ปลุกใจพ่อค้าออนไลน์ ! 7 บทเรียนความสำเร็จจาก Bizchair.com
“ผู้ที่มองเห็นโอกาสก่อนย่อมได้เปรียบกว่าเสมอ” น่าจะเป็นประโยคคลาสสิคสำหรับ การเริ่มต้นธุรกิจ ของคนยุคใหม่ แต่หลายจะค้านขึ้นมาทันทีว่าโอกาสนั้นบางครั้งก็ต้องมาพร้อมโชคช่วยหรือต้องมีต้นทุนชีวิตที่ดีถึงจะประสบความสำเร็จได้
ซึ่งคำพูดนี้ก็ถูกเช่นกันแต่ไม่ใช่ทั้งหมด บางครั้งโอกาสทางธุรกิจอาจเป็นเพียงช่องเล็กน้อยแต่ถ้าเรามองเห็นได้และลงมือทำโอกาสสำเร็จก็เป็นไปได้เช่นกัน
www.ThaiSMEsCenter.com มีเรื่องราวน่าสนใจของ Sean Belnick จากเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย เด็กหนุ่มที่มีความตั้งใจในการทำธุรกิจของตัวเองที่สำคัญเขาทำได้และกลายเป็นเด็กอายุน้อยที่สร้างรายได้มหาศาลด้วยการขายเก้าอี้ออนไลน์ในชื่อของ Bizchair.com
ความสำเร็จของ Bizchair.com
ภาพจาก goo.gl/9gMxVd
Bizchair.com เป็นธุรกิจออนไลน์ที่รับส่งสินค้าเฉพาะเก้าอี้เท่านั้นแต่ไม่น่าเชื่อว่านี่คือธุรกิจที่สร้างรายได้กว่า 42 ล้านเหรียญสหรัฐและติดอันดับ 37 ของ 100 บริษัทขายปลีกแห่งปี โดยนิตยสาร Inc 3ปี
หลังดำเนินธุรกิจ Bizchair.com เติบโตแบบก้าวกระโดด ทำยอดขายเก้าอี้กว่า 40,000 ตัวและมีลูกค้าเกินกว่า 500,000 ราย จากที่ทำงานกัน 3 คน คือตัวฌอน แม่ของเขา และพ่อเลี้ยง บริษัทต้องจ้างพนักงาน 165 คน
และสร้างโกดังเก็บสินค้าพื้นที่ 40,000 ตารางเมตร รายได้บริษัทในช่วงแรกอยู่ที่ 10 กว่าล้านดอลลาร์ฯ ก่อนเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักทุกปี พร้อมกับพื้นที่โกดังเก็บสินค้าก็ถูกขยายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ภาพจาก goo.gl/RvRZFu
ปัจจุบัน สำนักงานใหญ่ Bizchair.com ตั้งอยู่ที่เมืองแคนตัน รัฐจอร์เจีย พร้อมโกดังพื้นที่เกือบ 1 ล้านตารางฟุต ยังไม่นับรวมโกดังอีกแห่งในเมืองรีโน รัฐเนวาดา จากเงินลงทุนเพียง 500 ดอลลาร์ฯ ของเด็กอายุ 14 ปี ณ
ขณะนี้มูลค่าบริษัทเพิ่มมาอยู่ที่ 72 ล้านดอลลาร์ฯ Bizchair.com ยังได้รับการจัดอันดับมากมาย เช่น 1 ใน 500 บริษัทที่เติบโตเร็วสุด ผู้ค้าปลีกทางออนไลน์ที่โตเร็วสุด และท็อป 100 บริษัทค้าปลีกด้วย
7 บทเรียนความสำเร็จถอดรหัสจาก Sean Belnick
ภาพจาก goo.gl/MgbO9x
1.ต้องกระตือรือร้นและชื่นชอบการหารายได้พิเศษ
น่าจะเป็นเรื่องของความนึกคิดที่เรียกว่าเป็นสารตั้งต้นของความสำเร็จ ไม่ว่าจะเริ่มธุรกิจใดก็ตามหากปราศจากข้อนี้ความหวังที่มีน้อยนิดเหลือเกิน อย่าง Sean Belnick ผู้ริ่เริ่มการทำธุรกิจออนไลน์ Bizchair.com
