รวม 15 ซูชิแฟรนไชส์ น่าลงทุน!
ปี 2564 เชื่อว่าหลายคนอยากเปิดร้านค้าร้านอาหารเป็นของตัวเอง และร้าน “ซูชิ” น่าจะเป็นตัวเลือกน่าสนใจข้อมูลจากองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น
เปิดเผยถึงผลสำรวจร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยปี 63 มีร้านอาหารที่มีเมนูอาหารญี่ปุ่นจำนวน 4,094 ร้าน ส่วนใหญ่เป็นร้านของคนไทย มีทั้งที่เป็นร้านแบบสาขาเดียว และแบบสาขา
ซึ่งเพิ่มขึ้น 1,183 ร้าน หรือ 12.6% จากปี 62 ที่มี 3,637 ร้าน โดยประเภทร้านอาหารที่เพิ่มขึ้นมากที่สุด ได้แก่ ร้านอาหารประเภทซูชิ โดยเฉพาะร้านซูชิแฟรนไชส์ มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากที่สุด
และเพื่อให้คนสนใจต้องการลงทุนในแฟรนไชส์ซูชิได้มีทางเลือกมากขึ้น www.ThaiSMEsCenter.com จึงได้รวบรวมแฟรนไชสซูชิน่าสนใจมาให้ลองเลือกกันดูว่าอยากลงทุนกับแบรนด์ไหน
1. ดร.ซูชิ
ภาพจาก bit.ly/3hS7m4K
เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงมานานสำหรับ Dr.Sushi มี่มีรูปแบบการขายซูชิที่ไม่เหมือนใคร ด้วยรถคีออสสามล้อเคลื่อนที่ พร้อมป้ายทะเบียน และสามารถขายซูชิได้ทุกที่ที่ต้องการ Dr.Sushi ยังได้รับรางวัลซูชิ 5 ดาว จากซามูไรชวนชิม และการีนตีการคืนทุนภายใน 3 เดือน งบในการลงทุน 200,000 บาท สิ่งที่ได้รับ รถคีออส อุปกรณ์ทำซูชิ วัตถุดิบทำซูชิ พร้อมอบรมการบริหาร การตลาด และสอนทำซูชิ, ช่วยดูทำเล และทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย
2. Mr.Sushi
ภาพจาก bit.ly/3hh36No
จุดเริ่มต้นของ Mr.Sushi มาจากร้านซูชิคำละ 10 บาท ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เริ่มมีการตั้งคีออสของ Mr.Sushi ตามอาคารสำนักงาน และเปิดสาขาในรูปแบบเคาน์เตอร์ตามห้างสรรพสินค้า แม้จะเป็นซูชิราคาไม่แพง แต่เน้นวัตถุดิบของแท้ เมื่อธุรกิจเติบโตมากขึ้นจึงได้ตั้งบริษัท มิสเตอร์ซูชิ จำกัด โดยมีสโลแกนว่า “มิสเตอร์ซูชิ มอบสิ่งดี แด่…ทุกคน” โดยคนที่สนใจลงทุนสามารถสอบถามข้อมูลแพคเกจลงทุน รายละเอียดในการลงทุนต่าง ๆ กับทางเจ้าของแบรนด์ได้โดยตรง
3. ซูชิมั้ย
ภาพจาก facebook.com/sushimaiphetkasem
เมนูน่าสนใจของแฟรนไชส์ซูชิมั้ย เช่น ข้าวหน้าปลาดิบรวม ข้าวหน้าปลาไหลญี่ปุ่น เกี๊ยวซ่าทอด ฯลฯ เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่คนรักซูชิรู้จักเป็นอย่างดี ซึ่งมีรูปแบบการขยายธุรกิจในแบบแฟรนไชส์ โดยเน้นที่รูปแบบของการเปิดร้านให้สามารถนั่งรับประทานได้ พร้อมบรรยากาศในการรับประทานที่ช่วยทำให้ซูชิอร่อยมากขึ้น ผู้สนใจต้องการลงทุนสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดโดยตรงกับเจ้าของแบรนด์ได้
4. ซูชิคำโตโต ตลาดพลู
ภาพจาก facebook.com/sushikamtoto2
ร้านอาหารประเภท ซูชิ ขายเป็นคำ เริ่มต้นที่คำละ 10 บาท เปิด ดำเนินกิจการ ตั้งแต่ 2561 มีบริการทั้งแบบบุฟเฟ่ต์และอาลาคาท เมนูซูชิบุฟเฟ่ต์ราคา 289 บาท (รวมซาชิมิ) และอาลาคาทราคาเริ่มต้นที่ 10 บาท เมนูน่าทาน เช่น ซุชิเบคอน หมึกหิมะ ไข่หวานห่อปูอัด มากิแซลมอน และแซลมอนโรลเบิร์น เป็นต้น ใครที่สนใจลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดข้อมูลลงทุนได้จากเจ้าของแฟรนไชส์โดยตรง
5. Mato Sushi
ภาพจาก bit.ly/3hgLbGw
แฟรนไชส์ Mato Sushi ชุดเริ่มต้นธุรกิจ ราคาพิเศษ 4,990 บาท สิ่งที่จะได้รับ เช่น วัตถุดิบการทำซูชิเบื้องต้น (ข้าว , สาหร่ายห่อข้าว , น้ำผสมข้าวซูชิ , บล็อกปั้นข้าวซูชิ , เสื่อไม้ไผ่ม้วน , วาซาบิ , มายองเนส เป็นต้น) , คู่มือการทำซูชิ , ป้ายหน้าร้าน พร้อมการอบรมเทคนิคการทำซูชิ และสอนเปิดร้านอย่างมืออาชีพ
6. Mokunsushi
ภาพจาก facebook.com/MokunSushii
เป็นแฟรนไชส์ที่พร้อมสอนการทำซูชิ และมีการจำหน่ายวัตถุดิบสำหรับทำซูชิ รวมถึงมีอุปกรณ์สำหรับการเปิดร้านให้อย่างครบวงจรเรียกว่าเป็นแบรนด์แฟรนไชส์เพื่อคนอยากมีร้านซูชิให้เริ่มต้นได้ง่ายขึ้น รูปแบบการลงทุนมี 2 แบบคือ ชุดรวยเร็ว ค่าอบรม 2,000 บาท ค่าแฟรนไชส์ 1,500 บาท และชุดรวยเร็ว 2 ค่าอบรม 2,000 บาทค่าแฟรนไชส์ 9,000 บาท หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับเจ้าของแบรนด์ได้โดยตรง
7. Sushi Bear Fire หมีพ่นไฟ
ภาพจาก bit.ly/35VBcTk
ชานมไข่มุกยังมีหมีพ่นไฟ เสือพ่นไฟ และอะไรต่อมิอะไรที่พ่นไฟได้อีกเพียบ ซูชิก็ไม่น้อยกับแบรนด์ Sushi Bear Fire หมีพ่นไฟที่โดดเด่นด้วยเมนู ซูชิคำโตย่างไฟ ผสานรสชาติความเป็นไทยและญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว ราคาขายเริ่มต้นที่ 10 บาท โดยทางแบรนด์จะมีการทำการตลาดให้ มีการอบรมและคู่มือสอนทำซูชิสูตรเฉพาะ แฟรนไชส์ซูชิหมีหมีพ่นไฟ จะรวมค่าใช้จ่ายในการลงทุนเคาเตอร์ซูชิ ป้ายร้าน เมนู และโคมไฟ ใช้งบในการลงทุน 39,900-139,900 บาท
8. ซูชิไข่หวาน บ้านซูชิ
ภาพจาก facebook.com/KaiwanBansushi
น่าจะเป็นอีกหนึ่งแฟรนไชส์ซูชิที่คนไทยรู้จักเป็นอย่างดี จุดเริ่มต้นของแบรนด์นี้มาจากการตั้งร้านในศูนย์อาหารของเมืองทองธานีก่อนที่จะได้รับความนิยมและพัฒนามาสู่การทำธุรกิจขายในระบบแฟรนไชส์ จุดเด่นคือเมนูหลากหลาย ซูชิชิ้นใหญ่เต็มคำ เปิดรับผู้สนใจลงทุนในแบบแฟรนไชส์โดยสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับทางเจ้าของแบรนด์ได้โดยตรง
9. Shinkanzen Sushi
ภาพจาก facebook.com/shinkanzensushi
จุดเริ่มต้นจากนักศึกษาปี 3 จากธรรมศาสตร์ที่ต้องการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง และมีความชอบในอาหารญี่ปุ่น เปิดสาขาแรกของ Shinkanzen Sushi อยู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เป็นร้านขนาดเล็กมีที่นั่งเพียง 7-8 โต๊ะเท่านั้น แต่กลับได้รับการตอบรับจากลูกค้าดีเกินคาด จนต้องขยายสาขาเพิ่มมากขึ้น เน้นสาขาใกล้ๆ มหาวิทยาลัยและบริษัท และห้างสรรพสินค้า จุดเด่นของ Shinkanzen Sushi นอกจากราคาไม่แพงยังมีเมนูให้เลือกกว่า 40 รายการใครสนใจอยากลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากแฟรนไชส์ได้
10. Nigiwai Sushi
ภาพจาก bit.ly/3hWzvHI
อีกหนึ่งธุรกิจซูชิในรูปแบบร้านน่ารักๆ ที่จัดสรรบรรยากาศชวนให้น่ารับประทาน มีการคัดสรรวัตถุดิบในการทำเมนูเป็นอย่างดีและมีระบบการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ พร้อมสนับสนุนผู้ลงทุนให้สามารถเปิดร้านได้ทันที โดยงบประมาณในการลงทุนขึ้นอยู่กับขนาดร้านและการตกแต่งผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดในการลงทุนเพิ่มเติมกับทางเจ้าของ
แบรนด์ได้โดยตรง
11. Kane Sushi
ภาพจาก facebook.com/kanesushibangsaen
อีกหนึ่งแบรนด์แฟรนไชส์ซูชิที่ใช้งบลงทุนเบาๆ แต่สามารถสร้างธุรกิจที่ดีได้ตามต้องการกับ Kane Sushi ที่มี 2 แพคเกจลงทุน ได้แก่ ชุดรวยเร็ว ราคา 3,999 บาท และชุดรวยครบชุด 9,999 บาท โดยจะได้รับอุปกรณ์และวัตถุดิบตามแพคเกจที่เลือกโดยอุปกรณ์ที่ได้รับ เช่น ป้ายคาเนะ , กล่องพลาสติก , กล่องใส่ที่คีบ , ซูชิพร้อมขาย 200 ชิ้น เป็นต้น
12. Sushi Mega
ภาพจาก facebook.com/SushiMegaThailand
ธุรกิจที่เริ่มก่อตั้งในปี 2000 ด้วยรูปแบบคีออส ในห้างสรรพสินค้า และเป็นเจ้าแรกในเมืองไทยที่นำซูชิออกมาตีตลาดนอกภัตตาคาร โดย Sushi Mega อยู่ในเครือเดียวกับ Mr.Sushi แต่ร้าน Sushi Mega เน้นเอกลักษณ์ที่ใกล้เคียงกัน แต่ให้บริการจัดการง่ายกว่า เหมาะแก่การขยายสาขา เปิดตัว Sushi Mega สาขาแรกที่จังหวัดนครสวรรค์ และมีคนให้ความสนใจมาร่วมลงทุนเพิ่มมากขึ้น ถือเป็นอีกหนึ่งแฟรนไชส์ซูชิที่ใครสนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับทางเจ้าของแบรนด์ได้
