สงครามกาแฟในร้านสะดวกซื้อ! ยอดขายดีแค่ไหน

ทำไมในร้านสะดวกซื้อไม่ว่าจะแบรนด์ไหน ก็มักมี Shop กาแฟของตัวเอง ถึงขนาดมีแบรนด์กาแฟของตัวเองด้วยซ้ำ เหตุผลก็ง่ายๆ เพราะตลาดกาแฟเมืองไทยมีมูลค่ากว่า 60,000 ล้านบาท คิดในมุมของคนทำธุรกิจการจะแชร์เอามูลค่านี้มา ก็คือการสร้างสินค้าที่ดึงดูดลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการให้ได้มากที่สุด

สงครามกาแฟในร้านสะดวกซื้อ

เราจึงได้เห็นหลายแบรนด์ที่แข่งกันดุเดือด เช่น

  • All Café ใน 7– Eleven
  • จังเกิ้ล คาเฟ่ ของโลตัส โก เฟรช
  • อาริกาโตะ ในท็อปส์ เดลี่
  • Lawson Café ของร้าน LAWSON 108
  • บาว คาเฟ่ ของ ซีเจ ซูเปอร์มาร์เก็ต

ในเรื่องของยอดขาย / รายได้ ยกตัวอย่าง All Café ปี 2567 ที่ผ่านมาผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปีกำไรสุทธิ์ 60.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.67% ถ้าเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน ในส่วนของบาว คาเฟ่นั้นช่วงหลังก็มีการรุกตลาดเดินหน้าขยายสาขาอย่างเต็มที่เช่นกัน ตั้งเป้าปี 2568 จะเปิดครบ 1,800 สาขาโดยในปีที่ผ่านมารายได้รวมกว่า 44,000 ล้านบาท กำไรเฉลี่ย 2,600 ล้านบาท (มาจากทุกธุรกิจรวมกัน) โดยแต่ละสาขามีลูกค้าเฉลี่ย 800/คน/วัน

พนักงาน CJ

หรืออย่างอาริกาโตะในเครือของ CRG ก็เป็นแบรนด์เครื่องดื่มที่เข้ามาเพิ่มสีสันและหวังดึงรายได้จากตลาดกาแฟ มีเมนูมัทฉะลาเต้เป็นตัวชูโรง รวมถึงการอัพเดทเมนูใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนในการขยายสาขาเพิ่มขึ้น เพื่อให้ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นด้วย

แต่ทั้งหมดนี้ก็ต้องไม่ลืมเช่นกันว่าตลาดกาแฟไม่ได้มีแข่งแค่ในร้านสะดวกซื้อ ในตลาดหลักเองก็มีผู้เล่นที่แข็งแกร่งอีกมากอันเป็นตัวแปรสำคัญที่เรียกว่าขับเคี่ยวกันดุเดือด สอดคล้องกับตัวเลขการ “ดื่มกาแฟ” ของคนไทยเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว โดยตัวเลขขยับขึ้นมาใกล้ ๆ 2 แก้ว/วัน/คน หรือมากกว่า 300 แก้ว/คน/ปี จากในอดีตที่ผ่านมาที่ตัวเลขเฉลี่ยอยู่ในระดับ 100 แก้ว/คน/ปี

สงครามกาแฟในร้านสะดวกซื้อ

จึงเป็นเหตุผลที่เราจะเห็นแบรนด์ใหญ่อย่าง “คาเฟ่ อะเมซอน” ร้านกาแฟในเครือ ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก หรือโออาร์ ที่ยังเดินหน้าขยายสาขาด้วยโมเดลแฟรนไชส์ต่อเนื่อง ทั้งในปั๊มและนอกปั๊ม โดยเฉพาะอาคารสำนักงาน โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย ย่านชุมชนต่าง ๆ หลังจากที่เปิดไปแล้วมากกว่า 4,552 สาขา

สงครามกาแฟในร้านสะดวกซื้อ

หรือร้านกาแฟ “พันธุ์ไทย” ในเครือพีทีจี เอ็นเนอยี ตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มอีก 400 สาขาทั่วประเทศ ด้วยการมุ่งขยายสาขาออกไปในต่างจังหวัดและอำเภอ แต่ที่ชัดเจนที่สุดก็คือเครือ CP ที่มีถึง 12 แบรนด์กาแฟ มีหลายเหตุผล โดยหลักๆ จะเกี่ยวข้องกับกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจให้ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า และครองส่วนแบ่งตลาดกาแฟและเบเกอรี่ให้ได้มากที่สุด

จะเห็นว่าแบรนด์กาแฟเครือ CP จะจับกลุ่มลูกค้าหลากหลาย ทุกระดับรายได้ เริ่มตั้งแต่กาแฟราคาประหยัด อาจสูงกว่ารถเข็นหน่อยก็ All Café ราคากลางๆ KUDSAN Bakery, Jungle Café, Star Coffee ราคาระดับพรีเมียม Bellinee’s Bake & Brew ขณะเดียวกัน CP ก็ยังจับกลุ่มลูกค้าที่ชอบบรรยากาศ ทำงานไปด้วย ดื่มกาแฟไปด้วย ก็มี True Coffee ไว้รองรับ

สงครามกาแฟในร้านสะดวกซื้อ

ถึงแม้ว่าบางแบรนด์จะดูแล็กๆ แต่เมื่อนำสาขาของแต่ละแบรนด์มารวมกันจะพบว่ามีจำนวนมากกว่า 10,000 สาขาเลยทีเดียว มากกว่ากาแฟดังหลายๆ แบรนด์รวมกันอย่าง คาเฟ่ อเมซอน, สตาร์บัคส์, กาแฟพันธุ์ไทย, อินทนิล และอื่นๆ

ถ้าดูจากภาพรวมทั้งหมดเช่นว่าตลาดกาแฟคือการแข่งขันที่ยังระอุและเป็นสินค้าที่พร้อมสร้างรายได้ดี ในส่วนของการลงทุนปัจจุบันก็มีรูปแบบแฟรนไชส์ที่เหมาะสำหรับคนต้องการเริ่มธุรกิจได้ทันที

บางแฟรนไชส์เราเริ่มต้นด้วยงบหลักทุนไม่แพงและก็มีเมนูเยอะไม่เฉพาะกาแฟ แถมมีอุปกรณ์ + วัตถุดิบให้พร้อมเปิดร้าน การสอนสูตร สอนเทคนิคการขาย คนลงทุนไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือเรื่องของการตลาดและทำเลในการเปิดร้าน ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญมากของการเปิดร้านกาแฟในยุคนี้

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด