ศึกชิงพื้นที่ แข่งเดือด! 7 ทำเล “คอมมูนิตี้มอลล์” เปิดใหม่ปี 2568
ตลาด คอมมูนิตี้มอลล์ ปี 2568 แข่งกันดุเดือด ยักษ์ใหญ่ต่างกระโดดเข้าร่วมศึกนี้อย่างคีกคัก ถ้าวิเคราะห์ว่าอะไรคือปัจจัยที่ทำให้ตลาดนี้โตเร็วมากพบว่า
- การขยายตัวของเมืองกระจายไปสู่นอกเมืองมากขึ้น
- กลุ่มเป้าหมายแต่ละย่านมีความต้องการที่ Fragmented มากขึ้น
- การเติบโตของSocial Media ที่สูงมาก
- พฤติกรรมลูกค้าที่ต้องการความสะดวกและครบวงจร
- กลุ่มคนที่ต้องการสร้างธุรกิจ/สร้างอาชีพมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
ถ้านับเฉพาะปี 2568 พบว่ามี คอมมูนิตี้มอลล์ อีกหลายแห่งที่กำลังเตรียมตัวจะเปิด ทั้งที่เป็นรายใหม่หรือบางแห่งก็เป็นการขยายสาขาเพิ่มจากที่เคยมีอยู่เดิมแล้ว
1. เวิ้งนครเกษม เยาวราช

เป็นพื้นที่ขนาด 14 ไร่ของบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ในเครือของ ทีซีซี กรุ๊ป เปิดโครงการ “เวิ้งนครเกษม เยาวราช” ที่ใช้งบลงทุนกว่า 16,000 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายพัฒนาพื้นที่ให้กลายเป็นแลนด์มาร์กระดับโลก ควบตำแหน่งไชน่าทาวน์ที่ใหญ่สุดในโลก
คาดว่าจะเปิดบริการอย่างเต็มรูปแบบในปี 2572 โดยภายในโครงการจะประกอบไปด้วยศาลาจีน (Chinese Pavilion) ความสูง 8 ชั้น , โรงแรมระดับลักชัวรี่ , ศูนย์การค้าระดับไอคอนิค พื้นที่รวมกว่า 68,000 ตร.ม , พื้นที่ใต้ดินที่จะแปลงโฉมให้เป็นแหล่งช็อปปิ้งใหญ่สุดในกรุงเทพฯ และด้วยศักยภาพของพื้นที่ซึ่งเชื่อมต่อกับถนน 3 ด้าน ติดกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT และ คลองโอ่งอ่าง คาดว่าจะดึงดูนักท่องเที่ยวต่างชาติได้กว่า 50% รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนไทยอีกจำนวนมาก
2. Market Place เทพรักษ์

คอมมูนิตี้มอลล์ ในเครือของ CPN ที่ตั้งเป้าพัฒนา 15 โครงการทั่วกรุงเทพฯ รวมถึงพัทยา เปิดตัวโครงการแรกคือ Market Place เทพรักษ์ ที่ใช้งบกว่า 2,000 ล้านบาท พื้นที่ 5,800 ตร.ม. รองรับร้านค้า 60 ร้าน
ส่วนโซน Market มีพื้นที่ 1,500 ตร.ม. รองรับร้านค้าได้จำนวน 300 ร้าน มีพื้นที่รองรับความต้องการที่หลากหลายโซนเช่น Food Destination , Family & Pet Friendly , Eco-Friendly Mall , Kid Playground นอกจากนี้ยังเป็นทำเลที่ใช้กลยุทธ์ด้าน Sustainable Community” ด้วยการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน เช่น การใช้ Solar Cell และไฟ LED อีกด้วย
3. The Glass Market Bangna

แลนด์มาร์คแห่งใหม่ บนถนนบางนา – ตราด กม.7 ขาเข้าเมือง บริเวณปากซอยราชวินิตบางแก้ว มีร้านดังที่เข้ามาเปิดร้านในพื้นที่เช่น Jetts Fitness 24 ชั่วโมง , Absolute You Pilates พื้นที่โครงการกว่า 20 ไร่ งบประมาณในการก่อสร้างกว่า 400 ล้านบาท มาในคอนเซ็ปต์ THE NEW FOOD DESTINATION OF BANGNA โดยตั้งใจให้เป็นแหล่งรวมอาหารที่อร่อยและหลากหลาย แบ่งเป็น 3 โซนหลักคือ
- Retail : Community Mall / พื้นที่ค้าปลีก 2 ชั้น
- ชั้น 1 : ร้านอาหารหลากหลายสัญชาติ
- ชั้น 2 : Beauty & Lifestyle Zone
- Market ตลาดสดรูปแบบพรีเมียม ที่มีขายเนื้อสัตว์ ผักและผลไม้สด สะอาดหลากหลายครบจบ ในที่เดียว
- Food Courtขนาดใหญ่ ที่รวมเอา street food ร้านดังไว้เป็นจำนวนมาก
4. Q Backyard

บนทำเลทองติด Mrt ศูนย์ฯสิริกิติ์ คอมมูนิตี้มอลล์ที่รองรับครบทุกไลฟ์สไตล์ไม่ว่าจะเป็น Hangout Space, Nightlife Spot, Wellness Area, Art Space, Pet Friendly Area และ Garden & Outdoor Area เป็นคอมมูนิตี้มอลล์บนพื้นที่ขนาด 2.9 ไร่
มีพื้นที่ร้านค้าปลีกพร้อมให้เช่ากว่า 1,890 ตารางเมตร รองรับร้านค้าได้สูงสุด 22 ร้าน ขนาดร้านตั้งแต่ 22–280 ตารางเมตร มีที่จอดรถ 34 คัน พร้อมบริการที่จอดรถแบบ Valet Parking โดยคาดว่าเฟสแรกนี้จะเปิดให้บริการได้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2568
5. Khu Khot Crossing Mall

คอมมูนิตี้มอลล์ย่านชานเมืองที่เป็นศูนย์รวมไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ ตั้งอยู่ริมถนนลำลูกกาและมีทางเดินเชื่อมต่อตรงเข้าสถานีคูคต โครงการมี 2 อาคาร 2 ชั้น และ 4 ชั้น บนที่ดินขนาด 3ไร่ พร้อมพื้นที่ให้เช่า 5,311 ตารางเมตร รองรับพื้นที่ร้านค้าได้อย่างหลากหลายเช่น Supermarket , คาเฟ่ , ร้านอาหาร , ร้านตัดผม/ร้านเสริมสวย , คลินิก เป็นต้น
จุดเด่นของทำเลคอมมูนิตี้มอลล์แห่งนี้คือประชากรที่มีจำนวนมากและกำลังการซื้อสูง จากข้อมูลระบุว่าพื้นที่คูคตมีประชากรประมาณ 195,250 คน จำนวนบ้าน 107,085 หลัง รายได้เฉลี่ยของคนในพื้นที่เงินเดือน 20,000 – 85,000 บาท และมีความเป็นHub ของกรุงเทพฯ ตอนเหนือ โดยเฉพาะโซนลำลูกกา คนที่ต้องเดินทางเข้าในกลางเมืองด้วยรถไฟฟ้าสายสีเขียวจะต้องผ่านสถานีคูคตเป็นหลัก ทำให้มีจำนวนผู้สัญจรมากถึง 41,500 คน/วัน
6. COVE HILL

โดยบริษัทบูทีค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้เปิดโครงการคอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ ย่านเจริญกรุง ภายใต้บรรยากาศสไตล์นอร์ดิกที่ทันสมัยผสมผสานเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์ของย่านเจริญ พื้นที่กว่า 4,000 ตร.ม.มีร้านค้าและบริการคุณภาพสูงรวม 28 ยูนิต บนอาคาร 3 ชั้น มูลค่าในการลงทุนกว่า 270 ล้านบาท
คาดว่าจะดึงดูดผู้มาใช้งานเฉลี่ย 1,650 คนต่อวัน โดยครอบคลุมกลุ่มผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ใกล้เคียง, นักเรียนและผู้ปกครองจากโรงเรียนนานาชาติชั้นนำ รวมถึงนักท่องเที่ยวและผู้เข้าพักจากโรงแรมระดับไฮเอนด์ในบริเวณใกล้เคียง
7. OR Space

OR Space คือ “ศูนย์การค้าแนวใหม่นอกสถานีบริการน้ำมัน” ภายใต้แนวคิด Convenience Mall ระหว่าง Community mall กับ Convenience Store ปัจจุบัน OR Space เปิดให้บริการ 2 สาขา โดยสาขาแรกตั้งอยู่อำเภอเณรแก้ว จังหวัดสุพรรณบุรี และล่าสุดได้เปิดสาขารามคำแหง 129 บนพื้นที่กว่า 5 ไร่ และเร็วๆ นี้เตรียมจะเปิดที่สาขาพงษ์เพชร นับเป็นสาขาที่ 3 และตั้งเป้าว่าจะเปิดให้ครบ 10 สาขา ภายในปี 2569 ภายใต้งบลงทุน 300 ล้านบาท
ทั้งนี้ OR Space คือการจับมือกับพันธมิตรหลายแบรนด์ ทั้งร้านอาหาร บริการด้านสุขภาพและความงาม ร้านขายยา มั่นใจว่าจะตอบโจทย์ทุกเจเนอเรชัน การลงมาลุยตลาดคอมมูนิตี้มอลล์ครั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป และเพื่อให้สอดรับกับแผนงานระยะยาวของบริษัทในปี 2573 ที่มีนโยบายเพิ่มสัดส่วนกำไรที่มาจากธุรกิจกลุ่ม Non-oil เป็น 50% ของกำไรทั้งหมดของบริษัท
และถ้ามองลึกลงไปอีกจะพบว่าตลาดคอมมูนิตี้มอลล์ยังแข่งเดือดได้อีกมากจากปีที่ผ่านมาก็มีหลายทำเลที่เปิดตัวกันไปแล้วเช่น บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) ได้ส่ง “ลิตเติ้ล วอล์ค” บุกตลาด หรือ บริษัท บูทิค พระโขนง วัน จำกัด ได้พัฒนา “ซัมเมอร์ฮิลล์” ติดบีทีเอสพระโขนง บนพื้นที่กว่า 5 ไร่ และยังมีบางจาก” เตรียมพัฒนาโครงการ “เอเวอร์กรีน แจ้งวัฒนะ” เป็นไลฟ์สไตล์มอลล์ เนื้อที่ 5 ไร่ ติดรถไฟฟ้าสายสีชมพู ภายในประกอบด้วย สถานีบริการน้ำมันและอาคารคอมมูนิตี้มอลล์ เป็นต้น
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
อ้างอิงจาก คลิกที่นี่
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)