ย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปีก่อนในขณะที่ยังเรียนแค่เกรด 9 (ม.3) เขากลับชอบหารายได้ให้ตัวเองมากกว่าการเที่ยวเล่นปกติ Belnick ทั้งรับจ้างตัดหญ้า แจกโบรชัวร์ รวมถึงฝึกในสิ่งที่เขาอยากทำนั้นคือการลองโพสต์ขายของบนอีเบย์ด้วย
2.เมื่อเห็นช่องทางต้องเดินหน้าเต็มที่
จุดเริ่มต้นของ Bizchair.com มาจากช่วงปิดเรียนภาคฤดูร้อน Belnick ได้ติดตามพ่อคือแกรี่ เกลเซอร์ซึ่งเป็นเซลล์ให้กับโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์หลายแห่ง
เมื่อเขาเห็นขั้นตอนการทำงาน การซื้อขายสินค้า เขาก็มีความคิดว่าสิ่งเหล่านี้สามารถลัดขั้นตอนให้ดีกว่าเดิมได้ไม่จำเป็นต้องมาผ่านพ่อค้าคนกลางและยังเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าได้สินค้าในราคาที่ถูกลงด้วย
ภาพจาก goo.gl/pStVi9
3.อย่ากลัวกับสิ่งที่จะทำ
แม้ว่าในตอนนั้นธุรกิจดอทคอมยังเป็นช่วงฟักตัว การซื้อขายออนไลน์ยังเป็นสิ่งที่ใหม่ แต่ Belnick ก็ตัดสินใจที่จะทำเขาใช้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 1 ตัว ศึกษาเรื่องการสร้างเว็บไซต์
และเริ่มลงทุนในการทำธุรกิจด้วยเงินเพียง 500 ดอลลาร์ในวัย 14 ปีและใช้ห้องนอนเป็นห้องทำงาน เรียนรู้สะสมประสบการณ์สร้าง Bizchair.com ให้แข็งแกร่งที่สุด
4.เลือกโฟกัสธุรกิจที่ชัดเจนในตัวเองที่สุด
หลายคนเข้าใจการค้าออนไลน์ว่าคือการจับสินค้าใดก็ได้มาขาย แต่สิ่งที่ Belnick ตั้งใจคือปณิธานที่จะขายเฉพาะเก้าอี้เท่านั้นทำให้เขากลายเป็นกูรูในเรื่องนี้ คำกล่าวที่ว่าหากตั้งใจทำสิ่งใดให้เลือกทำสิ่งนั้นให้เก่งไปเลย แล้วจะกลายเป็นธุรกิจได้ยังคงใช้ได้ผลเสมอ
รูปแบบการทำธุรกิจของ Belnick คือไม่มีการสต๊อกสินค้า ไม่ต้องดีลกับลูกค้าแบบตัวต่อตัว แค่เอาแค็ตตาล็อกจากโรงงานมาโพสต์ลงเว็บไซต์ เมื่อรับออร์เดอร์จากลูกค้า ก็มีหน้าที่ส่งต่อออร์เดอร์นั้นให้โรงงาน ทางโรงงานจะจัดส่งสินค้าถึงลูกค้าเอง เป็นการทำธุรกิจที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำมาก
ภาพจาก goo.gl/r1c09Z
5.ทำงานคือทำงานเรียนคือเรียนต้องแบ่งเวลาให้ได้
