เจ้าของแฟรนไชส์ไทยต้องรู้! กฎหมายการลงทุนแฟรนไชส์ในเวียดนาม

ปัจจุบันประเทศในกลุ่มอาเซียนเริ่มมี กฎหมายแฟรนไชส์ (Franchise Law) บังคับใช้แล้ว โดยปัจจุบันมี 3 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม

ส่วนประเทศที่ยังไม่มีกฎหมายแฟรนไชส์โดยเฉพาะมี 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ เมียนมาร์ สปป.ลาว กัมพูชา และบรูไน สำหรับประเทศที่เจ้าของแฟรนไชส์ต้องการเปิดตลาด

อาจต้องปฏิบัติตามกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนของประเทศนั้นๆ ผู้ประกอบการแฟรนไชส์ที่คิดขยายแฟรนไชส์ในต่างประเทศ วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com มีข้อมูลการลงทุนแฟรนไชส์ในตลาดเวียดนามมาฝาก เจ้าของแฟรนไชส์ไทย ว่าต้องรู้อะไรครับ

Single Unit Franchising ได้รับความนิยมในเวียดนาม

เจ้าของแฟรนไชส์ไทย

ภาพจาก bit.ly/3nfVHPz

ปัจจุบันรูปแบบการขยายแฟรนไชส์ไปในประเทศเวียดนามมีหลายรูปแบบ ทั้งแบบสัญญาแฟรนไชส์โดยตรง (Direct franchising) ที่มีการพัฒนาให้สิทธิ์ในการเปิดกิจการได้มากกว่า 1 แห่ง เช่น รูปแบบแฟรนไชส์ที่มีการให้สิทธิ์ในการเปิดดำเนินธุรกิจได้หลายสาขา (multi-unit) หรือการให้สิทธิ์แบบ Development agreements

รวมทั้งแบบสัญญาแฟรนไชส์หลัก (Master franchise agreements) ซึ่งตามปกติแล้วการขายสิทธิ์แฟรนไชส์ในเวียดนาม เจ้าแฟรนไชส์ (Franchisor) มักจะต้องการหาผู้ซื้อแฟรนไชส์ (Franchisee) ที่สามารถขยายธุรกิจในพื้นที่ให้เติบโตได้ ดังนั้นการขายสิทธิแฟรนไชส์แบบมีสิทธิ์ในการดำเนินธุรกิจได้เพียง 1 แห่ง (single unit franchising) จึงไม่เป็นที่นิยมในเวียดนาม

เทคนิคเปิดตลาดแฟรนไชส์ในประเทศเวียดนาม

4

ภาพจาก skyluckthailand

เจ้าของแฟรนไชส์ที่จะเข้าไปเปิดตลาดแฟรนไชส์ในเวียดนาม จะต้องดำเนินกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภค และกฎระเบียบข้อบังคับของกฎหมายการลงทุนแฟรนไชส์ในเวียดนาม เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง

  1. ควรทำการสำรวจตลาดก่อนที่จะมีการตั้งราคาของผลิตภัณฑ์และค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์
  2. เลือกผลิตภัณฑ์/บริการที่มีศักยภาพหรือเป็นที่นิยม แม้ว่าธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มจะยังคงเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมในอีก 3-5 ปีข้างหน้า
  3. เน้นกลุ่มเป้าหมายที่มีรายได้ปานกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่มีการเติบโตสูง
  4. เข้าร่วมงานแสดงสินค้าหรือเยี่ยมชมงานแสดงสินค้าที่เกี่ยวข้องในเวียดนามอย่างต่อเนื่อง เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ สร้างความรับรู้และจดจำสินค้าแก่ผู้บริโภค อย่างน้อย 3 ปีติดต่อกัน จะทำให้คู่ค้าเกิดความคุ้นเคยต่อแบรนด์สินค้า
  5. เลือกทำเลที่เหมาะสมและราคาไม่แพง ในเมืองที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว เช่น นครโฮจิมินห์ และกรุงฮานอย ที่ยังมีทำเลให้เลือกมาก
  6. ปรับกลยุทธ์ให้เข้าถึงตลาดที่มีวัฒนธรรมแตกต่าง ด้วยการศึกษาวัฒนธรรม นิสัยและรสนิยมของคนในท้องถิ่นนั้นๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จของธุรกิจ

ภายใต้ข้อกำหนดการลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์ของเวียดนาม ที่ใช้ Decree No. 35/2006/ND-CP (ซึ่งถูกแก้ไขด้วย Decree 120/2011/ND-CP ในเดือนมกราคมปี 2016 and Decree No. 8/2018/ND-CP ในเดือนมกราคม 2018) เป็นกรอบแนวทางสำหรับการดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ ภายใต้กฎระเบียบดังกล่าว อนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติสามารถทำธุรกิจแฟรนไชส์ได้ทั้งแบบเจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์ (Franchisor) และแบบผู้รับสิทธิดำเนินธุรกิจ (Franchisee) ในเวียดนาม

โดยมีข้อกำหนดว่าเจ้าของสิทธิแฟรนไชส์ต่างชาติจำเป็นต้องดำเนินการหรือทำธุรกิจอย่างน้อย 1 ปี ก่อนที่จะเปิดธุรกิจแฟรนไชส์ในเวียดนาม และต้องขึ้นทะเบียนประกอบธุรกิจแฟรนไชส์กับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม

แฟรนไชส์ต่างชาติไม่ต้องจดทะเบียนบริษัท แต่ต้องขึ้นทะเบียนแฟรนไชส์ในเวียดนาม

3

ภาพจาก bit.ly/2LiYVEG

แม้ว่าเจ้าของแบรนด์แฟรนไชส์ต่างประเทศ สามารถขยายตลาดแฟรนไชส์โดยไม่ต้องจดทะเบียนบริษัทในประเทศเวียดนาม (บริษัทจดทะเบียนธุรกิจในต่างประเทศ) แต่จะต้องขึ้นทะเบียนประกอบธุรกิจแฟรนไชส์กับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม มิฉะนั้นต้องเสียค่าปรับในอัตรา 220–440 ดอลลาร์สหรัฐ ถึงแม้จะเป็นจำนวนที่ไม่มาก

แต่บริษัทมีความเสี่ยงที่อาจจะต้องถูกเรียกคืนกำไรที่ได้รับจากการดำเนินกิจการทั้งหมดในบางกรณี ทั้งนี้ หากเจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์เป็นชาวเวียดนาม จะได้รับยกเว้นไม่ต้องขึ้นทะเบียนกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม

1. เอกสารประกอบการขึ้นทะเบียนประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ ประกอบไปด้วย สำเนาเอกสารแนะนำธุรกิจแฟรนไชส์ (The Franchise Introduction Statement) และข้อตกลงของแฟรนไชส์ รวมไปถึงใบสมัครและเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น เอกสารการขึ้นทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา โดยที่เอกสารเหล่านี้ต้องแปลเป็นภาษาเวียดนาม

2. ข้อตกลงแฟรนไชส์ในเวียดนาม กฎหมายของประเทศเวียดนามไม่ได้บังคับให้มีข้อกำหนดเพิ่มเติมใดๆ ในข้อตกลงธุรกิจแฟรนไชส์ ผู้เป็นเจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์และผู้รับสิทธิ์ดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ มีอิสระที่จะเจรจาข้อกำหนดและเงื่อนไขของข้อตกลงแฟรนไชส์ โดยที่ข้อตกลงแฟรนไชส์จะต้องเขียนเป็นภาษาเวียดนาม และมีผลบังคับใช้แม้จะเลือกพิจารณาตัดสินข้อพิพาทด้วยอำนาจศาลต่างประเทศ

3. ภาษีธุรกิจแฟรนไชส์ในเวียดนาม ถึงแม้ว่าเจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์ต่างชาติจะไม่ได้จดทะเบียนธุรกิจในเวียดนาม แต่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้รับสิทธิดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ในเวียดนาม และถือเป็นการทำสัญญาระหว่างบริษัทเวียดนามกับบริษัทต่างชาติ จึงจะต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับค่าธรรมเนียมใดๆ ที่เรียกเก็บจากผู้รับสิทธิดำเนินกิจการ ซึ่งประกอบด้วย

  • ค่าธรรมเนียมแรกเข้า (Franchise fees)
  • ค่าธรรมเนียมต่ออายุ (Royalties)
  • ค่าธรรมเนียมการบริหาร (Administrative fees)
  • ค่าโฆษณา (Advertising fees)
  • ค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management fees)

โดยเจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์ชาวต่างชาติในเวียดนามต้องเสียภาษี ณ ที่จ่ายสำหรับการให้บริการในเวียดนามดังต่อไปนี้

  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) : 5%
  • ภาษีเงินได้นิติบุคคล (CIT) : 5%

ขณะเดียวกัน เจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์ในประเทศจะต้องเสียภาษีในอัตราภาษี ดังนี้

  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) : 10%
  • ภาษีเงินได้นิติบุคคล (CIT) : 20%

4. การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในเวียดนาม การเข้ามาลงทุนธุรกิจในเวียดนาม เจ้าของสิทธิแฟรนไชส์ควรจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า รวมถึงการจด URL และเว็บไซต์กับสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติเวียดนาม (the National Office of Intellectual Property of Vietnam) เพื่อป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

5. การเป็นผู้รับสิทธิดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ต่างประเทศในเวียดนาม นักลงทุนต่างชาติสามารถเป็นผู้รับสิทธิ์ดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ได้ เมื่อมีการจัดตั้งนิติบุคคลในเวียดนาม อย่างไรก็ตาม สามารถเปิดธุรกิจเฉพาะที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจการโดยชาวต่างชาติตามที่เวียดนามได้ผูกพันไว้กับองค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO)

ตัวอย่างเช่น หากต้องการเปิดกิจการโรงแรมและให้บริการด้านการท่องเที่ยวก็จำเป็นต้องจัดตั้งแบบ Joint venture กับบริษัทด้านการท่องเที่ยวท้องถิ่นของเวียดนามที่มีใบอนุญาตประกอบการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ (International Tourism License) เท่านั้น ในขณะที่การเปิดร้านอาหารหรือร้านค้าปลีกในเวียดนามนักลงทุนต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของคนเดียวได้

6. การจัดตั้งธุรกิจค้าปลีกในเวียดนาม โดยส่วนใหญ่ไม่มีการกำหนดเงินทุนขั้นต่ำสำหรับการดำเนินการธุรกิจในเวียดนาม จากรายงานของ International Grocery Research Organization (IGD) คาดว่า ภายในปี 2564 ธุรกิจร้านสะดวกซื้อของเวียดนามจะเติบโตร้อยละ 37.4 ทำให้เวียดนามเป็นตลาดร้านสะดวกซื้อที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย เนื่องจากธุรกิจค้าปลีกในประเทศเวียดนามเปิดกว้างสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ นักลงทุนต่างชาติจึงสามารถสร้างธุรกิจค้าปลีกได้โดยไม่ต้องมีหุ้นส่วนจากคนในท้องถิ่น

แบรนด์แฟรนไชส์ใหม่ๆ ควรใช้บริการที่ปรึกษากฎหมาย

นอกจากนี้ นักลงทุนชาวเวียดนามยังคงมีความลังเลที่จะลงทุนในแบรนด์ใหม่ๆ ที่ต้องการเงินลงทุนสูงและยังไม่มีข้อมูลผลประกอบการในภูมิภาคมาก่อน ดังนั้น จึงควรใช้บริการบริษัทที่ปรึกษากฎหมายในการจัดทำสัญญาแฟรนไชส์ และจดทะเบียนธุรกิจแฟรนไชส์ เพื่อให้มีความรัดกุมและเป็นไปตามกฎหมายของเวียดนามกำหนด


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/3corFV2
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

แหล่งข้อมูลจาก

 

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3ogwJkz

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช