วิธีใช้ “กล่องสุ่ม” เพิ่มยอดขายให้ธุรกิจ

ใครที่ได้ติดตามข่าวช่วงนี้คงได้ยินชื่อของ “กล่องสุ่ม” แน่นอนว่านี่คือเทรนด์การตลาดที่กำลังมาแรงอย่างมาก และดูจะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆด้วย รูปแบบของกล่องสุ่มคือการขายที่ผู้ขายจะใส่สินค้าต่างๆ ไว้ในกล่อง

โดยสินค้ามีทั้งแบบแบ่งเป็นหมวดหมู่และแบบคละสินค้า ผู้ซื้อไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้ว่าในกล่องมีอะไรบ้าง เพื่อให้ลูกค้าได้ลุ้นว่าสินค้าที่จะได้เป็นอะไร โดยที่ข้างในอาจจะมีสินค้าแบรนด์แนม สิ่งของที่มูลค่ามากกว่าหรืออาจจะน้อยกว่าที่จ่ายเงินซื้อไป

ซึ่ง www.ThaiSMEsCenter.com มั่นใจเหลือเกินว่าผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยที่สนใจในกลยุทธ์ “กล่องสุ่ม” และได้นำมาใช้เพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจของตัวเองด้วย

รู้จัก “กล่องสุ่ม” ให้มากขึ้น!

49

ภาพจาก www.freepik.com

“Mysterious Box” หรือ กล่องสุ่ม เป็นเทรนด์ที่คนไทยเริ่มรู้จักไม่นานนี้แต่ที่จริงต้นกำเนิดกล่องสุ่มมีมาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 แน่นอนว่าเทรนด์นี้เป็นการตลาดที่เริ่มในประเทศญี่ปุ่นที่มาของกล่องสุ่มใช้หลักการเดียวกับ ถุงโชคดี หรือ Lucky bag (ภาษาญี่ปุ่นใช้คำว่า ฟุกุบุคุโระ)

คือ สินค้าที่วางขายโดยการคละสินค้าไว้ในถุง และผู้ซื้อนั้นไม่รู้ว่าข้างในนั้นมีอะไรบ้าง ลักษณะก็คล้ายกับ “กาชาปอง” ที่เป็นของที่ซ่อนอยู่ในลูกบอลพลาสติก โดยโฆษณาขายกล่องสุ่ม เรามักจะเห็นสิ่งแรกที่ถูกพูดถึงคือเรื่องราคา ที่สื่อถึงความคุ้มค่ากับการลุ้น เช่น จ่ายเพียง 399 บาท สามารถลุ้นของที่มีมูลค่ามากกว่า 500 บาท เป็นต้น

สิ่งที่ผู้ขายควรให้ความสำคัญมากๆ คือเรื่องต้นทุนของสินค้าที่จะใส่เข้าไปในกล่องสุ่ม ว่ามีส่วนต่างของต้นทุนกับราคาอยู่ในระดับที่ยังได้กำไรตามเป้าหมาย แต่ก็ต้องไม่ลืมที่จะเลือกสินค้าที่มีดูคุ้มค่าเกินราคา เพื่อทำไม่ทำให้ลูกค้าที่กำลังตั้งตารอผิดหวังในเวลาเดียวกันด้วย

จิตวิทยาของ “กล่องสุ่ม” กระตุ้นให้คนอยากซื้อได้

48

ภาพจาก www.freepik.com

Harvard Business Review ได้กล่าวว่า ความตื่นตาตื่นใจหรือความเซอร์ไพรส์ คือเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงพลังโดย “การไม่รู้ และอยากรู้” คือแรงกระตุ้นที่มีประสิทธิภาพมาก จึงไม่แปลกว่าทำไมคนเราจึงชอบหมุนกาชาปอง ชอบเซอไพรส์วันเกิด และซื้อกล่องสุ่ม ที่ไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งของข้างใน

เสน่ห์ของกล่องสุ่ม คือ “ความไม่รู้” ว่าจะได้อะไรส่วนเสน่ห์ของความผิดหวังคือ “ความหวัง” ที่จะได้ลุ้นใหม่อีกครั้ง และได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการซึ่งการขายที่อาศัยเรื่องอารมณ์ความรู้สึกมาเกี่ยวข้องในลักษณะนี้กำลังกลับมาเป็นตัวช่วย “กระตุ้นยอดขาย” ของบรรดาแบรนด์ต่างๆ ได้อย่างดี โดยที่ผ่านมาเราเห็นหลายแบรนด์ออกมาทำกล่องสุ่มกันอย่างคึกคักทั้ง กล่องสุ่มเบเกอรี่ กล่องกล่องสุ่มอาหารทะเลสด อาหารแช่แข็ง กล่องสุ่มของมือสอง กล่องสุ่มของเล่นเด็ก กล่องสุ่มเครื่องสำอาง หรือแม้แต่กล่องสุ่มของแบรนด์เนม เป็นต้น

ข้อดีของธุรกิจที่ใช้ “กล่องสุ่ม” เพิ่มยอดขาย

47

ภาพจาก www.freepik.com

1. บริหารจัดการสินค้าในสต็อคให้หมุนเวียนได้มากขึ้น

ข้อดีในการจัดกล่องสุ่มสำหรับผู้ค้า คือลูกค้าจะไม่รู้ว่าตัวเองจะได้รับของอะไร รู้แค่ว่าของที่ได้มีมูลค่าเท่าไรบ้าง ดังนั้น ในด้านผู้ขายก็สามารถรวบรวมสินค้าใดก็ได้ที่มีอยู่ในสต็อก หมายความว่านี่คือโอกาสขายสินค้าที่ขายไม่ค่อยดี หรือเรียกว่าโอกาสของล้างสต็อกไปในตัวก็ว่าได้ แต่สิ่งที่ต้องระวังคือร้านค้าที่ขายของหลายอย่าง สิ่งที่ใส่ไป จะต้องไม่หลุดไปจากธีมสินค้าที่วางไว้ในเรื่องกล่องสุ่ม เพราะอาจทำให้ลูกค้ารู้สึกถูกยัดเยียดสินค้ามากเกินไป ไม่เป็นผลดีกับผู้ขาย

2. ผู้ประกอบการควบคุมต้นทุนได้ง่ายกว่าเดิม

การทำสินค้าแบบสุ่ม ผู้ขายเป็นผู้ควบคุมต้นทุนด้วยตัวเอง การจัดสินค้าแบบเฉลี่ยราคาสูงต่ำ ช่วยถัวต้นทุนสินค้าได้อัตโนมัติ และยิ่งขายกล่องสุ่มได้เยอะ ยิ่งทำให้มีโอกาสเพิ่มยอดขายในสินค้าหลากหลายประเภทมากขึ้นด้วย

46

ภาพจาก www.freepik.com

3. สร้างสีสันให้เกิดขึ้นกับธุรกิจ

อีกหนึ่งข้อดีของการจับสินค้าใส่กล่องสุ่มแทนการทำโปรโมชั่นอื่นๆ คือ นอกจากช่วยระบายสินค้าที่ขายไม่ดีได้แล้ว ยังสามารถใส่สินค้าใหม่ๆ ในกลุ่มเดียวกัน ให้กับลูกค้าที่ไม่เคยซื้อหรือใช้ให้ไปทดลองใช้แบบเนียนๆ และนั่นอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นลูกค้าประจำได้ และทำให้ลูกค้ารู้สึกมีสีสันสนุกไปกับธุรกิจของเราได้

4.ดึงดูดให้ลูกค้าอยาก “ซื้อ “มากขึ้น

การช้ากล่องสุ่มทำให้ลูกค้ารู้สึกถึง “ความคุ้มค่า”เพราะบางครั้ง การซื้อสินค้าทั้งหมด โดยไม่ซื้อผ่านโปรโมชันกล่องสุ่ม ก็อาจมีราคาสูงกว่า ยกตัวอย่างบางแบรนด์ขายกล่องสุ่มในราคา 10,000 บาท แต่มูลค่าสินค้าในกล่องประเมินแล้วไม่ต่ำกว่า 12,000 บาท ลูกค้าจะชอบเพราะรู้สึกคุ้มค่าและอยากกลับมาซื้อสินค้ากับเรามากขึ้น

45

ภาพจาก www.freepik.com

5.ดันธุรกิจให้คนรู้จักเร็วขึ้นในโซเชี่ยล

กล่องสุ่มถือเป็นการตลาดโซเชี่ยลอีกแขนงที่ได้ผลดีมากในการทำให้คนพูดถึงสินค้าเรามากขึ้น จะเรียกว่าเป็นกิจกรรมเพื่อโปรโมทผสมผสานกระตุ้นยอดขายในคราวเดียวกันก็ได้ แต่ก่อนที่เราจะทำกล่องสุ่มให้คนสนใจ เราก็ทำการตลาดให้คนรู้จักสินค้าเราเบื้องต้นก่อน เมื่อจัดกล่องสุ่มขึ้นมาจะเรียกลูกค้าได้มากขึ้น และยิ่งลูกค้าประทับใจมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งแชร์ออกไปทำให้เราประหยัดงบในการโฆษณาได้อีกด้วย

ตัวอย่าง “ธุรกิจ” ที่ใช้ “กล่องสุ่ม” เพิ่มยอดขาย

1.กล่องสุ่มสายสุขภาพ

44

ภาพจาก https://bit.ly/3ICnm9i

White Organic Market เป็นธุรกิจสายสุขภาพได้ทำกล่องสุ่มขายในชื่อ O Box มีอยู่ 4 แบบให้เลือกสุ่ม คือ กล่องสลัดออร์แกนิก, กล่องผักสวนครัวออร์แกนิก, กล่องผลไม้ออร์แกนิกและปลอดสาร, กล่องออร์แกนิครวมโดยแต่ละกล่องจะเป็นผักและผลไม้ตามฤดูกาล ขายในราคาเหมาๆ กล่องละ 500 บาท กินได้ทั้งสัปดาห์ โดยในกรุงเทพฯ คิดค่าส่งที่ 50 บาท ส่วนต่างจังหวัดเนื่องจากต้องใช้รถควบคุมอุณหภูมิจึงมีค่าส่งสูงขึ้นที่ 190 บาท

2.กล่องสุ่มอาหารทะเล

43

ภาพจาก https://bit.ly/31uKWo1

ยกตัวอย่างเจ้าของร้านทะเลมือถือ-ปลาทะเลออนไลน์ ที่ได้ทำกล่องสุ่มอาหารทะเลผ่านออนไลน์และเพียง 1 สัปดาห์ ทางร้านก็มียอดขายเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวโดยมีออร์เดอร์สูงสุดถึง 500 กล่องต่อวัน ทั้งในกรุงเทพฯ เเละต่างจังหวัด ปัจจุบันรายได้ต่อวันถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างมาก และมีผู้ประกอบร้านอาหารทะเลหลายแห่งที่เริ่มใช้กลยุทธ์นี้กันมากขึ้น

3.กล่องสุ่มสินค้าอุปโภค

42

ภาพจาก https://bit.ly/307KPOs

สินค้าในเครือ Lion ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคสารพัดแบรนด์ เช่น ผงซักฟอกเปา, ยาสีฟันซอลท์, น้ำยาล้างจานไลปอนเอฟ, สบู่ล้างมือคิเรอิคิเรอิ ฯลฯ มีการจัดกล่องสุ่ม 2 ราคาให้ซื้อเมื่อวันที่ 1-15 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา และจำกัดจำนวนแค่ 2,000 กล่องเท่านั้น โดยแบ่งเป็นกล่องราคา 399 บาท จะได้สินค้ามูลค่าไม่ต่ำกว่า 900 บาท และกล่องราคา 699 บาท ได้สินค้ามูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,600 บาท

4.กล่องสุ่มสินค้าอิเลคทรอนิคส์

41

ภาพจาก https://bit.ly/3EAV1Oq

ร้าน TG FONE จำหน่ายกล่องสุ่มหลายราคาตั้งแต่ 199-999 บาท แต่ของในกล่องจะไม่ได้มีเฉพาะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มีการผสมสินค้าจิปาถะอื่นๆ เข้ามาด้วย ยกตัวอย่างจากลูกค้าที่ซื้อกล่องสุ่ม 199 บาท อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้เป็นหูฟังกับสายรัดข้อมือวัดการเต้นของหัวใจ แต่ในกล่องยังมีถุงเท้า ถาดทำน้ำแข็ง ฯลฯ ติดมาด้วย หรือกล่องสุ่ม 999 บาท มีลูกค้าที่ได้ลำโพง โทรศัพท์มือถือแบบปุ่มกด และของจิปาถะเป็นช้อนส้อม สมุดจด รองเท้าแตะ ฯลฯ ในกล่องเดียว

5.กล่องสุ่มหมูกระทะ

40

ภาพจาก https://bit.ly/3oxYI1J

โดยเจ้าแรกที่ทำคือร้านหมูกระทะ พุงแหก เปิดตัวกับกล่องสุ่มราคา 299 บาท แต่ได้วัตถุดิบแบบอิ่มขนาด3-4 คน หรือร้านอลังการหมูกระทะที่ทำกล่องสุ่มออกมาให้ลุ้นเช่นกัน ราคาไม่ต่างกันคือ 299 บาท ในกล่องมีทั้งหมู กุ้ง ปูอัด ไส้กรอก ปลาหมึก ลูกชิ้นต่างๆ รวมถึงผักและน้ำจิ้ม ใครที่เป็นสายหมูกระทะรับรองว่าคุ้มค่ามาก

แต่ทั้งนี้จากกระแสกล่องสุ่มที่มาแรงเหลือเกินก็มีคำเตือนออกมาว่าอาจจะเข้าข่ายผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.การพนัน ซึ่งมีทั้งโทษจำคุกและปรับตามอัตรากฎหมายกำหนด รวมถึงผู้ที่ทำกล่องสุ่มควรให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพเพราะถ้า

สินค้าไม่เหมือนกับที่รีวิวหรือโฆษณา หรือได้สินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่าราคาที่จ่ายไปอาจเข้าข่ายเป็นการฉ้อโกงประชาชนตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค เนื่องจากมีการก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด ความคุ้มค่า การโฆษณา ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง และอาจเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ด้วย


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/3corFV2
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/32WvHVa , https://bit.ly/3xSPArt , https://bit.ly/3lQUAbB , https://bit.ly/3xN9xQC , https://bit.ly/31txoJ3 , https://bit.ly/3xOB8AQ , https://bit.ly/3Gb6cOk , https://bit.ly/3IiFB3J

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3DF9Jmi

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด