อัพเดทภาษีป้าย ฉบับปี 2567 เจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ ต้องรู้!

หนึ่งในรายจ่ายของคนทำธุรกิจที่ควรรู้คือ “ภาษีป้าย” อธิบายความหมายของ “ภาษีป้าย” คือ ภาษีที่จัดเก็บจากป้ายแสดงชื่อ ยี่ห้อ หรือเครื่องหมายการค้าของผู้ประกอบการเพื่อ หารายได้ ไม่ว่าจะแสดงหรือโฆษณาไว้ที่วัตถุใด ๆ ด้วยอักษรภาพหรือเครื่องหมายที่เขียน แกะสลัก จารึก

หรือทําให้ปรากฏด้วยวิธีอื่น ๆ ดังนั้น ป้ายชื่อ ของผู้ประกอบการไม่ว่าจะเป็นรูปภาพโลโก้ตัวอักษร ภาษาไทยหรือภาษาต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นป้ายทั่วไป ป้ายผ้าใบ ป้ายบิลบอร์ด หรือป้ายไฟโฆษณา ล้วนต้องเสียภาษีป้ายทั้งสิ้น ซึ่งผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายต้องชำระภาษีป้าย อัพเดทภาษีป้าย ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. – 31 มี.ค. 67 โดยแต่ละประเภท มีรายละเอียดดังนี้

อัตราภาษีป้าย

อัพเดทภาษีป้าย

ประเภทที่ 1: ป้ายที่มีอักษรไทยล้วน

  • ป้ายที่มีข้อความเคลื่อนที่หรือเปลี่ยนเป็นข้อความอื่นได้ อัตรา 10 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
  • ป้ายนอกจากเหนือจากข้อแรก ให้คิดอัตรา 5 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร

ประเภทที่ 2: ป้ายที่มีอักษรไทยปนกับอักษรต่างประเทศ และหรือปนกับภาพและหรือเครื่องหมายอื่น

  • ป้ายที่มีข้อความ เครื่องหมาย ภาพที่เคลื่อนที่ หรือเปลี่ยนเป็นข้อความเครื่องหมายหรือภาพอื่นได้ อัตรา 52 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
  • ป้ายนอกเหนือจากข้อแรก อัตรา 26 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร

ประเภทที่ 3: ป้ายที่ไม่มีอักษรไทยไม่ว่าจะมีภาพ หรือเครื่องหมายใด ๆ และป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วน หรือทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ

  • ป้ายที่มีข้อความ เครื่องหมาย หรือภาพเคลื่อนที่ หรือเปลี่ยนเป็นข้อความ เครื่องหมาย หรือภาพอื่นได้ อัตรา 52 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
  • ป้ายนอกจากข้อแรก อัตรา 50 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร

ทั้งนี้เจ้าของป้ายมีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการ (ภ.ป.1) ภายใน 15 วันนับแต่ติดตั้งป้าย ในกรณีเป็นป้ายที่ติดตั้งใหม่จะเป็นการคิดภาษีป้ายตามไตรมาสที่ติดตั้งจนถึงสิ้นปี ได้แก่

  • ติดตั้งระหว่างเดือน มกราคม – มีนาคม คิดภาษี 100%
  • ติดตั้งระหว่างเดือน เมษายน – มิถุนายน คิดภาษี 75%
  • ติดตั้งระหว่างเดือน กรกฏาคม – กันยายน คิดภาษี 50%
  • ติดตั้งระหว่างเดือนตุลาคม – ธันวาคม คิดภาษี 25%

** กำหนดเวลาในการยื่นแบบแสดงรายการ(ภ.ป.1) คือ มกราคม – มีนาคม ของทุกปี **

อัพเดทภาษีป้าย

ขั้นตอนการชำระภาษีป้าย

  1. ขอคำอนุญาตโดยแจ้งขนาด พร้อมภาพถ่าย หรือภาพสเก็ตช์ของป้าย และแผนผังที่ตั้งของป้าย
  2. ยื่นแบบพร้อมชำระป้าย (ภ.ป.1)
  3. ชำระภาษีได้ที่สำนักงานเขต หรือผ่านธนาคารกรุงไทย
  4. หากภาษีที่ต้องชำระมากกว่า 3,000 บาทขึ้นไป สามารถผ่อนชำระได้ 3 งวด
  5. เมื่อคำนวณพื้นที่ของป้ายแล้ว ต้องเสียภาษีต่ำกว่าป้ายละ 200 บาท ให้เสียภาษีขั้นต่ำ 200 บาท

วิธีคำนวณ “ภาษีป้าย” แบบนี้ต้องจ่ายเท่าไหร่?

