“หมูยอตาโย่ง” เปิดรับ “ตัวแทนจำหน่าย” สร้างอาชีพ รวยไปด้วยกัน!
อาชีพนักแสดง แม้หลายคนจะมองว่ารายได้ดี แต่ในความเป็นจริงอาชีพนี้ก็มีความเสี่ยง เราจึงได้เห็นศิลปินจำนวนไม่น้อยที่ออกมาสร้างธุรกิจของตัวเอง ไม่เว้นแม้แต่ดาราตลกรุ่นใหญ่อย่าง “โย่ง เชิญยิ้ม” หรือคุณพิเชษฐ์ เอี่ยมชาวนา ผู้ที่คร่ำหวอดในวงการมายาวนาน
มีผลงานที่เรียกเสียงฮาและทุกคนรู้จักดีเช่น บางรักซอย 9 , นัดกับนัด , คุณพระช่วย , จำอวดหน้าจอ , สุภาพบุรุษสุดซอย เป็นต้น เราถือว่าน้าโย่งเชิญยิ้มเป็นหนึ่งในตำนานตลกเมืองไทย ที่นอกจากทุ่มเทให้กับการแสดงเต็มที่ น้าโย่งเองยังเป็นคนที่มองการณ์ไกลและไม่ประมาทกับการใช้ชีวิต
หนึ่งในธุรกิจที่ www.ThaiSMEsCenter.com รู้มาก่อนหน้านี้คือ “น้ำพริกตาโย่ง” ที่โด่งดังไปทั่วประเทศ แต่มาถึงวันนี้ “โย่ง เชิญยิ้ม” ขอลุยธุรกิจใหม่ที่ยังอยู่ในสายอาหารเหมือนเดิม เปลี่ยนจากขาย “น้ำพริก” มาเป็น “หมูยอ” ที่ไม่น่าเชื่อว่า “หมูยอตาโย่ง” จะสร้างยอดขาย ปังๆ และดังไม่แพ้น้ำพริกตาโย่ง” โดยในวันนี้เราได้พูดคุยกับพี่บอย (คุณบัญชา เอี่ยมชาวนา) ที่เป็นลูกชายของน้าโย่ง ที่นอกจากจะหาสินค้าสร้างอาชีพให้กับครอบครัว “หมูยอตาโย่ง” ยังพร้อมสร้างอาชีพให้คนไทยทั่วประเทศอีกด้วย
จุดเปลี่ยนสำคัญ จากน้ำพริกตาโย่ง สู่ “หมูยอตาโย่ง”
ประมาณ 7-8 ปีก่อนเราคุ้นเคยกับ “น้ำพริกตาโย่ง” ที่เปิดตัวและวางขายทั่วประเทศ แม้แต่ในรายการโทรทัศน์ที่น้าโย่งไปร่วมแสดงยังมีการแซวกันถึงน้ำพริกตาโย่ง เพิ่มความดังให้กับสินค้าและเป็นที่ต้องการของลูกค้าทั่วประเทศมากขึ้น อย่างไรก็ดี ธุรกิจน้ำพริกตาโย่งที่เริ่มต้นในขณะนั้น ตัวโรงงานสร้างในพื้นที่ว่างเปล่า แต่เมื่อเวลาผ่านไปมีหมู่บ้านจัดสรรรายล้อมมากขึ้นประกอบกับ ต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นมาก พี่บอยเล่าว่า “ต้นทุนวัตถุดิบราคาสูงขึ้นเป็นเท่าตัว ไม่ว่าจะพริก กระเทียม หัวหอม จากตันละ 4,000 – 5,000 ขึ้นมาเป็นตันละ 9,000 – 10,000 เป็นราคาต้นทุนที่ผู้ผลิตสินค้าอย่าเราต้องแบกรับ
