได้เสริมเพิ่มรายได้ให้ตัวเอง
สูตรคำนวณรายได้ที่จะเพียงพอต่อการดำรงชีวิต คือ
เงินเดือน + รายได้เสริม = ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น x 3
สมมุติเงินเดือน 20,000 บาท มีค่าใช้จ่ายเช่นค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าใช้จ่ายในบ้าน รวมแล้วตกเดือนละ 5,000 บาท นั่นหมายความว่า ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นของเรา คือ 5,000 X 3 = 15,000 บาท แสดงว่าเงินเดือน 20,000
หากค่าใช้จ่ายระดับนี้ถือว่าเพียงพอมากๆ แต่ในความจริงอาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วย ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ กรณีซื้อบ้านซื้อรถ บางคนมีผ่อนบัตรเครดิตร่วมด้วย ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นก็จะเพิ่มกว่าเดิม
ทีนี้ก็ต้องมาดูว่าเงินเดือน ณ ขณะนั้นยังจะเพียงพอหรือไม่ ถึงต้องบวกด้วยรายได้เสริม เพราะยุคนี้การหารายได้ทางเดียวส่วนใหญ่จะไม่เพียงพอ บางทีไม่ใช่เดือนชนเดือน แต่เงินเดือนบางทีก็ใช้ได้แค่ครึ่งเดือนก็หมดแล้ว การหารายได้เสริมคือมีโอกาสทำให้เรามีเงินใช้คล่องมือและมีโอกาสเก็บเงินเพิ่มขึ้นด้วย
3.วิธีเก็บเงินแบบตาราง 365 วัน
ภาพจาก facebook.com/money365day
วิธีนี้ว่าจะง่ายก็ใช่ จะว่ายากก็ใช่อีกเช่นกัน แต่ผลลัพธ์ของมันสุดเจ๋งจริงๆ เพราะจะทำให้เราเก็บเงินต่อปีได้ถึง 66,795 บาท ลองคิดดูว่าถ้าเริ่มทำแบบนี้ตั้งแต่อายุ 20 ไปจนถึงอายุ 25 เท่ากับ 66,795 X 5 = 333,975 บาท คือดีมากเลยใช่ไหม
วิธีการคือ เขียนตารางตัวเลขตั้งแต่ 1 -365 แล้วก็เริ่มเก็บเงินไปตามตารางนั้นเช่นวันที่ 1 เก็บ 1 บาท วันที่ 2 เก็บ 2 บาท วันที่ 3 เก็บ 3 บาท …….วันที่ 365 เก็บ 365 บาท ความยากของเรื่องนี้คือตั้งแต่วันที่ 100 ขึ้นไป เราจะเริ่มเก็บเงินได้ยากขึ้นเพราะจำนวนการเก็บมากขึ้น อันนี้ก็ต้องอยู่ที่การบริหารจัดการว่าจะเก็บยังไง
บางคนเลือกเก็บจาก 365 ลงมา หรือ เก็บเท่าไหร่ก็ได้ในแต่ละวัน แต่ต้องให้อยู่ในวิถีของตาราง เช่น วันนี้อยากเก็บ 150 พรุ่งนี้ เก็บ 50 บาท วันต่อมาเก็บ 300 วันต่อไปอาจจะเก็บแค่ 20 อะไรประมาณนี้ ขอให้อยู่ในวิถีตาราง หากทำได้เงินเก็บของเราทะลุหลักแสนก่อนอายุ 25 แน่นอน
4.พัฒนาความรู้ตัวเองให้เพิ่มขึ้น
ภาพจาก bit.ly/2LtwphH
วัยนี้คาบเกี่ยวกับปริญญาตรีและวัยแรงงาน บางคนเลือกเรียนแค่ ป.ตรี แล้วเริ่มทำงานเลย เงินเดือนสตาร์ทประมาณ 15,000 บาท แล้วแต่ประสบการณ์และบริษัท แน่นอนว่าเงินเดือน 15,000 ย่อมไม่อาจคาดหวังถึงเงินเก็บเงินก้อนได้ บางคนจึงเลือกที่จะเรียนต่อในระดับ ปริญญาโท อีกประมาณ 2 ปี ระหว่างนั้นอาจทำงานสะสมประสบการณ์ควบคู่ไปด้วย
เงินเดือนระดับปริญญาโท อย่างน้อยๆ ก็สตาร์ทไม่ต่ำกว่า 20,000 บาทขึ้นอยู่กับความรู้ ประสบการณ์ ความสามารถ และบริษัทที่เลือกทำงาน และอาจทำให้เรามีโอกาสก้าวไปข้างหน้าได้ไกลยิ่งขึ้นโดยเฉพาะหากมีความรู้ด้านภาษาจะยิ่งอัพเกรดรายได้คำว่าเงินแสนก่อนอายุ 25 น่าจะไม่ไกลเกินไป
5.ลงมือสร้างธุรกิจตัวเองและลุยให้เต็มที่
สุดท้ายจะเรียกว่าเป็นวิธีหักดิบสำหรับคนที่ไม่อยากเป็นลูกจ้างใคร และกล้าได้กล้าเสีย กล้าลุย เงินทุนเราอาจจะไม่มีตรงนี้ก็อาจจะยืมญาติพี่น้องหรือกู้เงินมาลงทุน แต่ขอแนะนำว่าให้ทำจากเล็กๆ อย่าเพิ่งลงทุนขนาดใหญ่
ส่วนจะเลือกลงทุนอะไรก็ต้องดูความถนัดตัวเอง อย่าลงทุนตามคนอื่น เช่น จะทำธุรกิจขายส่งออนไลน์ ก็ต้องลุยหาแหล่งสินค้า ทำตลาดในโซเชี่ยล ติดต่อร้านค้าและพาร์ทเนอร์ต่างๆ หรือจะเลือกเปิดร้านอาหาร
ถ้าไม่ลงทุนกับระบบแฟรนไชส์ก็ต้องเซตแบบร้านขึ้นมาเอง โปรโมทร้าน ทำการตลาด พัฒนาเมนูให้น่าสนใจ เรียกว่าเป็นวิธีที่เหนื่อยสุดๆ แต่หลายคนที่เลือกวิธีนี้ก็ได้ผลดี ไม่เกี่ยวกับโชคหรือดวง ขึ้นอยู่กับความขยัน ตั้งใจ ไม่ยอมแพ้ ถ้าตั้งใจจริงเราต้องทำได้ แล้วรายได้หลักหมื่นหลักแสนก็จะตามมา
มีคนกล่าวไว้ว่า “เงิน 1 ล้านแรกมันหายาก แต่ถ้าได้ ล้านแรกมา ล้านที่ 2 ที่ 3 ก็ไม่ใช่เรื่องยาก” นั่นหมายถึงการเริ่มต้นเป็นสิ่งที่ยากเสมอ สัดส่วนคนลงทุนถ้าเทียบจาก 100 คน ประสบความสำเร็จได้จริงๆ อาจมีแค่ 10 คนที่เหลืออีก 90 อาจล้มเหลว
แม้ตัวเลขจะชวนให้หดหู่และทำให้หมดกำลังใจแต่ถ้าดู 10% ที่เขาไปรอด เขามีเงินแสนเงินล้าน มีชีวิตที่สวยงาม สมอย่างที่ตั้งใจ เมื่อมีคนที่ทำได้ เราก็ต้องทำได้ ไม่มีอะไรยากเกินกว่าคำว่าพยายามและอย่ายอมแพ้เท่านั้น
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ bit.ly/2Jf8ph8