รวม 20 ผักสวนครัว ปลูกง่าย ปลูกไว ยาม stay home
“อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” คือสิ่งที่เราจำเป็นต้องทำในขณะนี้ แต่การที่ต้อง stay home กันนานๆ อาจทำให้เกิดความรู้สึกเหงา เบื่อหน่าย หรือบางคนอาจถึงขั้นเครียด ซึมเศร้า วิตกกังวล จากการต้องเก็บตัวอยู่บ้านทั้งวัน
ทางที่ดีคือ หากิจกรรมมาช่วยคลายเหงาและเพื่อเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ หนึ่งในกิจกรรมน่าสนใจที่ www.ThaiSMEsCenter.com สนับสนุนให้ทุกคนลองทำคือการ “ปลูกผักสวนครัว” เน้นชนิดที่ปลูกง่าย ปลูกไว ดูแลไม่ยาก
ข้อดีคือนอกจากเราจะได้ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ ผักสวนครัวเหล่านี้ยังมีสรรพคุณในการป้องกันและเพิ่มภูมิต้านทานให้เราได้เป็นอย่างดี และหากเราปลูกจนชำนาญไม่แน่ว่าจะกลายเป็นอีกอาชีพให้กับเราในอนาคต ลองมาดู 20 วิธีการปลูกผักสวนครัวง่ายๆที่เรานำมาฝากกันมีอะไรบ้าง
และสำหรับทุกท่านที่กำลังมองหาแฟรนไชส์เพื่อสร้างรายได้ สร้างอาชีพ สามารถเลือกดูรายละเอียดได้ตามเหมาะสมทาง www.ThaiFranchiseCenter.com หรือเลือกดูตามหมวดหมู่ได้ดังนี้เลย!!
- แฟรนไชส์อาหาร คลิก https://bit.ly/38mbBE7
- แฟรนไชส์เครื่องดื่มและไอศกรีม คลิก https://bit.ly/2JSEH4z
- แฟรนไชส์เบเกอรี่ คลิก https://bit.ly/3opxO9L
- แฟรนไชส์บริการ คลิก https://bit.ly/38iutDU
- แฟรนไชส์การศึกษา คลิก https://bit.ly/3hSpQDu
- แฟรนไชส์ความงาม คลิก https://bit.ly/3hR623u
- แฟรนไชส์ค้าปลีก คลิก https://bit.ly/3nqM6FQ
- แฟรนไชส์งานพิมพ์ คลิก https://bit.ly/35eMZLh
- แฟรนไชส์โอกาสทางธุรกิจ คลิก https://bit.ly/396MZhL
1.ใบกระเพราและโหระพา
ภาพจาก bit.ly/2VgzgPT
วิธีการปลูก
- โรยเมล็ดใส่กระถาง (เมล็ดสามารถสั่งซื้อได้ทั่วไป) ที่มีดินละเอียด
- รดน้ำตามทันที ต้นอ่อนจะงอกขึ้นมาภายใน 7-10 วัน
- วางต้นอ่อนไว้ในจุดที่โดนแสงแดดเต็มที่ รดน้ำตอนเข้าและตอนเย็น
- หลังจากต้นกระเพราหรือโหระพาสูงได้ประมาณ 4 นิ้วเริ่มให้เราเด็ดยอดได้ ซึ่งต้องหมั่นเด็ดยอดเพื่อให้แตกยอดใหม่เรื่อยๆ
2.ต้นอ่อนทานตะวัน
ภาพจาก bit.ly/2KaZOLW
วิธีการปลูก
- สั่งซื้อเมล็ดอ่อนทานตะวัน (สั่งซื้อออนไลน์ได้) เมื่อได้เมล็ดอ่อนมาแช่น้ำทิ้งไว้ 8 ชั่วโมง
- ครบ 8 ชั่วโมงนำเมล็ดขึ้นจากน้ำทิ้งไว้อีก 24 ชั่วโมง
- หาตะกร้านำใบไม้แห้งหรือกาบมะพร้าวสับมารองไว้ที่ก้นตะกร้า
- ผสมดินและปุ๋ยเทลงในตะกร้า นำเมล็ดทานตะวันโรยให้ทั่วถาด โรยดินกลบไว้บางๆ ฉีดน้ำให้ทัทว
- ควรปิดหน้าดินด้วยวัสดุทึบแสง รดน้ำตอนเช้าและตอนเย็น (ตอนรดน้ำให้เปิดวัสดุที่ปิดหน้าดินขึ้น)
