สินค้าที่ลอกเลียนแบบได้ง่าย ทำแฟรนไชส์ไม่ได้
หลายคนมีคำถามและสงสัยกันว่า หลายธุรกิจแฟรนไชส์ไม่ประสบความสำเร็จ เป็นเพราะอะไร ทั้งที่แบรนด์ดูดี สินค้ามีความน่าสนใจ มีลูกค้าเยอะ แต่กลับไปได้ไม่ไกล วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com มีข้อมูลมาเล่าให้ฟังครับ
ธุรกิจที่เหมาะสำหรับขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ และมีโอกาสประสบความสำเร็จสูง จะต้องเป็นธุรกิจที่พิสูจน์แล้วว่า สามารถทำกำไรได้ และคืนทุนได้ ซึ่งธุรกิจเหล่านี้ต้องสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตัวของธุรกิจนั้นๆ โดยมีลักษณะ คือ
- ธุรกิจนั้นๆ ต้องมี Branding มีฐานลูกค้า และต้องดูว่ามีคนต้องการให้เปิดธุรกิจตรงนี้มากน้อยแค่ไหน
- ควรมีสูตรลับ มีวิธีการที่ถ่ายทอดให้คนอื่นได้ แต่ไม่สามารถเลียนแบบได้ และส่วนนี้ต้องแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างจากธุรกิจอื่นๆ ที่เป็นประเภทเดียวกันหรือเหมือนกัน
- ต้องมีระบบการจัดการที่ดี มีการดูแลคุณภาพมาตรฐาน มีคู่มือปฏิบัติงานที่ชัดเจน
ภาพจาก facebook.com/mujumkunple
อย่างไรก็ตาม หากใครคิดจะทำแฟรนไชส์ต้องรู้ด้วยว่า “สินค้าที่ลอกเลียนแบบได้ง่าย ทำแฟรนไชส์ไม่ได้” แต่ถ้าคิดจะทำอาจไปไม่ได้ไกล หากสินค้าหรือธุรกิจของเราไม่ดีจริง และไม่แตกต่างจากคู่แข่งในตลาด
เช่นกรณี ร้านหมูกระทะ ทำไมถึงมีให้เห็นน้อยในยุคปัจจุบัน และไม่ค่อยมีคนทำแฟรนไชส์ด้วยซ้ำ เนื่องจากสามารถซื้อของสดได้จากตลาดสดได้ แต่ธุรกิจรูปแบบคล้ายกันอย่าง “ชาบู” ทำไมคนอยากซื้อแฟรนไชส์ ก็เพราะแบรนด์มีชื่อเสียง น้ำซุป น้ำจิ้ม เป็นต้น
ภาพจาก facebook.com/Rotiboythai/
หรือกรณีร้านแฟรนไชส์ Rotiboy หรือ โรตีบอย ที่เคยเป็นกระแส ขนมปังอบ กลิ่นหอม ที่ต้องต่อคิวรอเป็นชั่วโมงๆ กว่าจะซื้อได้เมื่อช่วงปลายปี 2548 จากที่เคยมียอดขายสูงถึง 2-3 หมื่นชิ้นต่อวัน ในราคาก้อนละ 25 บาท
แต่ด้วยความเป็นสินค้ากระแส สินค้าแฟชั่น คนไทยที่ไม่เคยเห็น ไม่เคยสัมผัส ไม่เคยกิน เมื่อเห็นคนอื่นทำ หรือกินอะไร ก็มักจะอยากกินหรืออยากทำกับเขาบ้าง เพราะเดี๋ยวคนอื่นจะหาว่าตกเทรนด์
เวลาต่อมากระแสโรตีบอยซาลงอย่างรวดเร็ว นักการตลาดต่างก็วิเคราะห์กันว่า อาจเป็นเพียงกระแสความ “เห่อ” ที่มาเพียงวูบเดียวแล้วดับไป รวมถึงร้านไม่สร้าง Brand Royalty ให้ผู้บริโภคจงรักภักดี ทำให้ลูกค้าหันไปซื้อเจ้าอื่น เพราะเป็นสินค้าที่ลอกเลียนแบบได้ง่าย
ภาพจาก facebook.com/Rotiboythai
แม้ว่ารสชาติขนมปัง “โรตีบัน” จะเป็นเอกลักษณ์กับการสอดไส้เนยแบบเบาๆ ราดหน้าด้วยกาแฟ แต่โรตีบอยกลับไม่ใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์กับตนเอง ทั้งที่เข้ามาในเมืองไทยเป็นเจ้าแรก เพราะหลังจากนั้นไม่นานคู่แข่งในตลาดก็สามารถพัฒนารสชาติและกลิ่นได้ใกล้เคียงมาก แถมขายในราคาที่ถูกกว่า ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือก
ภาพจาก facebook.com/BunBakeryThailand/
อย่างเช่น ร้านมิสเตอร์บัน สัญชาติไทยแท้ๆ ได้ทำออกมาขายในราคาที่ถูกกว่ามาก โดยโรตีบอยขายชิ้นละ 25 บาท แต่มิสเตอร์บัน 10 บาท แม้โรตีบอยชิ้นใหญ่กว่า แต่นิสัยการบริโภคของคนไทย มักจะไม่ยึดติดกับแบรนด์ แต่ยึดติดราคา จึงมีการเลือกในสิ่งที่ “ถูกกว่า” แม้รสชาติจะไม่ใช่ แต่ก็ใกล้เคียง หลังๆ มายอดขายจึงเริ่มตก
และสุดท้ายก็ปิดตัวไปในที่สุด ทำให้เด็กรุ่นหลัง ไม่มีโอกาสที่จะได้ลิ้มลองลิ้มรสชาติว่าจะอร่อยขนาดไหน อีกทั้งยังมีร้านลักษณะ Mexican Bun เกิดขึ้นเป็นคู่แข่งมากมาย อาทิ Rotimom และ Papa Roti แต่แบรนด์ Mr.Bun ยังคงอยู่ให้คนรุ่นหลังได้เห็นและได้ลิ้มรสชาติ
หรือกรณีเครื่องชา 25 บาททุกแก้ว ในช่วง 4- 5 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าไม่ได้มีแค่ยี่ห้อเดียว มีหลายยี่ห้อ ตั้งร้านสลับร้าน สลับพื้นที่เต็มไปหมด นั่งคิดเล่นๆ ก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 30 ยี่ห้อ ถือมากเยอะมากจนลูกค้าเลือกไม่ถูก ว่าจะซื้อยี่ห้อไหนดี แต่นั่นเป็นภาพเมื่อก่อน แต่ปัจจุบันแทบจะล้มหายตายจากไปแล้ว เพราะเป็นสินค้าที่ลอกเลียนแบบได้ง่าย
สำหรับวิธีรับมือหากสินค้าลอกเลียนแบบ ก็คือ สร้างคุณค่ามากกว่าที่ตาเห็น ค้นหาว่าคุณค่าของสินค้าของเราอยู่ที่ไหน ถ้าสินค้าของเราเป็นแบบที่ลอกเลียนได้ง่าย และคุณค่าทุกอย่างอยู่ในบริบทสิ่งที่จับต้องได้ การป้องกันการถูกเลียนแบบก๊อบปี้คงเป็นไปได้ยาก ในสินค้าบางอย่างคุณค่าของสินค้าไม่ได้อยู่แค่ในอุปกรณ์ที่จับต้องได้
แต่อยู่ในการบริการที่ต้องใช้งานร่วมกัน ในกรณีข้างต้นการถูกเลียนแบบ อาจอยู่ในส่วนของรูปแบบหน้าตาของสินค้า กระบวนการผลิต รสชาติ แต่ถ้าสินค้าของเรามีคุณค่าในการมอบให้กับลูกค้าสูง คนอื่นจะลอกเลียนแบบได้ยาก ยกตัวอย่าง แฟรนไชส์ 7-Eleven รูปแบบการให้บริการลูกค้าจะแตกต่างจากร้านค้าปลีกและร้านสะดวกซื้ออื่นๆ
อ้างอิงจาก https://bit.ly/3eV1k3P
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
8 ขั้นตอน การพัฒนาระบบแฟรนไชส์
1. การวางแผนธุรกิจ ก่อนทำแฟรนไชส์
- กำหนดรูปแบบธุรกิจ (Business Model) ให้มีความชัดเจน โดนใจลูกค้า
- ชื่อกิจการ (Brand)
- การสร้างผลการดำเนินธุรกิจที่ดี ได้ผลกำไร มีความมั่นคง (Good ROI)
- การสร้างแบรนด์ ตราสินค้า ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักผู้บริโภค
- การพัฒนาสินค้าบริการ ให้มีคุณภาพมาตรฐาน และระบบการจัดการที่เป็นมาตรฐาน
- การพัฒนาระบบบริการจัดการ จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
- วางโครงสร้างองค์กรใหม่ รวมถึงการพัฒนาบุคลากร ทีมงาน สนับสนุนระบบแฟรนไชส์