เราก็เริ่มมองว่า น้ำพริกตาโย่งเปิดตลาดกันมานาน น่าจะเริ่มไปจับสินค้าตัวอื่นดูบ้างก็เลยมาคิดกันว่าจะ เอาอะไรดี ประกอบกับที่บ้านชอบกิน หมูยอ และส่วนตัวเราเองก็มีธุรกิจคาร์แคร์และเคยรับเอาหมูยอมาขายก็มีคนสนใจมาก ก็เลยคิดว่า หมูยอนี่แหละน่าจะขายดี ก็เลยมาคิดค้นและปรับสูตรหมูยอใหม่ให้มีความแปลกใหม่ และไม่เหมือนใคร และได้โรงงานของเพื่อนรุ่นน้องในการเป็นซัพพลายเออร์ เราจึงได้เริ่มธุรกิจ หมูยอตาโย่งนี้ขึ้นมา”
จุดเด่นของ “หมูยอตาโย่ง” คือสามารถแช่ช่องฟรีซ ได้นานกว่า 2 เดือนโดยที่คุณภาพไม่เปลี่ยน หมูยอเอามาประกอบอาหารยังรสชาติเหมือนเดิม ซึ่งแตกต่างจากหมูยอในตลาดส่วนใหญ่ที่เมื่อแช่เย็นเนื้อจะแฟบ รสชาติจะเปลี่ยน เอามาทำอาหารก็จะไม่อร่อยเหมือนเดิม ตรงนี้ก็กลายเป็นจุดขายที่ใครได้ลองกิน “หมูยอตาโย่ง” สักครั้งจะรู้ซึ้งถึงความแตกต่างได้อย่างดี
เน้นขาย “ออนไลน์” เป็นหลัก ออร์เดอร์ลูกค้าเดือนละกว่า 1,000 แพค
พี่บอยมองว่า ธุรกิจอาหารยังเป็นตลาดที่คนส่วนใหญ่ต้องการไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรคนเราก็ยังต้องกิน ยิ่งเป็นอาหารง่ายๆ เมื่อก่อนขายน้ำพริกก็เป็นสินค้าบ้านๆ แต่คนก็ชอบ มาตอนนี้เปลี่ยนมาขาย “หมูยอ” คนก็ยังฮิตติดใจ เพราะคนจดจำภาพลักษณ์แบรนด์ “ตาโย่ง” ได้อย่างดี เมื่อเปลี่ยนมาขายหมูยอคนก็เลยจำได้ง่าย
ซึ่งการแพร่ระบาดของ COVID 19 ในรอบแรกเมื่อต้นปี 2563 ตอนนั้นสร้างยอดขายออนไลน์ได้สูงมาก มาถึงปี 2564 นี้ ยอดขายก็ยังดีต่อเนื่อง โดยจะเน้นขายผ่านออนไลน์มีหน้าเพจของตัวเอง มีการจัดโปรโมชั่น เอาใจลูกค้า ร่วมกับให้ “น้าโย่ง เชิญยิ้ม” ช่วยพรีเซนต์ตามรายการต่างๆ ก็ยิ่งทำให้คนรู้จัก “หมูยอตาโย่ง” รวดเร็วมากขึ้น
ปัจจุบันออร์เดอร์ในการสั่งซื้อเฉพาะในออนไลน์ไม่น้อยกว่าเดือนละ 300-500 แพค และรวมออร์เดอร์จากบรรดาตัวแทนร้านอาหาร ออร์เดอร์ในแต่ละเดือนรวมแล้วไม่ต่ำกว่า1,000 แพค ราคาขายแพคละ 130 บาท (1แพคมีหมูยอ 4 แท่ง) นอกหมูยอแท่ง ก็ยังมีหมูยอแผ่นและที่เปิดตัวมาล่าสุดประมาณ 3 เดือนก่อนก็คือลูกชิ้นยอที่ตอนนี้ก็เป็นที่ต้องการของลูกค้าจำนวนมาก
“หมูยอตาโย่ง” มุ่งสร้างอาชีพให้คนไทย รวยไปด้วยกัน
หลายคนสงสัยว่า “หมูยอตาโย่ง” จะสร้างอาชีพให้เราได้อย่างไร เรื่องนี้ พี่บอยขยายความต่อว่า “เรามีระบบรับตัวแทนจำหน่าย” ซึ่งคนที่สนใจสามารถรับไปจำหน่ายได้ โดยมีข้อแม้ว่าต้องมีตู้แช่ของสดด้วย และส่วนใหญ่ผู้ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายจะเป็นบรรดาร้านอาหารต่างๆ ที่มีหน้าร้านของตัวเอง สามารถรับ “หมูยอตาโย่ง” ไปทำเป็นเมนูอร่อยๆ ในร้านได้อย่างหลากหลาย และนอกจากทำเป็นอาหารแล้ว ยังสามารถขายเป็นสินค้าทั่วไปให้กับลูกค้าเพิ่มรายได้อีกช่องทางหนึ่งด้วย โดยราคาในการจัดส่งถ้า 100 แพคขึ้นไปราคา 85-90 บาท ตัวแทนสามารถนำไปจำหน่ายในราคาที่เพิ่มมากขึ้นได้
หรือบางคนแตกไลน์ให้ขายง่ายมากขึ้นก็มาเปิดร้านยำ และมีหมูยอตาโย่งเป็นหนึ่งในวัตถุดิบสำคัญ ซึ่งหมูยอตาโย่งรสชาติแตกต่างจากหมูยอทั่วไป ใครที่เคยได้กินจะต้องรู้สึกถึงความแตกต่าง ปัจจุบันมีหลายคนที่เปิดร้านขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ ที่ใช้หมูยอตาโย่งเป็นวัตถุดิบสำคัญ และถึงตอนนี้ก็มีร้านอาหารจำนวนมากที่ติดต่อเข้ามาขอเป็นตัวแทนจำหน่ายจึงถือได้ว่าหมูยอตาโย่งพร้อมต่อยอดสร้างรายได้ให้กับใครๆ อีกหลายคนได้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น
เทคนิคทำธุรกิจ “รวยไม่ยาก” จาก “โย่ง เชิญยิ้ม”
เราอาจมองว่าคนที่เป็นนักแสดงจะขายสินค้าใดๆ ก็เหมือนมีแต้มต่อที่คนรู้จักได้ง่าย ทำการตลาดไม่ยาก แต่เทคนิคที่แท้จริงไม่ใช่แค่การเป็นคนดังแล้วจะประสบความสำเร็จ ลองมาดูเทคนิคทำธุรกิจให้รวยสไตล์โย่งเชิญยิ้มว่ามีอะไรบ้าง
1.ทำจากเล็กไปใหญ่ไม่ต้องรีบโต
ถ้าเราเริ่มจากเงินทุนน้อยก็ใช่ว่าเราจะเติบโตไม่ได้ ทุนน้อยเราก็เริ่มแบบน้อย สมัยก่อนตอนที่ทำน้ำพริกตาโย่งก็ใช่ว่าจะเป็นที่รู้จักทันทีก็เริ่มจากการทำแล้วส่งให้เพื่อนกิน คนรู้จักกิน พอเริ่มมีเงินทุนมากขึ้นก็ขยายกิจการมากขึ้น การโตแบบค่อยเป็นค่อยไปจะเป็นธุรกิจที่แข็งแรงมากกว่า
2.ใจต้องสู้เจออะไรก็อย่าท้อ
ถ้าเคยดูประวัติของโย่ง เชิญยิ้มเราจะพบว่านี่คือนักสู้ชีวิตที่หนทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ จากเด็กจนถึงปัจจุบันโย่ง เชิญยิ้มฝ่าฝันปัญหาชีวิตมาหลายอย่าง จนถึงวันนี้วันที่ประสบความสำเร็จก็ด้วยใจสู้ที่ไม่ย่อท้อกับปัญหา และถือเป็นคุณสมบัติสำคัญของคนทำธุรกิจด้วย
3.ผลิตสินค้าที่ขายง่าย ใครๆ ก็ซื้อได้
รูปแบบสินค้าของโย่ง เชิญยิ้ม เน้นความง่าย สินค้าบ้านๆ แต่นี่แหละคือเอกลักษณ์ที่ทำให้เติบโตรวดเร็ว ไม่ว่าจะน้ำพริกหรือหมูยอ ก็ล้วนแต่เป็นอาหารทั่วไปที่ใครๆก็ซื้อกินได้ คนที่ยังไม่รู้ว่าจะขายอะไร จะทำอะไรลองมองดูเรื่องง่ายๆทั่วไปอาจะเป็นสินค้าขายดีแบบไม่ต้องคิดมาก
4.ปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยได้อย่างกลมกลืน
อะไรก็ตามที่สวนกระแสแม้บางทีอาจเป็นจุดเด่นคนสนใจ แต่ในความเป็นจริงคนสนใจกับคนที่ซื้อสินค้าอาจจะคนละเรื่องกัน เหมือนโฆษณาบางตัวที่แปลกแหวกแนวคนสนใจแต่ถามว่าจำได้ไหมว่าขายอะไร หลายคนก็ไม่รู้ว่าโฆษณานี้ขายอะไร สินค้าก็เช่นกัน สไตล์โย่ง เชิญยิ้มจะไม่สวนกระแส อะไรที่คนต้องการนั่นคือโจทย์ในการทำสินค้า แม้แต่การตลาดก็ต้องผสมผสานยุคใหม่เข้าด้วยกัน หมูยอตาโย่งจึงเน้นตลาดออนไลน์เป็นสำคัญเพราะเข้าถึงลูกค้าได้มากที่สุด
5.ทำจากสิ่งที่ชอบ ยังไงก็ขายได้
อะไรก็ตามถ้าเป็นสิ่งที่เราถนัด สิ่งที่เราชอบต่อให้เป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน แต่หากเราเอามาต่อยอดขยายเป็นธุรกิจมันก็สามารถสร้างรายได้ที่ดี อย่างครอบครัวของโย่ง เชิญยิ้ม ชอบทานหมูยอด ชอบทานน้ำพริก ก็เอาจุดนี้มาพัฒนาสร้าง แบรนด์ของตัวเอง จนเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ซึ่งทุกคนก็ทำได้สำรวจตัวเองก่อนว่าชอบและรักในสิ่งไหน และจงขยายความสามารถนั่นให้เต็มที่ รายได้ที่ดีก็จะตามมา
“หมูยอตาโย่ง” ในมุมมองของเราจึงไม่ใช่แค่ธุรกิจของนักแสดงตลกมากความสามารถ แต่ “หมูยอตาโย่ง” ยังมีเรื่องราวสอดแทรกที่สอนให้เรารู้ว่าการทำธุรกิจในยุคนี้ไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่และไกลเกินตัวต่อไป หลายคนที่ยังทำไม่ได้เพราะมัวแต่ “กลัว” คิดว่า “เราไม่มีเงินทุน” คิดว่า “เราไม่รวยเหมือนคนอื่น” เพราะมัวแค่คิด คิด และ คิด สุดท้ายก็ได้อยู่ที่เดิม
คนจนกับเศรษฐีจึงแตกต่างกันที่ความคิด คนที่ยังจนเพราะมัวแต่คิด ในขณะที่คนจะเป็นเศรษฐีเขาคิดแล้วลงมือทำทันที ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรก็ไปแก้ไขเอาข้างหน้า สุดท้ายความสำเร็จก็จะมาถึง นี่คือบทเรียนทางธุรกิจน่าสนใจที่เราได้จาก “หมูยอตาโย่ง” คนจริง ที่ลงมือทำจริง และประสบความสำเร็จได้อย่างที่ใจคิด
รายละเอียดเพิ่มเติมหมูยอตาโย่ง https://bit.ly/2XG0j7A
อ้างอิงจาก https://bit.ly/2Y5dNtv