วัยรุ่นไทยหลายคนมองข้ามเรื่องการเรียนยิ่งธุรกิจสำเร็จเท่าไหร่ก็มองว่าการเรียนนั้นไม่สำคัญแต่ Belnick ไม่เป็นแบบนั้นขาเป็นคนประเภทกระหายความรู้ตลอดเวลา มองว่าความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ไม่ได้จบลงแค่นั้น แต่เป็นอะไรที่เพิ่งเริ่มต้นต่างหาก ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เขายังไม่รู้ เช่น การทำบัญชี การอ่านงบดุลบัญชี ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้ Belnick จึงเว้นจากธุรกิจเพื่อศึกษาต่อในคณะบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยอีมอรีย์ หลังจบการศึกษาในปี พ.ศ.2552 ฌอนกลับมานั่งเก้าอี้ CEO บริหาร Bizchair.com อย่างเต็มกำลัง และสามารถดันยอดขายเพิ่มขึ้นอีก 30 เปอร์เซ็นต์มาอยู่ที่ 58 ล้านดอลลาร์ฯ โดยใช้กลยุทธ์ขยายไลน์สินค้าจากเก้าอี้สำนักงานทุกแบบ ไปยังโต๊ะทำงาน โต๊ะประชุม เฟอร์นิเจอร์สำหรับร้านอาหาร โรงเรียน และโบสถ์ รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์
6.หากลยุทธ์ที่แตกต่างจากคู่แข่งให้ได้
BizChair ให้ความสะดวกสบายกับลูกค้าด้วยการแค่คลิกชมคาตาล็อกผ่านหน้าเว็บจากที่บ้าน เจอแบบที่ถูกใจ คลิกสั่งซื้อ จ่ายผ่านบัตรเครดิต แล้วรอรับสินค้าถึงในบ้านด้วยราคาค่าส่งฟรี แต่สินค้าประเภทนี้จำเป็นต้องได้สัมผัส
ได้ทดลองก่อน Belnick แก้ปัญหาตรงนี้ด้วยการรับประกันคืนเงินใน 60 วันหากลูกค้าไม่ประทับใจในตัวสินค้า และจุดแข็งของ BizChair อีกข้อหนึ่งคือ ราคาถูกกว่าตามร้านทั่วไป แถมลด 30-40% หากสั่งซื้อจำนวนมาก
ภาพจาก bizchair.com
7.เมื่อธุรกิจเริ่มโตต้องมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
เมื่อธุรกิจ Bizchair.com เติบโตก็ต้องมีการปรับตัวให้สอดคล้องกับลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นด้วยโดย Bizchair.com ถือเป็นรายแรกๆ ที่บุกเบิกตลาดเฟอร์นิเจอร์ออนไลน์สหรัฐฯ และกลายเป็นหนึ่งในผู้นำที่มีส่วนแบ่งชิ้นใหญ่ในตลาดแห่งนี้ ลูกค้าของ Bizchair.com มีตั้งแต่ผู้ประกอบการรายย่อยไปจนถึงองค์กรใหญ่ เช่น กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ บริษัทไมโครซอฟท์ บริษัทกูเกิล เป็นต้น
ในการทำธุรกิจ อาจมีบ้างที่โชคเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ นั่นหมายถึงการต้องทำงานหนัก “โชคมีส่วนนิดหน่อย แต่โดยรวมแล้ว ความสำเร็จเกิดจากหลายปัจจัยรวมถึงการมีสัญชาตญาณในการเป็นผู้นำ การดำเนินกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ สินค้า และบริการต้องเป็นที่พึงใจลูกค้า
สำหรับคนที่เริ่มทำธุรกิจ อย่ากลัวเรื่องความเสี่ยง มันเป็นธุรกิจของเราและเราก็มีเวลาทั้งชีวิตที่จะทำให้สำเร็จ ขอเพียงวางแผนให้ดีและอย่าเสี่ยงแบบประมาท ที่สำคัญควรมีแผนสำรองไว้เสมอในกรณีที่เกิดความผิดพลาดขึ้น
สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S