- การวางแผน และกำหนดเป้าหมายการขยายธุรกิจ การขยายสาขา ทั้งในและต่างประเทศ
- การกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจ ทำเลที่ตั้ง และรูปแบบของร้านค้า
- การเลือกใช้สื่อต่างๆ ช่องทางต่างๆ ในการจัดกิจกรรม เพื่อสร้างแบรนด์แฟรนไชส์
2. การรวบรวมข้อมูลธุรกิจ
- ระบบการปฏิบัติงาน วิธีการบริหารจัดการธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
- ระบบการเงิน การบัญชี
- งบประมาณในการลงทุนธุรกิจ การขยายสาขา
- รูปแบบของร้านค้า รูปแบบของตราสินค้า ที่เป็นเอกลักษณ์
- ระบบการสต็อกสินค้า จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
- แผนงานการตลาด การส่งเสริมการขายต่างๆ
- กระบวนการพัฒนาบุคลากร ทีมงานด้านต่างๆ
3. การวิเคราะห์ธุรกิจแฟรนไชส์
- ธุรกิจเปิดมานานหลายปี จำนวนไม่น้อยกว่า 1สาขา
- แบรนด์มีชื่อเสียงได้รับความนิยม เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในวงกว้าง
- สินค้าและบริการ มีคุณภาพมาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาด
- เป็นธุรกิจที่มีความมั่นคง ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ มีผลกำไร ต่อเนื่อง เป็นที่น่าพอใจ
- มีระบบการทำงาน การปฏิบัติงาน แผนการทำงานที่ชัดเจน สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นได้
- มีระบบการพัฒนาบุคลากร และสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง เป็นมาตรฐาน
- ประสบความสำเร็จทางด้านการตลาด การสร้างแบรนด์ การส่งเสริมการขายต่างๆ
- แผนกลยุทธ์การขยายสาขา และเติบโตต่อเนื่อง เป็นรายเดือน หรือ รายปี
4. การวางโครงสร้างของระบบแฟรนไชส์
- กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค
- การสร้างองค์ความรู้ ระบบปฏิบัติงานต่างๆ ที่พร้อมถ่ายทอดให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- วางระบบการปฏิบัติงานของแต่ละขั้นตอนธุรกิจ ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ง่าย
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย แต่ละแผนกให้ชัดเจน รวมถึงขั้นตอนการอบรม ระบบตรวจสอบ เพื่อสร้างมาตรฐานธุรกิจแฟรนไชส์
- สร้างระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซี หรือผู้ซื้อแฟรนไชส์
- การกำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ ในการขยายสาขาแฟรนไชส์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า (ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์)
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม พร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ช่วงเริ่มต้นได้
- เงื่อนไขการเปิดสาขาในด้านต่างๆ
5. การวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจแฟรนไชส์
- แผนการขยายแฟรนไชส์
- ระบบการเงิน
- ค่าธรรมเนียมต่างๆ
- ข้อเสนอแฟรนไชส์ซี
- การจดทะเบียนแฟรนไชส์
- เรื่องกฎหมาย อายุสัญญาแฟรนไชส์
- ระบบปฏิบัติงาน รูปแบบการให้สิทธิ
- การตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์
- แพ็คเกจต่างๆ ระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซีอย่างต่อเนื่อง
- การจัดทำคู่มือแฟรนไชส์ หรือโปรแกรมแฟรนไชส์
- การจัดทำสัญญาแฟรนไชส์ รวมถึงเครื่องหมายการค้า
6. การวางแผนเพื่อขยายสาขาธุรกิจแฟรนไชส์
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ เจ้าของแฟรนไชส์จะบริหารจัดการเองทุกอย่าง เพื่อสร้างความโดดเด่น สร้างความเด่นชัดให้แก่นักลงทุน ได้เห็นภาพของร้านที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การลงทุนเปิดสาขาแฟรนไชส์ในภายหลัง
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟนไชส์ คือ เมื่อสาขาแรกมีความแข็งแกร่ง มั่นคง มีผลกำไรต่อเนื่อง เป็นที่ยอมรับของลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ แล้ว ก็ทดลองขยายสาขาเพิ่มอีก เพื่อทดสอบสาขาที่ 2 เป็นอย่างไร โดยนำเอาระบบการปฏิบัติงานทุกอย่างของร้านสาขาแรกมาปฏิบัติ ถ้าประสบความสำเร็จ ก็ค่อยขยายสาขาตัวเองเพิ่มอีก 2-3 สาขา ถ้าประสบความสำเร็จเหมือนสาขาแรก ก็ค่อยคิดขายแฟรนไชส์ให้กับคนอื่น
7. กระบวนการพัฒนาและปรับปรุงระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น (ระบบการบริหารจัดการในร้าน ขั้นตอนการปฏิบัติงาน)วิเคราะห์ระบบการเงิน การลงทุน ในแต่ละสาขาที่เปิดทดลอง
- พิจารณาปรับปรุงระบบงาน ระบบการทำงานต่างๆ ให้เหมาะสม
- ระบบการพัฒนาทีมงานรองรับการขยายงาน ขยายสาขา
- การวางแผนงานขยายสาขาแฟรนไชส์
- เก็บข้อมูลรายละเอียดต่างๆ กลุ่มลูกค้า ผลประกอบการ การดำเนินงาน ของสาขาแรก หรือสาขาต้นแบบ เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด ก่อนเปิดสาขาที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และขายแฟรนไชส์
- จัดวางงบประมาณ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการขยายธุรกิจแฟรนไชส์
8. แผนการตลาดของธุรกิจแฟรนไชส์
- การจัดทำคู่มือต่างๆ เพื่อแนะนำธุรกิจแฟรนไชส์
- กระบวนการขายแฟรนไชส์ การคัดเลือกผู้ซื้อแฟรนไชส์
- กระบวนการติดตามลูกค้าเป้าหมาย
- การนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ในงานแสดงธุรกิจแฟรนไชส์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- การจัดงาน สัมมนาการขายธุรกิจ แฟรนไชส์
- การเปิดเยี่ยมชมธุรกิจ ร้านต้นแบบแฟรนไชส์
- กระบวนการคัดเลือกแฟรนไชส์ซีที่เหมาะสม ตามหลักมาตรฐานแฟรนไชส์สากล
- กระบวนการถ่ายทอดความรู้ การอบรม และให้คำปรึกษาแก่แฟรนไชส์ซี
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)