“ผักกาดดอง ตรานกพิราบ” จากผักดองในไห สู่ธุรกิจรายได้กว่า 1,000 ล้านบาท

เราเคยคิดกันไหมว่า “ ผักกาดดอง ” จะเป็นสินค้าขายดีขนาดที่พัฒนากลายเป็นแบรนด์ระดับประเทศที่มีทั้งขายในประเทศและส่งออกต่างประเทศได้ด้วย www.ThaiSMEsCenter.com เชื่อว่าแบรนด์ดังอย่าง “ผักกาดดอง ตรานกพิราบ” จะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนได้กล้าคิด กล้าฝัน

แม้สินค้าที่ทำอาจดูไม่เด่น ไม่น่าสนใจ แต่ถ้าตั้งใจทำจริง ก็มีโอกาสพลิกเกมสร้างธุรกิจที่ยอดขายถล่มทลายได้เช่นกัน จากวันนั้นถึงวันนี้ ผักกาดดองตรานกพิราบ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการทำธุรกิจอาจไม่ใช่สินค้าแต่เป็นวิสัยทัศน์ การบริหารจัดการ รวมถึงกลยุทธ์ด้านการตลาดที่ต้องนำมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ

จากเด็กรับจ้างส่งไหผักดอง! สู่เจ้าของธุรกิจ “ผักกาดดอง ตรานกพิราบ”

ผักกาดดอง

ภาพจาก https://bit.ly/3RHLGKy

ย้อนกลับไปกว่า 70 ปีก่อนคุณแก้ว รัชตสวรรค์ เป็นเพียงคนจีนที่อาศัยย่านเยาวราช โดยมีพี่สาวเปิดร้านขายของชำ โดยหนึ่งในสินค้าแบบบ้านๆ ก็คือผักกาดดองบรรจุไห ที่คุณแก้วทำหน้าที่ส่งไหผักดองให้กับลูกค้าที่อยู่ใกล้ๆ แต่จุดเปลี่ยนอยู่ตรงที่มีผักกาดกระป๋องจากฮ่องกงส่งมาขายในร้านอยู่บ่อยๆ ซึ่งต้องยอมรับว่าในสมัยก่อนอาหารบรรจุกระป๋องคือเรื่องที่ทันสมัยและทำให้คุณแก้ว สนใจเรื่องนี้มาก

และด้วยหัวคิดที่ต้องการสร้างธุรกิจเมื่อมีไอเดียดีๆ ก็ไม่รอช้า เร่งศึกษาหาข้อมูลความรู้ จนในที่สุดตัดสินใจชวนเพื่อนลงทำธุรกิจ “ผักกาดดอง” เริ่มต้นจากการสร้างโรงงาน เป็นห้องแถวเล็กๆ ตั้งอยู่ย่านวรจักร ที่ใช้เครื่องจักรควบคุมด้วยมือ บรรจุใส่กระป๋องด้วยเครื่องจักรมือสองราคาถูกที่ไปซื้อต่อมาจากคนอื่น เสร็จแล้วนำไปต้มฆ่าเชื้อในหม้อน้ำร้อนใบใหญ่ แล้วใส่ในลังซ้อนท้ายรถจักรยานเพื่อไปส่งให้ยี่ปั๊ว

จนกระทั่งมีออร์เดอร์เพิ่มขึ้นทุกวัน โรงงานตึกแถวจึงมีพื้นที่ไม่เพียงพอต่อคำสั่งซื้อที่มีเข้ามามาก สุดท้ายก็ได้ขยายสู่โรงงานแห่งที่ 2 ย่านสุขสวัสดิ์ พระประแดง สมุทรปราการ และได้ขยายสู่โรงงานที่ 3 ที่ตั้งอยู่ในเชียงใหม่ ที่สามารถทำ Contract Farming กับเกษตรกรได้ ซึ่งหมายถึงการสามารถเข้าไปพัฒนา อบรม และควบคุมวิธีการปลูกผักกาดเขียวปลี ตั้งแต่การเพาะต้นกล้า ลดการใช้ปุ๋ยเคมี ทำให้ได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพมากขึ้น

