สัญญากู้ยืมเงินคืออะไร ต้องเช็กอะไรบ้างก่อนเซ็นต์สัญญา

การตัดสินใจกู้ยืมเงินเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะการอ่าน และทำความเข้าใจสัญญากู้ยืมเงินก่อนลงนาม เพราะสัญญาเป็นเอกสารทางกฎหมายที่กำหนดสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบของทั้งผู้กู้และผู้ให้กู้ ในบทความนี้ เราจะพาทุกคนไปทำความเข้าใจประเด็นสำคัญที่ต้องตรวจสอบก่อนเซ็นสัญญากู้ยืมเงินกัน ใครที่กำลังวางแผนจะกู้เงินห้ามพลาดบทความนี้เลย

สัญญากู้ยืมเงินคืออะไร

สัญญากู้ยืมเงินเป็นข้อตกลงทางกฎหมายระหว่างผู้กู้ และผู้ให้กู้ โดยผู้ให้กู้ตกลงโอนกรรมสิทธิ์ในเงินจำนวนหนึ่งให้แก่ผู้กู้ และผู้กู้มีหน้าที่ต้องชำระคืนตามเงื่อนไขที่ตกลงกันพร้อมดอกเบี้ย หากมีการกำหนดไว้ในสัญญา สัญญากู้ยืมเงินต้องทำตามแบบที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้มีผลบังคับใช้และคุ้มครองสิทธิของทั้งสองฝ่าย

รวม 5 จุดสำคัญที่ต้องเช็กให้ดีก่อนเซ็นสัญญากู้ยืมเงิน

สัญญากู้ยืมเงิน

ก่อนตัดสินใจลงนามในสัญญากู้ยืมเงิน มีประเด็นสำคัญที่ควรตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ดังนี้

1. เงื่อนไขการชำระเงิน ระยะเวลาในการผ่อนชำระ และสิทธิ์การชำระหนี้ก่อนกำหนด

เงื่อนไขการชำระเงินเป็นหัวใจสำคัญของสัญญา ต้องพิจารณาความเหมาะสมของค่างวดกับรายได้ โดยภาระหนี้ที่ต้องผ่อนชำระในแต่ละเดือนไม่ควรเกิน 30-40% ของรายได้ ระยะเวลาผ่อนชำระก็มีผลต่อภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย ยิ่งผ่อนนานยิ่งเสียดอกเบี้ยมาก แต่ค่างวดต่อเดือนจะน้อยลง

นอกจากนี้ ควรตรวจสอบสิทธิ์ในการชำระหนี้ก่อนกำหนด ว่ามีค่าธรรมเนียม หรือเงื่อนไขพิเศษหรือไม่ การชำระหนี้ก่อนกำหนดอาจช่วยประหยัดดอกเบี้ยได้มาก แต่บางสถาบันการเงินอาจมีค่าธรรมเนียมพิเศษ หรือข้อจำกัดในการชำระก่อนกำหนด

2. อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่เราต้องจ่าย

อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมเป็นต้นทุนทางการเงินที่สำคัญ ต้องตรวจสอบว่า อัตราดอกเบี้ยที่ระบุในสัญญาเป็นอัตราต่อปีเท่าไร และมีค่าธรรมเนียมแฝงอื่นๆ หรือไม่ เช่น ค่าธรรมเนียมการจัดการสินเชื่อ ค่าประกันชีวิต หรือค่าธรรมเนียมรายปี เพื่อคำนวณต้นทุนการกู้ยืมที่แท้จริง

3. การใช้หลักประกันและผู้ค้ำประกัน

กรณีที่ต้องใช้หลักประกัน หรือผู้ค้ำประกัน ควรทำความเข้าใจเงื่อนไขให้ชัดเจน ทั้งเรื่องมูลค่าหลักประกันที่ต้องใช้ เงื่อนไขการยึดหลักประกัน และขอบเขตความรับผิดชอบของผู้ค้ำประกัน เพราะหากผิดนัดชำระหนี้ อาจส่งผลกระทบต่อทั้งหลักประกันและผู้ค้ำประกันได้

4. บทลงโทษในกรณีที่เราผิดนัดชำระหนี้

สัญญามักระบุบทลงโทษกรณีผิดนัดชำระหนี้ไว้ชัดเจน ทั้งดอกเบี้ยผิดนัด ค่าปรับ และผลทางกฎหมาย โดยทั่วไปดอกเบี้ยผิดนัดจะไม่เกิน 3% ของอัตราดอกเบี้ยปกติ และอาจมีค่าธรรมเนียมการชำระล่าช้าเพิ่มเติม การเข้าใจบทลงโทษจะช่วยให้วางแผนการชำระหนี้ได้รอบคอบขึ้น

5. การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขสัญญาในอนาคต

ตรวจสอบเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงสัญญาในอนาคต โดยเฉพาะการปรับอัตราดอกเบี้ย หรือเงื่อนไขการผ่อนชำระ เพื่อเข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตนเองเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง และเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น

สรุปบทความ

การทำสัญญากู้ยืมเงินเป็นการผูกพันทางกฎหมายที่มีผลระยะยาว การตรวจสอบเงื่อนไขต่างๆ อย่างละเอียดก่อนลงนามจึงเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งเรื่องเงื่อนไขการชำระเงิน อัตราดอกเบี้ย หลักประกัน บทลงโทษ และการเปลี่ยนแปลงสัญญา เพื่อให้มั่นใจว่า เราเข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตนเองอย่างครบถ้วน และสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญาได้อย่างไม่มีปัญหา

กองบรรณาธิการเว็บไซต์

ยินดีสนับสนุน SMEs ไทยทุกแบรนด์ ที่ต้องการสร้างความเข้มแข็ง อยากเรียนรู้ พัฒนาธุรกิจ ส่งเสริมความเข้าใจในการตลาด มีความคิดสร้างสรรค์ แบ่งปันเพื่อสังคม ต่อยอดธุรกิจ ให้ประสบความสำเร็จในอนาคต