13. ซูชิล้นปาก
ภาพจาก bit.ly/300RTJn
แฟรนไชส์ซูชิล้นปาก ที่จุดเด่นก็ตามชื่อ เน้นคุ้มค่าในราคาไม่แพง เริ่มต้นชิ้นละ 5 บาทอร่อยเต็มคำ มีสูตรซูชิมากมายหลายหน้า โดยทางแบรนด์ก็มีการขายวัตถุดิบซูชิ มีคอร์สสอนทำซูชิแบบตัวต่อตัว และบริการสอนผ่านระบบออนไลน์เพื่อความสะดวกของแฟรนไชส์ซูชิด้วย มีการโปรโมทร้านให้ในสื่อต่าง ๆ และบริการหลังการขาย ใช้งบในการลงทุน 5,500-9,990 บาท
14. Samurai salmon
ภาพจาก bit.ly/33PKuh5
แฟรนไชส์ซูชิที่โดดเด่นด้วยการใช้วัตถุดิบชั้นยอดอย่างเนื้อปลาแซลม่อน โดยมีเมนูแนะนำเช่นเนื้อปลาแซลมอนดิบถาดใหญ่ เป็นต้นและยังมีเมนูอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกจำนวนมากเป็นทางเลือกในการลงทุนสำหรับคนที่สนใจ โดยการลงทุนมี 2 รูปแบบคือ แบบ Original ค่าแฟรนไชส์ 15,000 บาท และแบบ VIP ค่าแฟรนไชส์ 35,000 บาท หรือหากสนใจสามารถสอบถามรายละเอียดโดยตรงกับทางเจ้าของแบรนด์ได้
15. N’น้ำชา
ภาพจาก bit.ly/3mF3Az3
แฟรนไชส์ซูชิ ที่นอกจากขายแฟรนไชส์ทั่วไปยังรับสอนทำซูชิ ซูชิถาด เป็นคีออสรถเข็นพร้อมอุปกรณ์ขาย ราคาแฟรนไชส์ 18,000 บาท อุปกรณ์เบื้องต้น เช่น โคมไฟ , หญ้าเทียม , ป้ายวงกลม , ถาด , บล็อกปั้นข้าว , เสื่อม้วนข้าว , ป้ายโฆษณา , กล่องใส่ของสด เป็นต้น ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากทางเจ้าของแบรนด์ได้
แม้ว่าร้าน “ซูชิ” จะมีแนวโน้มที่ดี มีการตอบรับจากลูกค้าที่สดใส แต่อย่าลืมว่าสิ่งสำคัญคือ “คุณภาพ” อย่าคิดว่าจะขายราคาถูกเพื่อดึงดูดลูกค้า หากเป็นของถูกแต่ไม่มีคุณภาพแทนที่จะสร้างรายได้อาจกลายเป็นขาดทุน ดังนั้นกลยุทธ์การตลาดและวิธีบริหารจัดการเป็นสิ่งสำคัญ ขอแนะนำว่าให้เริ่มจากร้านเดียวหรือร้านขนาดเล็กแล้วค่อยๆ ขยายให้เพิ่มขึ้นมากขึ้นเพื่อดูความต้องการของลูกค้าจะได้ปรับทิศทางการขายให้ถูกใจลูกค้าได้มากขึ้นด้วย
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/3corFV2
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
ขอบคุณข้อมูล
https://bit.ly/2K5GS4V , https://bit.ly/2EhzSie , https://bit.ly/3cj3RmM , https://bit.ly/32LLFyI , https://bit.ly/3cjvHip , https://bit.ly/3mCD3T2 , https://bit.ly/2ZX5tgK , https://bit.ly/35SLl3e , https://bit.ly/3oZccRB , https://bit.ly/3h5fZdh , https://bit.ly/387IxyA , https://bit.ly/2KFWdJq
อ้างอิงจาก https://bit.ly/38AaXSb