ทำไมต้องใช้ชื่อว่า “นกพิราบ”

ผักกาดดอง

ภาพจาก https://bit.ly/3RHLGKy

การตั้งชื่อแบรนด์และใช้โลโก้เป็นรูปนกพิราบ พ้องกับชื่อบริษัทว่าฮั่วเพ้ง ซึ่งแปลว่าสันติภาพ และนกพิราบก็เป็นตัวแทนของสันติภาพที่คุณแก้วไม่อยากให้ธุรกิจมีการแตกแยก และอาหารกระป๋องสมัยก่อนนิยมใช้รูปสัตว์เป็นตราสินค้า นับจากนั้นเป็นต้นมาตรานกพิราบก็เป็นอะไรที่ติดปากของผู้คนอย่างมาก

ต่อมาเศรษฐกิจไทยมีการเติบโตอย่างมาก ผักกาดดอง ตรานกพิราบจึงได้แตกไลน์สู่ผลิตภัณฑ์กระป๋องอื่นๆโดยโลโก้ถูกปรับให้มีความประณีตและทันสมัยมากขึ้น มีการแตกไลน์ ขยาย Sub-brand สู่ “นกพิราบคู่” ดึงกลยุทธ์การแข่งขันด้านราคามาใช้ร่วมด้วย

ธุรกิจผักกาดกระป๋อง! รายได้รวมมากกว่า 1,000 ล้านบาท

ผักกาดดอง

ภาพจาก facebook.com/Nokpirabbrand

นอกจากผักกาดกระป๋องตรานกพิราบ สินค้าของบริษัท สันติภาพ ฮั่วเพ้ง 1958 จำกัด ยังแตกไลน์อีกหลายอย่างเช่น

  • นกพิราบคู่ ที่มีรูปนก แบรนด์นี้จะผลิตสินค้า 3 กลุ่ม คือ ผักกาดดอง ผักและผลไม้ดอง
  • นกพิราบคู่ ที่มีแต่ตัวอักษร แบรนด์นี้ผลิตประเภทปลากระป๋อง
  • ตราพีเจี้ยน (Pigeon) แบรนด์นี้มุ่งเน้นการผลิตผลไม้กระป๋องอย่างเดียว เช่น ลิ้นจี่ ลำไย เงาะ ส้มโอ มะม่วง ขนุน แห้ว และลูกตาล
  • เจฟู้ดส์ (J-Food) เน้นการผลิตสินค้าพร้อมทาน เช่น เห็ดสี่สหายปรุงรส หน่อไม้จีนทรงเครื่อง กะหล่ำปลีผสมเห็ดหอม แกงจืดมะระใส่ผักกาดดองเจ เป็นต้น

และถ้ามองตัวเลขรายได้ในปี 2562 มีรายได้รวมกว่า 1,307 ล้านบาท โดยตลาดส่วนใหญ่ยังอยู่ภายในประเทศ 70% และส่งออกราว 30% รวมถึงการพัฒนาระบบการบริหารให้มีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น ดึงผู้เชี่ยวชาญมาช่วยประเมินและวิเคราะห์ธุรกิจ เพื่อจะปิดจุดอ่อน เติมเต็มจุดแข็ง ให้เกิดความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง

5 กลยุทธ์สู่ความสำเร็จของ ผักกาดดอง “ตรานกพิราบ”

คีเวิร์ดสำคัญที่ให้สินค้าที่หลายคนมองว่าเป็นแค่ “ผักกาดดอง” ครองใจลูกค้าทั่วประเทศมายาวนานกว่า 70 ปี มีกลยุทธ์ที่น่าสนใจได้แก่

ผักกาดดอง

ภาพจาก facebook.com/Nokpirabbrand

1.คิดแล้วทำทันที

ผักกาดดองตรานกพิราบจะไม่เกิดได้เลยถ้า 70 ปีก่อนไม่มีการตัดสินใจที่เด็ดขาด เมื่อมองเห็นโอกาสและช่องทางก็ลงมือทำทันที กลายเป็นสินค้าที่แปลกใหม่ในยุคนั้นและพัฒนาต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน

2.การควบคุมคุณภาพอย่างมืออาชีพ

สินค้าจะครองใจลูกค้าไม่ได้เลยหากไม่มีคำว่าคุณภาพ ซึ่งการ ตั้งโรงงานที่เชียงใหม่ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่ ทำให้ทางบริษัทสามารถเข้าไปพัฒนา และควบคุมวิธีการปลูกผักกาดเขียวปลี ตั้งแต่การเพาะต้นกล้า ลดการใช้ปุ๋ยเคมี เพิ่มการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ กับทางเกษตรกรได้โดยตรง สิ่งเหล่านี้นอกจากจะส่งผลดีต่อสุขภาพของผู้บริโภคแล้ว เกษตรกรเองก็ยังได้ลดค่าใช้จ่ายอีกด้วย

ผักกาดดอง

ภาพจาก facebook.com/Nokpirabbrand

3.การพัฒนาสินค้าอยู่เสมอ

เพราะยุคสมัยมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วธุรกิจจึงต้องทำสินค้าให้ตอบโจทย์คนแต่ละยุคสมัย เช่น กลุ่มคนรุ่นใหม่ กลุ่มผู้สูงวัย บริษัทจึงปรับปรุงผลิตภัณฑ์ ที่ใส่ใจเรื่องของสุขภาพมากขึ้น เช่น การลดความเค็มลง หรือ การออกสินค้าแบบพร้อมทาน เช่น ผัดไข่ ยำกุ้งแห้ง เป็นต้น

4.การมองหาตลาดใหม่ ๆ ในต่างประเทศ

ซึ่งทางบริษัท ก็พยายามรุกตลาดนอกประเทศมากขึ้น ทั้งขายในแบรนด์ตัวเองและรับจ้างผลิต (OEM) โดยตลาดหลักมีทั้งในยุโรป อเมริกา จีน เกาหลี และอาเซียน

ผักกาดดอง

ภาพจาก facebook.com/Nokpirabbrand

5.ใช้วิสัยทัศน์ในการทำการตลาด

ผักกาดดองนกพิราบเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 1951 ในช่วงแรกอาจไม่เน้นการโฆษณา แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปบริษัทจึงเน้นการตลาดจริงจังมากขึ้นในช่วงหลัง จึงกลายมาเป็นจุดเริ่มต้น การทำแคมเปญครั้งแรกของ ตรานกพิราบคือการใช้สโลแกนว่า “กรอบ อร่อย ทุกคำ” ที่สื่อถึงตัวสินค้าได้อย่างชัดเจนและทำให้คนจดจำแบรนด์ได้มากขึ้นด้วย

ทั้งนี้ ผักกาดดอง “ตรานกพิราบ” คือตัวอย่างความสำเร็จของธุรกิจที่บุกเบิกตลาดตั้งแต่ความต้องการสินค้าเท่ากับศูนย์ มาสู่การเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารกระป๋อง โดยเฉพาะ “ผักกาดดอง” เบอร์ต้นๆ ของเมืองไทยและขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศ คนที่คิดอยากมีธุรกิจควรศึกษาความสำเร็จนี้ไว้เป็นแบบอย่าง มุ่งมั่น ตั้งใจทำจริง ไม่ว่าจะเริ่มต้นจากธุรกิจที่เล็กขนาดไหน ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จได้

 

ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/3QUOG6m , https://bit.ly/3ppY6L5

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3rJw2ni

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด