อยากนำสินค้าวางขายใน 7-Eleven ต้องทำอะไรบ้าง
การนำสินค้าที่เรามีไป วางขายใน 7-Eleven ที่ปัจจุบันมีสาขามากกว่า 12,432 แห่งและมีแนวโน้มที่จะขยายสาขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ข้อมูลระบุอีกว่ามีลูกค้าเดินเข้า 7-Eleven (รวมทุกสาขา) เฉลี่ยประมาณวันละ 11,800 ,000 คน ซึ่งหากคำนวณจากประชากรไทยที่มีอยู่ประมาณ 69 ล้านคน
นั่นหมายความว่าคนไทยที่ใช้บริการ 7-Eleven คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 17 จากประชากรทั้งหมด ซึ่งมีผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยที่ประสบความสำเร็จเพิ่มพลังการขายเพราะได้นำสินค้า วางขายใน 7-Eleven
ดังนั้น www.ThaiSMEsCenter.com มั่นใจว่ามีผู้ประกอบการอีกจำนวนไม่น้อยที่ต้องการเพิ่มพลังการขายให้ธุรกิจตัวเองด้วยวิธีนี้ ลองมาดูว่าถ้า อยากนำสินค้าวางขายใน 7-Eleven มีขั้นตอนอะไรบ้าง
1.เตรียมสินค้าให้พร้อม
ภาพจาก https://bit.ly/3HFSLHz
ผู้ประกอบการที่ อยากนำสินค้าวางขายใน 7-Eleven ต้องมีสินค้าที่ตรงตามมาตรฐานของบริษัทเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดหรือสอดคล้องกับความต้องการของพฤติกรรมผู้บริโภค ยิ่งเป็นสินค้าที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคและเป็นเทรนด์ของตลาดในขณะนั้น ย่อมมีโอกาสที่สินค้าจะขายดีหรือได้รับความนิยม มากกว่าสินค้าประเภทอื่นๆ
และแน่นอนว่านอกจากความต้องการทางตลาดที่มีผลแล้ว คุณภาพมาตรฐานของสินค้าก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทาง 7-Eleven ให้ความสำคัญ โดยสินค้าทุกชิ้นจะต้องผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐานของสินค้า มีเครื่องหมายรับรองของทางราชการเช่นเลขสารบบอาหารหรือ อย., เครื่องหมายรับรองมาตรฐานของกระทรวงอุตสาหกรรมหรือ มอก.
2.ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์
ภาพจาก https://bit.ly/3HFSLHz
ถ้ามั่นใจว่าสินค้ามีความพร้อมขั้นตอนต่อมาคือการลงทะเบียนผ่าน www.cpall.co.th ซึ่งต้องกรอกข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าให้ครบถ้วนหรือมากที่สุด ซึ่งผู้ประกอบการสามารถเข้ามากรอกรายละเอียด โดยการกด Login เพื่อเข้าสู่ระบบ สำหรับท่านใดที่ไม่ได้เป็นสมาชิกจะต้องทำการสมัครสมาชิกก่อนโดยการ กด Register จากนั้นจึงเข้าสู่ระบบ โดยการลงทะเบียนนี้ถือเป็นช่องทางแรกที่ 7-Eleven จะพิจารณาว่าสินค้าของเราน่าสนใจแค่ไน เหมาะสำหรับนำมาวางขายหรือไม่
รวมทั้งจะมีการพิจารณาว่าสินค้าได้ขัดต่อหลักเกณฑ์ของทางบริษัทหรือไม่อย่างไร ซึ่งประเด็นนี้ถือเป็นรายละเอียดในการพิจารณา เพราะหากได้รับความเห็นชอบจะถือว่าได้ผ่านการพิจารณาในรอบแรก
3.นำเสนอสินค้าอีกครั้งต่อคณะกรรมการคัดเลือกสินค้า
ภาพจาก https://bit.ly/3HFSLHz
ในขั้นตอนนี้หมายถึงผู้ประกอบการได้เดินผ่านเข้ามาก้าวแรก และนี่คือโอกาสในการนำเสนอสินค้าให้กับคณะกรรมการคัดเลือกสินค้าของบริษัทซึ่งมีผู้ทรงคุณวุฒิในหลากหลายสาขามาร่วมพิจารณา โดยสิ่งสำคัญที่ 7-Eleven ต้องการคือสินค้าดังกล่าวต้องถูกหลักอาชีวอนามัยและมีความปลอดภัยต่อสภาพแวดล้อม รวมถึงผู้ประกอบการต้องมีศักยภาพในการผลิตและส่งมอบสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
นอกเหนือจากนั้นคือข้อมูลทางการตลาดว่าเหตุใดเราถึงได้คิดและผลิตสินค้าชนิดนี้ขึ้นมา สิ่งที่ทางบริษัทต้องการทราบคือความจำเป็นของผู้บริโภคที่มีต่อสินค้า และทิศทางของการตลาดว่าจะมีแนวโน้มไปในทิศทางใดยิ่งเป็นสินค้าใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนจะเป็นสินค้าที่ 7-Eleven ให้ความสนใจอย่างมาก สุดท้ายคือข้อมูลของกลุ่มผู้บริโภคโดยผู้ประกอบการต้องมีตัวเลขที่น่าสนใจของกลุ่มเป้าหมายว่าคือใคร จำนวนมากน้อยแค่ไหน และมีโอกาสเพิ่มเติมมากขึ้นในอนาคตได้หรือไม่อย่างไร
4.ตรวจสอนมาตรฐานสินค้าและโรงงานการผลิต
ภาพจาก https://bit.ly/3HFSLHz
เนื่องจาก7-Eleven เป็นธุรกิจที่มีฐานลูกค้าจำนวนมากดังนั้นสินค้าทุกชนิดที่จำหน่ายผ่าน 7-Eleven ต้องถูกคัดสรรอย่างดี โดยเริ่มต้นตั้งแต่ต้นทางคือกระบวนการผลิต ซึ่งผู้ประกอบการที่ผ่านการพิจารณาในด้านความน่าสนใจของสินค้าและเป้าหมายทางการตลาดก็จะต้องมีการตรวจมาตรฐานของสินค้าว่าปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
โดยไม่มีส่วนผสมของสิ่งที่เป็นโทษต่อร่างการตามที่กฏหมายกำหนดและเป็นวัตถุดิบที่เหมาะสมถูกต้องรวมถึงกระบวนการผลิตในตัวโรงงานก็ต้องถูกหลักของกฏหมายตามที่ระบุไว้ รวมถึงต้องประเมินศักยภาพในการผลิตว่าจะสามารถทำสินค้าได้ตามออร์เดอร์ที่ 7-Eleven ต้องการหรือไม่
5.กำหนดวันจำหน่ายสินค้าและกำหนดยอดสั่งผลิตในล็อตแรก
ภาพจาก https://bit.ly/3HKUbAq
เมื่อผ่านมาตรฐานในเรื่องการผลิตและโรงงานทางบริษัทก็จะทำการกำหนดวันจำหน่ายสินค้าและกำหนดยอดสั่งผลิตในล็อตแรกซึ่งการระบุสัญญาระหว่างผู้ประกอบการกับทางเซเว่นนั้นก็เป็นรายละเอียดปลีกย่อยที่ต้องมากำหนดกันอีกทีว่ามีความต้องการกระจายสินค้าในลักษณะใด ให้ครอบคลุมทุกสาขาหรือว่าต้องการเจาะจงพื้นที่ให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย ข้อมูลในส่วนนี้ต้องตกลงกันเป็นลายลักษณ์อักษรอีกครั้งเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องร่วมกันระหว่างเซเว่นและผู้ประกอบการสินค้า
และเมื่อใดก็ตามที่ผู้ประกอบการได้นำสินค้าวางจำหน่ายใน 7-Eleven สิ่งที่ต้องทำต่อเนื่องคือพัฒนาสินค้าให้มีความทันสมัยและก้าวตามกระแสอยู่ตลอดเวลาเนื่องจาก 7-Eleven มีกระบวนการตรวจสอบสินค้าในเรื่องยอดขายว่าน่าพึงพอใจในระดับไหนกับการทำธุรกิจร่วมกันโดยจะเป็นการประเมินเบื้องต้นใน 3 เดือนแรก
ซึ่งข้อมูลชี้วัดนี้ก็เป็นบรรทัดฐานของทาง 7-Eleven ที่ต้องการให้ผู้ประกอบการได้มีแนวทางในการพัฒนาสินค้าให้ถูกต้องและเหมาะสมต่อไปรวมถึงในกรณีที่มีปัญหาเรื่องยอดขายก็จะได้พิจารณาร่วมกันเพื่อหาทางแก้ปัญหาที่เหมาะสมต่อไป
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจติดตามได้ที่ https://bit.ly/335phDi
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/3qWe0ii , https://bit.ly/3nDgznz , https://bit.ly/3xalcbQ , https://bit.ly/3HIaaPL
อ้างอิงจาก https://bit.ly/3nFoKjc
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)