- เมื่อต้นอ่อนทานตะวันเริ่มสูงหมั่นเก็บเปลือกที่เกาะอยู่ตามใบออก และปล่อยให้โตตามปกติโดยไม่ต้องปิดหน้าดิน
- ต้นอ่อนทานตะวันที่เก็บเกี่ยวแล้วจะไม่สามารถงอกใหม่ได้อีกแต่สามารถนำไปเป็นส่วนผสมดินสำหรับการปลูกครั้งใหม่ได้
3.ผักสลัด
ภาพจาก bit.ly/3bsmfbe
วิธีการปลูก
- เลือกซื้อเมล็ดพันธุ์ผักสลัดที่เราต้องการ
- ใส่ดินลงในกระถางหรือถาดหลุม รดน้ำให้ชุ่ม วางเมล็ดลงไปที่หลุมประมาณ 3-4 เมล็ด/หลุม
- รอเวลาประมาณ 5-7 วันให้มาคัดต้นอ่อนที่สมบูรณ์เอาไว้ เหลือเพียง 1 ต้น/หลุมหรือกระถาง
- กดดินให้แน่นเพื่อเป็นการตั้งต้นให้กับต้นอ่อน
- รดน้ำในตอนเช้าและตอนเย็น วางไว้ในที่โดนแสงแดดเต็มที่ แต่ถ้าแดดแรงมากอาจหาแสลมมาช่วยพรางแสงได้
- สามารถใส่ปุ๋ยได้เมื่อต้นอายุครบ 2 สัปดาห์และสามารถใส่ปุ๋ยเพิ่มการเจริญเติบโตได้เมื่อครบ 3 สัปดาห์
- สามารถเก็บเกี่ยวได้หลังครบ 45-50 วัน
4.ถั่วงอก
ภาพจาก bit.ly/3co0w4l
วิธีการปลูก
- นำถั่วเขียวมาแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน
- เตรียมภาชนะสำหรับปลูก เช่นจานหรือกะละมัง ใส่กระดาษหรือทิชชู่เปียกน้ำลงไป
- ใส่เมล็ถั่วเขียวที่แช่น้ำทิ้งไว้เรียบร้อย เกลี่ยให้แบน ใส่กระดาษทิชชู่เปียกน้ำปิดไว้ รดน้ำอีกครั้ง
- สามารถทำซ้ำแบบนี้กันได้ 3 ชั้น โดยใช้ผ้าชุบน้ำวางทับชั้นบนสุดเอาไว้ปิดด้วยวัสดุทึบแสง และใส่ไว้ในถุงดำ 2 ชั้นมัดให้แน่น
- วางไว้ในที่ร่มอย่าให้โดนแสงแดด เปิดผ้าชุบน้ำและรดน้ำวันละครั้ง
- เมื่อครบ 3 วัน คว่ำภาชนะที่ปลูก แล้วค่อยๆ แกะเอาถั่วงอกออกมาจากกระดาษทิชชู่
- นำไปล้างน้ำให้สะอาดสามารถเอามาปรุงอาหารทานได้
5.ต้นหอม
ภาพจาก bit.ly/2RGYCUv
วิธีการปลูก
- เตรียมดินด้วยการพรวนดินให้ร่วน ทุบเปลือกถั่วลิสงให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ
- นำเปลือกถั่วลิสงผสมกับดิน แล้วตักดินใส่กระถางโดยไม่ต้องกดดินให้แน่น
- ใช้มีดตัดต้นหอมเหนือราก 1.5-2 นิ้ว แล้วปักชำลงดิน โดยเว้นระยะห่างแต่ละต้น 2 นิ้วพร้อมกับรดน้ำพอให้ชุ่ม
- ถ้าปลูกด้วยเมล็ดให้โรยเมล็ดลงหน้าดินได้เลย ประมาณ 4-5 เมล็ดต่อกระถางก็พอ เพื่อป้องกันไม่ให้ต้นและรากของต้นหอมติดกันเกินไปเมื่อโตขึ้น
- รดน้ำเช้าเย็นตามปกติแต่พอมีใบสีเขียวให้ลดจำนวนลงเหลือวันละ 1 ครั้ง
- ต้นหอมที่ปลูกด้วยเมล็ดระยะเวลาการเก็บเกี่ยวจะอยู่ที่ 45 วัน ส่วนต้นหอมที่ปลูกโดยใช้รากจะสามารถเก็บกินได้เมื่อมีอายุ 30-32 วัน ถ้าไม่สะดวกนับวันก็ให้สังเกตจากความสูงของต้น ถ้าต้นหอมยาวเกือบถึงฟุตก็สามารถตัดใบกินได้
6.ผักบุ้ง
ภาพจาก bit.ly/2Vd6srf
วิธีการปลูก
- นำเมล็ดผักบุ้งแช่น้ำไว้ 1 คืน จากนั้นก็ห่อด้วยผ้าต่ออีก 2 คืน ให้ผ้าชื้นตลอดเวลาเพื่อเป็นการเร่งให้งอกเร็วขึ้น
- จากนั้นรากขาวๆ ของผักบุ้งก็จะงอกออกมา
- เมล็ดผักบุ้งงอกรากแล้วก็นำลงไปปลูกในดินหลุมละเมล็ด โดยเอานิ้วกดลงไปในดินที่เตรียมไว้
- ปิดปากหลุมแล้วรดน้ำ ถ้ามีฟางก็ให้นำฟางมามาคลุมหน้าดินสักหน่อย กันหน้าดินแห้ง
- จากนั้นต้นผักบุ้งก็จะงอกออกมารอเวลาให้โตก็รอตัดมารับประทานได้เลย
- วิธีตัดผักบุ้งจีน ให้ตัดเหลือตาติดที่ใบประมาณ 2 ตาจากพื้นดิน ผักบุ้งจะแตกกิ่งใหม่มาให้เราเก็บกินอีก 2-3 ครั้ง ให้ตัดแบบนี้ทุกครั้ง
7.พริก
ภาพจาก bit.ly/2RKeTZb
วิธีการปลูก
- เตรียมเมล็ดพริกให้พร้อมก่อนลงปลูกโดยนำพริกพันธุ์ที่จะปลูกไปแช่ในน้ำอุ่นไว้ประมาณ 1 วันและนำออกมาผึ่งแดดอีกครึ่งวัน ก่อนแกะเมล็ดพริกออกมาปลูก
- เพาะต้นกล้าพริกก่อนปลูกจริงโดยผสมดินร่วนปนทรายเข้ากับปุ๋ยหมักสูตรโพเทสเซียมสูงกว่าไนโตรเจนลงในกระถางเพาะต้นกล้าพริก ขุดหลุมดินในกระถางให้ลึกประมาณ ½ นิ้ว แล้วหย่อนเมล็ดพริกที่เตรียมไว้ลงในหลุมประมาณ 3-4 เมล็ด กลบดิน รดน้ำให้ชุ่มทุกวัน พร้อมกับสังเกตว่าดินระบายน้ำได้ดีหรือไม่ และที่สำคัญต้องวางกระถางเพาะไว้ในที่ที่มีแดดส่องถึง
- ย้ายต้นกล้าลงกระถางใหญ่เมื่อต้นกล้าเริ่มงอกสูง 6 นิ้วขึ้นไปและออกใบให้เห็น ให้ถอนต้นกล้าที่อ่อนแอทิ้งไปให้เหลือไว้เฉพาะต้นกล้าที่แข็งแรงเพียง 1 ต้น หลังจากนั้นก็ทำการย้ายต้นกล้าพริกไปปลูกในกระถางใหญ่ที่มีดินร่วนปนทรายผสมปุ๋ยหมัก เช่นเดียวกับขั้นตอนเพาะต้นกล้าพริก
- วางกระถางพริกในทำเลที่เหมาะสมเพราะพริกเป็นพืชที่ชอบแสงแดด ฉะนั้นควรวางกระถางปลูกต้นพริกในที่ที่มีแดดส่องถึง รดน้ำให้ชุ่มแต่อย่าแฉะทุกวันเช้า-เย็น และเมื่อพริกเริ่มติดดอกและออกผลแข็งแรงแล้ว ให้เปลี่ยนไปรดน้ำแบบวันเว้นวัน
- การเก็บเกี่ยวเม็ดพริกก็ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ที่นำมาปลูก แต่สำหรับพริกขี้หนูจะออกดอกและให้ผลประมาณเดือนที่ 2-3 ของการปลูก
8.ผักชี
ภาพจาก bit.ly/3eq9BvD
วิธีปลูกผักชีในกระถาง
- เตรียมดินสำหรับปลูก ด้วยการตากดินสัก 1 สัปดาห์ แล้วพรวนดินให้แตกเป็นก้อนเล็ก ผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยสดคลุกเคล้าเข้าไป
- บดเมล็ดพันธุ์ผักชีที่ซื้อมาให้แตกออกเป็น 2 ซีก แล้วนำเมล็ดไปแช่น้ำประมาณ 2-3 ชั่วโมง
- นำเมล็ดพันธุ์ผักชีที่แช่น้ำแล้วไปผึ่งลม ผสมกับทรายหรือขี้เถ้าเล็กน้อย
- เมื่อเห็นเมล็ดเริ่มงอก ให้นำไปใส่กระถางปลูกที่เตรียมดินเอาไว้แล้ว จากนั้นคลุมด้วยฟางข้าวหรือหญ้าแห้ง แล้วรดน้ำให้ชุ่ม
- รอเก็บเกี่ยวมารับประทานในอีก 30-45 วัน โดยเวลาถอนให้รดน้ำจนดินชุ่มก่อน และควรถอนทั้งราก
9.ผักกวางตุ้ง
ภาพจาก bit.ly/3co1D41
วิธีการปลูก
- เตรียมถาดพลาสติกสำหรับเพาะกล้า หลังจากนั้นนำดินพร้อมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ในอัตรา 2 : 1 ใส่ดินผสมดังกล่าวในถาดที่เตรียมไว้
- หาเศษไม้เล็กๆ กดลงไปในดิน โดยความลึกประมาณ 0.5 ซม.
- นำเมล็ดหยอดลงในหลุม โดยหลุมละ 1-2 เมล็ด แล้วนำดินไปกลบพร้อมรดน้ำให้เรียบร้อย
- เมื่อเข้าสู่วันที่ 7-10 ผักกาดเขียวกวางตุ้งเริ่มมีการเจริญเติบโต ควรรดน้ำวันละ 1-2 ครั้ง ทั้งเช้าและเย็น
- พอเข้าสู่วันที่ 20-25 สามารถย้ายกล้าลงปลูกในกระถางได้
- เก็บผลผลิตได้เมื่อเข้าสู่วันที่ 40-45
10.กะหล่ำปลี
ภาพจาก bit.ly/3acYxhT
วิธีการปลูก
- เริ่มจากการเตรียมดินโดยนำดินไปตากแดดก่อนประมาณสัก 5-7 วัน หลังจากนั้นเมื่อได้ดินที่เตรียมไว้แล้ว นำไปผสมกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
- ขุดหลุมเพื่อเตรียมการปลูก แล้วนำเมล็ดที่เราเตรียมไว้ใส่ลงไป
- พอเข้าช่วง 4-6 สัปดาห์ เมื่อต้นกะหล่ำปลีที่เราปลูกไว้เริ่มเป็นต้นกล้า นำต้นกะหล่ำปลีนั้นย้ายลงในกระถาง
- หลังจากนั้นรอเวลาในการเก็บต้นกะหล่ำปลี (สายพันธุ์เบา 50-60 วัน แต่หากเป็นสายพันธุ์หนัก 90-120 วัน)
- รดน้ำวันละ 1-2 ครั้ง อย่างสม่ำเสมอ แต่ต้องระมัดระวังอย่าให้ดินชื้นจนเกินไป เพราะอาจจะเป็นทำให้รากเน่าได้
- หมั่นใส่ปุ่ยให้ต้นกะหล่ำปลีเป็นระยะๆ นอกจากนี้ควรดูแล หมั่นพรวนดินและกำจัดพวกวัชพืชเพื่อการเจริญเติบโตที่ดีของต้นกะหล่ำปลี
11.ตำลึง
ภาพจาก bit.ly/3bjN81k
วิธีการปลูก
- สามารถปลูกโดยการเพาะเมล็ดหรือปักชำเถาแก่ในถุงก่อน แล้วจึงย้ายลงดินที่เตรียมไว้
- ตำลึงชอบดินร่วนที่ระบายน้ำได้ดี ได้แก่ใช้ส่วนผสมของดินและทราย 1 : 1 หรือ 2 : 1 และคลุกดินด้วยปุ๋ยอินทรีย์
- ควรปลูกบริเวณรั้วหรือทำร้านให้เกาะเลื้อย หลังจากเริ่มเห็นการเจริญเติบโตทางลำต้นแล้ว ควรให้ปุ๋ยอินทรีย์สม่ำเสมอเดือนละ 1-2 ครั้ง จะได้ยอดที่สมบูรณ์
- ต้นตำลึงมีการผลิตยอดใหม่ได้ดีในฤดูฝน และหากได้รับแสงแดดเต็มที่จะยิ่งเจริญเติบโตได้ดียิ่งขึ้น
- การรดน้ำปกติวันละ 2 ครั้ง ไม่ทำให้ต้นตำลึงแตกยอดใหม่ แต่ถ้าพ่นละอองน้ำในอากาศในช่วงบ่าย จะช่วยลดความร้อนและเพิ่มความชื้นในอากาศจะช่วยให้มีการแตกยอดได้
12.คะน้า
ภาพจาก bit.ly/3chLe1c
วิธีการปลูก
- เตรียมถาดพลาสติกสำหรับการเพาะปลูกคะน้า หลังจากนั้นนำดินพร้อมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 2:1 ใส่ลงในถาด
- หาเศษไม้เล็กๆ แล้วนำมากดลงไปในดิน ในถาดที่เราเตรียมจะเพาะ โดยความลึก 0.5 ซม.
- นำเมล็ดของผักคะน้าที่เราเตรียมไว้ ใส่ในหลุมที่เพาะ หลุมละ 1-2 เมล็ดแล้วรดน้ำ
- ประมาณ7-10 วันหลังจากที่เราเริ่มเพาะปลูกคะน้า ผักจะค่อยๆ เริ่มเจริญเติบโต
- พอเข้าวันที่ 20-25 ของการเพาะปลูก นำต้นคะน้ามาลงปลูกในกระถาง และพอวันที่ 45 สามารถเก็บผักคะน้าได้
- คะน้าต้องการน้ำจึงควรหมั่นดูแลรดน้ำทุกวัน วันละ 1-2 ครั้ง ในช่วงเช้าและช่วงเย็น อย่างสม่ำเสมอ
13.บวบเหลี่ยม
ภาพจาก bit.ly/2z9qdYj
วิธีการปลูก
- การปลูกในกระถางเริ่มจากเอาดินถุงที่ซื้อมา ผสมกับใบไม้แห้งและปุ๋ย เคล้าให้เข้ากัน
- แหวกดินให้เป็นหลุมเอาเมล็ดบวบหยอดลงไปสัก 3-4 เมล็ด แล้วกลบดิน
- คลุมด้วยฟางหรือหญ้า รดน้ำให้ชุ่ม ตั้งไว้ในที่ที่โดนแดดตอนเช้า ไม่นานต้นกล้าบวบก็จะงอกขึ้นมา
- พอมีใบจริงสัก 2 ใบ ก็ถอนต้นที่ไม่แข็งแรงออกไป และรดน้ำไปเรื่อยๆ
- พอต้นเริ่มทอดยอดจะเลื้อย ก็เอาไม้ไผ่มาปักคร่อมเป็นสามเส้าทำเป็นค้างให้บวบเลื้อยพันได้
- การปลูกบวบต้องหมั่นรดน้ำให้สม่ำเสมอ เพราะบวบเป็นพืชที่ชอบน้ำ ไม่นานก็จะมีลูกบวบที่ออกลูกห้อยระย้านำไปทำอาหารทานได้
14.แตงกวา
ภาพจาก bit.ly/2RHywB6
วิธีการปลูก
- นำเมล็ดแตงกวาแช่ในน้ำอุ่นอุณหภูมิ 50 องศา
- นำเมล็ดแตงกวาที่จมน้ำมาวางลงบนกล่องพลาสติก โดยนำทิชชู่ชุบน้ำมารองก้นกลางพลาสติกก่อน
- ปิดฝากล่องให้แน่น
- ตากแดด 2 ชั่วโมง ในช่วงเช้า
- เมื่อครบ 2 ชั่วโมง นำเมล็ดไปเพาะในภาชนะที่เราต้องการปลูกได้เลย โดยแตงกวานั้นจะใช้เวลางอกอยู่ที่ประมาณ 7 วัน
- เราสามารถขึ้นไม้ไผ่นั่งร้านได้ ทำเป็นสามเหลี่ยม เพื่อให้ไม้เลื้อยขึ้นไปแล้วก็ห้อยผลแตงกวาลงมา
15.คื่นช่าย
ภาพจาก bit.ly/2VBJI3i
วิธีการปลูก
- นำเมล็ดคื่นช่ายแช่น้ำจนจมน้ำ
- นำเมล็ดมาห่อด้วยทิชชู่และใส่ ใ น กล่องพลาสติก
- ปิดฝาแล้วแช่ตู้เย็นประมาณ 1 วันจึงจะสามารถนำมาเพาะในกระถางได้
- คื่นช่ายนั้นจะใช้เวลางอกอยู่ที่ประมาณ 7 วันและใช้ระยะเวลาในการปลูกอยู่ที่ประมาณ 80 วันถึงจะเก็บเกี่ยวได้
- คื่นช่ายสามารถปลูกได้ทั้งแบบลงดินและไร้ดิน การปลูกแบบไร้ดินจะใช้ะบบน้ำไหลเวียนให้ปุ๋ยอินทรีย์ สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ใช้เวลาปลูกประมาณ 50 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ ข้อดีคือระยะเวลาการปลูกแบบไร้ดินจะสั้นกว่าการปลูกแบบลงดินถึงเท่าตัว ทั้งยังไม่มีปัญหาเรื่องหน้าฝนหรือน้ำค้าง เก็บเกี่ยวง่ายกว่า
16.ตะไคร้
ภาพจาก bit.ly/3eDlU7U
วิธีการปลูก
- ตะไคร้ที่จะนำมาปลูกจะต้องเป็นต้นตะไคร้ที่มีรากติด แต่ถ้าแยกกอออกมาจากต้นที่สมบูรณ์ ให้แยกหนึ่งออกมาแค่ 3 ต้นเท่านั้น แต่หากตะไคร้ที่ซื้อมาไม่มีราก ต้องตัดโคนต้นให้เหลือความยาวสัก 1½ นิ้ว แล้วนำไปแช่น้ำทิ้งไว้ไม่เกิน 2 สัปดาห์ เพื่อรอให้รากงอกแล้วค่อยนำไปปลูก
- รองก้นกระถางด้วยวัสดุรองก้นกระถางอย่าง แกลบ หิน หรือใบไม้แห้งไว้ก่อน จากนั้นเทดินลงไปกะระยะให้ได้ครึ่งกระถาง แล้วนำปุ๋ยคอกมาผสมดินให้ทั่ว สุดท้ายเทดินลงไปให้เกือบเต็มกระถาง
- ใช้พลั่วเขี่ยดินตรงกลางให้เป็นหลุม แล้วนำต้นตะไคร้ที่แยกกอหรือต้นที่แช่น้ำเอาไว้มาปลูก กลบดินให้มิดชิด แต่ไม่ต้องแน่นมาก และรดน้ำให้ชุ่ม
- ถ้าต้องการปลูกตะไคร้ขายและอยากได้ลำต้นอวบใหญ่ ต้องดูแลระยะห่างและระบบน้ำให้ดี ๆ เนื่องจากตะไคร้เป็นพืชที่ต้องการน้ำมากจึงจะส่งผลให้ลำต้นมีขนาดใหญ่
17.มะเขือเทศ
ภาพจาก bit.ly/2wKTW90
วิธีการปลูก (จากผลสด)
- เลือกมะเขือเทศที่ผลมีลักษณะสวยงาม ผลมีสีแดงแก่จัดซึ่งพร้อมที่จะโตเป็นต้นอ่อน และนำมาบีบเลือกเอาเฉพาะเมล็ด
- นำเมล็ดวางลงบนดิน โดยให้กระจายตัวออกห่างกันเล็กน้อย กลบด้วยดินบางๆอีกชั้นหนึ่ง รดน้ำให้ชุ่มและต่อเนื่องทุกวันอย่าให้ขาดน้ำ
- ประมาณ 30 วันจะมีต้นกล้าออกมา โดยสังเกตให้มีใบแท้ออกมาประมาณ 3-4 ใบ ให้ย้ายออกจากกระถางเล็กไปในกระถางที่ใหญ่ขึ้น โดยขุดให้มีก้อนดินติดรากไปด้วย
- ให้มะเขือเทศที่มาปลูกในกระถางใหม่เริ่มตั้งตัวได้ ช่วงนี้รดน้ำเบาๆ ให้รากลงดินและคุ้นเคยกับกระถางใหม่ จากนั้นรอเก็บเกี่ยวผลผลิตจากต้นมะเขือเทศที่เราปลูกไว้
- มะเขือเทศเป็นพืชที่ชอบน้ำมากหากขาดน้ำจะทำให้หยุดการเติบโตหรือไม่ออกผลทันที
18.สะระแหน่
ภาพจาก bit.ly/3ahXv46
วิธีการปลูก
- เตรียมดินสำหรับการเพาะ โดยนำดินร่วน 2 ส่วน ทราย 1 ส่วน ปุ๋ยหมัก 1 ส่วน และปูนขาวเล็กน้อย มาคลุกให้เข้ากัน
- เลือกกิ่งสะระแหน่ที่มีสภาพสมบูรณ์ไม่อ่อนหรือแก่จนเกินไป จากนั้นนำไปปักลงในภาชนะที่เราเตรียมเพาะ
- ปักกิ่งสะระแหน่ให้เอนทาบกับดิน แล้วรดน้ำให้ชุ่ม แต่ระมัดระวังอย่าให้แฉะจนเกินไป
- นำแกลบมาโรยกลบดิน เพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้กับหน้าดิน
- เมื่อการเพาะปลูกเข้าสู่วันที่ 4-5 ก็จะเริ่มแตกยอดเลื้อยคลุมดิน
- การพรวนดินโคนต้นสะระแหน่ควรระมัดระวังและทำอย่างเบามือ เนื่องจากต้นสะระแหน่เป็นพืชที่มีรากไม่ลึก
- เมื่อต้นที่เพาะเติบโตจนสามารถเก็บได้แล้ว ควรหมั่นใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักให้กับต้นสะระแหน่
19.มะกรูด
ภาพจาก bit.ly/3bsowTO
วิธีการปลูก
- นำผลมะกรูดแก่จัดหรือที่ร่วงหล่นและอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มาฝานออกให้เนื้อในแยกออกจากกัน โดยที่ต้องระวังไม่ให้เมล็ดมะกรูดเสียหาย ใช้ช้อนคว้านเมล็ดและคัดเลือกเมล็ดที่สมบูรณ์ที่สุดเก็บไว้
- ล้างเม็ดมะกรูดที่เตรียมไว้ด้วยน้ำสะอาด เพื่อชำระล้างผิวเคลือบลื่นให้หลุดออก
- วางเมล็ดมะกรูดที่เราล้างสะอาดแล้วลงบนถาด เกลี่ยทั่วอย่าให้ทับกัน แล้วนำไปผึ่งแดดให้แห้งประมาณ 2-4 วัน
- เตรียมดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดีมาผสมกับมูลสัตว์หรือปุ๋ยคอก เพื่อเทลงในหลุมเพาะกล้าหรือแก้วพลาสติกที่เตรียมไว้
- นำเมล็ดมะกรูดตากแห้งมาเพาะลงในดิน รดน้ำให้ชุ่มแต่อย่าแฉะจนเกินไป
- ตั้งหลุมเพาะหรือแก้วเพาะไว้ในที่ที่มีแสงแดดส่องถึง อากาศถ่ายเทได้สะดวก
- เมื่อต้นกล้าเริ่มงอกขึ้นและออกใบประมาณ 3-4 ใบ ย้ายลงมาปลูกในถุงดำสำหรับเพาะต้นกล้าให้แข็งแรงและสูงประมาณ 30 เซนติเมตร
- หลังจากที่ได้ต้นกล้าที่แข็งแรงสมบูรณ์แล้ว ให้ย้ายมาปลูกลงในกระถางด้วยดินร่วนปนทรายผสมปุ๋ยคอกในอัตราส่วนเท่า ๆ กัน คลุมหน้าดินด้วยกาบมะพร้าวสับเพื่อป้องกันความชื้นระเหย
- มะกรูดจะออกผลให้เก็บภายใน 1-2 ปี ส่วนต้นมะกรูดที่สูงตั้งแต่ 6 นิ้วขึ้นไป สามารถนำไปประกอบอาหารได้เลย
- หากกิ่งมะกรูดงอกยาวเกินขนาดกระถาง แนะนำขดกิ่งยาว ๆ นั้นให้เป็นวงกลมในแนวนอนและทาบลงไปบนดิน เพื่อควบคุมขนาดต้นให้เหมาะสม กิ่งที่วางทาบลงไปนั้นจะงอกกิ่งกระโดงขึ้นมาใหม่ ออกใบ ออกผลให้เก็บเกี่ยวตลอดทั้งปี
20.มะนาว
ภาพจาก bit.ly/3afgpJ7
วิธีการปลูก
- จัดเรียงอิฐวางในที่ตั้งกระถาง โดยให้มีช่องว่างตรงกลางบริเวณรูกระถาง แล้วนำกระถางเปล่าตั้ง การเลือกสถานที่ตั้งนั้น สำคัญต้องให้มีแดดส่องถึง
- นำดินที่ผสมวัสดุปลูกอื่นๆแล้วเข้าใส่ในกระถาง โดยให้ระดับดินอยู่ต่ำจากปากกระถางประมาณ 1 ใน 3
- ใช้มีดปลายแหลมกรีดถุงมะนาว และดึงถุงพลาสติกออก แล้วนำลงปลูก โดยให้ดินกลบเหนือส่วนลำต้นประมาณ 5 เซนติเมตร และให้ดินต่ำกว่างระดับขอบกระถางประมาณ 1 นิ้ว
- รดน้ำให้ชุ่ม และนำฟางข้าว แกลบหรือเศษใบไม้มากลบบริเวณโคนต้น และปากกระถาง
- การให้น้ำ รดน้ำหรือให้น้ำผ่านอุปกรณ์การให้น้ำ เช่น อุปกรณ์ให้น้ำหยด โดยให้วันละครั้งในระยะแรก และเมื่อมะนาวตั้งต้นได้อาจให้น้ำแบบวันเว้นวัน
- การใส่ปุ๋ย ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ประมาณครึ่งกำมือ 2 เดือน/ครั้ง หรืออาจผสมกับน้ำรดบริเวณโคนต้นก็ได้
- การตัดแต่งกิ่ง ให้ตัดแต่งกิ่งที่ยาวหรือสูงเกินไป หากมีทรงพุ่มขนาดใหญ่ให้ใช้ไม้ไผ่สอบที่ประถางในทั้ง 4 มุม และใช้เชือกหรือตีกรอบด้วยไม้ไผ่ขึงรอบบริเวณทรงพุ่ม เพื่อไม่ให้ทรงพุ่มแพร่กว้าง
ทั้งนี้ยังมีการปลูกมะนาวที่ง่ายสำหรับคนมีพื้นที่น้อยหรืออาศัยในคอนโดมีเนียมโดยให้นำเมล็ดมะนาวมาล้าง ตากให้แห้ง และแช่ในน้ำเย็นอีก 1 คืน จากนั้นห่อเมล็ดด้วยกระดาษทิชชู นำไปใส่กล่องที่มีฝาปิด คอยพรมน้ำให้ชุ่มอยู่เสมอ รอให้รากงอกภายใน 2-3 วัน แล้วค่อยย้ายเมล็ดมาปลูกในกระถางที่มีดินร่วนผสมปุ๋ยคอก รดน้ำให้ชุ่มแต่อย่าแฉะ และตั้งกระถางให้โดนแดดรำไร
ข้อดีของการปลูกผักสวนครัวทานเองนอกจากให้เราสามารถใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ได้เป็นอย่างดี ผักสวนครัวเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นพืชอายุสั้น คนที่อยู่คอนโดเองก็สามารถปลูกได้โดยนำไปปลูกในกระถางเล็กๆ ริมระเบียงหรือริมรั้วได้ ไม่ต้องดูแลมากนัก ซึ่งผักสวนครัวเหล่านี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารให้เราได้ในระดับหนึ่งหรือถ้าเรามีพื้นที่มีความสามารถมากพออาจจะมองเป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ในอนาคตก็ได้
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/3corFV2
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
ขอบคุณข้อมูล
https://bit.ly/34LzIIP , https://bit.ly/3bgCRTA , https://bit.ly/3b8CZEt , https://bit.ly/3ceyA30 , https://bit.ly/2Vd3vXV , https://bit.ly/2XFHfHy , https://bit.ly/2yejQ5r , https://bit.ly/2VdhTzc , https://bit.ly/3epvlHH , https://bit.ly/2xxQFKF , https://bit.ly/3bf97X9 , https://bit.ly/3et1Cxw , https://bit.ly/3acP4Hl
อ้างอิงจาก https://bit.ly/2QOplhp