อัพเดทภาษีป้าย

สูตรคำนวณคือ

  1. หาขนาดป้าย (เซนติเมตร) : กว้าง x ยาว = พื้นที่ป้าย (ตร.ซม.)
  2. หาพื้นที่ป้าย (ตร.ซม) ÷ 500 = ฐานภาษี
  3. ภาษีที่ต้องชำระ = ฐานภาษี x อัตราภาษี
ยกตัวอย่างเช่น
  • ร้านชานมไข่มุกแห่งหนึ่งมีป้ายชื่อแบบคงที่ เปลี่ยนเป็นภาพหรือข้อความไม่ได้ จะเข้าข่ายป้ายประเภทที่ 1
  • ซึ่งป้ายมีขนาด (วัดเป็นเซนติเมตร) 300 x 450 = 135,000 ตร.ซม.
  • มีพื้นที่ป้าย = 135,000 ÷ 500 = 270
  • ดังนั้นป้ายนี้จะต้องเสียภาษี 270 x 5 = 1,350 บาท

แต่หากเป็นป้ายขนาดเดียวกันแต่รูปแบบของป้ายต่างออกไปโดยมีอักษรไทยปนอักษรต่างประเทศและมีรูปภาพหรือเครื่องหมายร่วมด้วย แบบนี้จะเข้าข่ายป้ายประเภทที่ 2 ทันที ก็ยังใช้สูตรคำนวณเหมือนเดิม แต่อัตราภาษีจะต่างออกไป

ถ้าเป็นแบบนี้จะเสียภาษีป้าย 270 x 26 = 7,020 บาท

** เป็นตัวเลขที่ยกตัวอย่างเบื้องต้น ภาษีป้ายของแต่ละธุรกิจขึ้นอยู่กับขนาดป้ายและประเภทของป้ายตามที่กำหนด **

ข้อควรรู้! ภาษีป้าย 1 ด้าน = 1 ป้าย หมายความว่าหากเป็นป้ายของธุรกิจใดก็ตามที่มีอักษร โลโก้ ตรงตามประเภทของอัตราภาษีป้ายที่กำหนด และมีมากกว่า 1 ด้านจะต้องเสียภาษีเท่ากับจำนวนด้านที่มี

อัพเดทภาษีป้าย

อย่างไรก็ตามยังมีป้ายบางประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีได้แก่

  • ป้ายที่แสดงไว้ที่สินค้า /คน /สัตว์
  • ป้ายที่แสดงหรือติดตั้งไว้ที่ รถยนต์ส่วนบุคคล/รถจักรยานยนต์/รถบดถนน/รถแทรกเตอร์ รวมถึงบนยานพาหนะที่มีขนาด พื้นที่ไม่เกิน 500 ตร.ซม.
  • ป้ายของผู้ประกอบการเกษตร (สำหรับขายผลผลิตที่ได้จากการทำเกษตรของตัวเอง)
  • ป้ายของราชการ องค์การของรัฐ วัด/สมาคม/มูลนิธิ/โรงเรียนเอกชน ที่แสดงไว้ตรงอาคาร/บริเวณโรงเรียน
  • ป้ายที่แสดงไว้ในบริเวณงานอีเว้นท์ที่จัดขึ้นเป็นครั้งคราว
  • ป้ายที่แสดงไว้ภายในอาคารที่ใช้ประกอบการค้า เพื่อหารายได้

สรุป! เรื่องน่ารู้ ภาษีป้าย

  1. ป้ายที่เป็นภาษาไทยล้วนจะเสียภาษีถูกที่สุด
  2. ป้ายที่ใช้ข้อความเคลื่อนที่หรือภาพเคลื่อนไหว จะเสียภาษีมากที่สุด
  3. ป้ายที่ใช้ภาษาต่างประเทศสามารถเพิ่มภาพหรือโลโก้ได้เพราะอัตราเสียภาษีเท่ากัน
  4. ป้ายที่ติดในอาคาร ติดที่ยานพาหนะ สินค้า คนหรือสัตว์ หรือมีล้อเลื่อน ไม่ต้องเสียภาษี
  5. การคิดอัตราภาษีป้าย 1 ด้าน = 1 ป้าย
  6. หากเป็นป้ายติดตั้งใหม่จะเป็นการคิดอัตราภาษีตามไตรมาส
  7. กำหนดเวลาในการยื่นแบบภาษีป้ายคือมกราคม – มีนาคม ของทุกปี

อัพเดทภาษีป้าย

ซึ่งบทลงโทษสำหรับคนที่จงใจให้การเท็จ หรือแสดงหลักฐานเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 5,000 – 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และในกรณีที่จงใจไม่ยื่นแบบเสียภาษี มีโทษปรับ 5,000 – 50,000 บาท

นอกจากนี้ยังมีบทลงโทษสำหรับกรณีที่ขัดขวางหรือไม่ปฏิบัติตามเจ้าหน้าที่ โทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับ 1,000 – 20,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

เรื่องของป้ายโฆษณาจึงเป็นอีกหนึ่งต้นทุนทางธุรกิจที่ผู้ประกอบการควรรู้ไว้ และปฏิบัติตามให้ถูกต้องตามที่กฏหมายกำหนดจะได้ไม่ต้องมายุ่งยากวุ่นวายในภายหลังได้

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด