ประวัติความเป็นมาของแฟรนไชส์
แม้ว่าระบบแฟรนไชส์ ที่แท้จริงและเป็นที่ยอมรับจะเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา แต่จริงๆ แล้วจุดเริ่มต้นของแฟรนไชส์ต้องย้อนกลับไปในสมัยยุคกลาง ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 5 ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 15 เป็นยุคแห่งการสำรวจดินแดน และการค้นพบสินค้าใหม่
จนนำไปสู่สมัยใหม่ในเวลาต่อมา จนกระทั่งมีการสำรวจเส้นทาง สำรวจทวีปอเมริกา จนมาค้นพบว่าระบบแฟรนไชส์ในเชิงพาณิชย์จริงๆ และมีการสืบทอดกันมาจนถึงทุกวันนี้เริ่มต้นมาจากอเมริกา รายละเอียดอื่นๆ ในแต่ละยุค แต่ละช่วงเวลา วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com จะนำเสนอ ประวัติความเป็นมา ของแฟรนไชส์ให้ทราบครับ
ปฐมบทของแฟรนไชส์
แฟรนไชส์เริ่มต้นอย่างไร
จุดเริ่มต้นแฟรนไชส์ต้องสืบย้อนไปสมัยกลาง หรือ ยุคกลาง คือ ช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ยุโรป ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 5 ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 15 เป็นยุคแห่งการสำรวจดินแดน และการค้นพบสินค้าใหม่ จนนำไปสู่สมัยใหม่ในเวลาต่อมา แม้จะไม่ใช่รูปแบบของแฟรนไชส์ยุค ค.ศ. 1800 แต่ถือเป็นแฟรนไชส์แรกในประวัติศาสตร์โลกที่บันทึกไว้ในอีก 200 ปีข้างหน้า
แฟรนไชส์ในยุโรปยุคกลางและยุคศักดินา (ค.ศ. 900 – 1400)
รูปแบบแฟรนไชส์ในยุคนี้เป็นในลักษณะการมอบอำนาจการใช้ที่ดินให้แก่ขุนนางและเจ้าหน้าที่คริสตจักร การจัดเก็บภาษีจากเจ้าของที่ดิน การสร้างถนน เป็นจุดเริ่มต้นการจ่ายค่าลิขสิทธิ์ครั้งแรกของแฟรนไชส์ ขณะเดียวกันขุนนางและเจ้าหน้าที่คริสตจักรจะเสนอที่ดินให้แก่เกษตรกรเป็นครั้งคราว เพื่อแลกกับพืชผลส่วนหนึ่งของเกษตรกร
แฟรนไชส์ในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (ปลาย ค.ศ. 1400 – 1600)
ในปี ค.ศ. 1492 ยุโรปค้นพบทวีปเอเชียและแอฟริกาเป็นครั้งแรก รัฐบาลและบริษัทต่างๆ ได้ให้ทุนสนับสนุนการสำรวจโลกใหม่ รูปแบบแฟรนไชส์ยุคแรกเกี่ยวข้องกับการถือครองที่ดิน การค้าเครื่องเทศ เส้นทางการเดินทาง การเป็นทาส ฯลฯ
ในปี ค.ศ. 1641 Henry Hudsen ได้รับการว่าจ้างจากบริษัทอินเดียตะวันออกของเนเธอร์แลนด์ เพื่อเดินทางสำรวจทวีปอเมริกา และได้ค้นพบเส้นทางตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้รูปแบบแฟรนไชส์เป็นลักษณะการเข้าถึงเส้นทางการค้าที่ร่ำรวยในอเมริกา อย่างไรก็ตาม ในปี ค.ศ. 1799 บริษัทฯ ล้มละลาย และถูกรัฐบาลเนเธอร์แลนด์เข้าครอบครอง
แฟรนไชส์ช่วยพัฒนาอเมริกาอย่างไร
คุณรู้หรือไม่ว่าแฟรนไชส์ช่วยให้อเมริกาเป็นประเทศที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ตั้งแต่ยุคอาณานิคมจนมาถึงการปฏิวัติอุตสาหกรรม แฟรนไชส์ถือเป็นแนวหน้าในการพัฒนาประเทศ รูปแบบตลาดแฟรนไชส์ทั้งหมดหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม เป็นในลักษณะการบริการด้านอาหาร โดยได้ขยายตัวเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดและมีอิทธิพลมากที่สุด
แฟรนไชส์ในยุคอาณานิคมของอเมริกา (ค.ศ. 1700 – ค.ศ. 1850)
- ในช่วงเปลี่ยนศตวรรษที่ 18 รัฐบาลและบริษัทต่างๆ ในยุโรปได้สนับสนุนการตั้งรกรากถิ่นฐานในต่างประเทศ โดยเฉพาะอเมริกา รัฐบาลได้ใช้ข้อตกลงแฟรนไชส์เพื่อกำหนดความเป็นเจ้าของที่ดินและเงื่อนไขค่าตอบแทน เพื่อแลกกับการจัดหาเงินทุนเพื่อการท่องเที่ยว ผู้คนในยุคอาณานิคมถูกคาดหวังให้จ่ายภาษีให้กับรัฐบาลและบริษัทเหล่านี้
- ในปี ค.ศ. 1731 Benjamin Franklin และ Thomas Whitmarsh ร่วมหุ้นก่อตั้งธุรกิจแท่นพิมพ์ในเซาท์แคโรไลนา ข้อตกลงแฟรนไชส์ระบุถึงความเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา การแบ่งสัดส่วนผู้ถือหุ้น และการเบิกจ่ายผลกำไร
- ในทศวรรษถัดมา Benjamin Franklin “ร่วมเป็นหุ้นส่วน” กับแฟรนไชส์ซีรายอื่นๆ อีกหลาย 10 ราย เพื่อนำงานพิมพ์ของเขาไปจำหน่ายทั่วประเทศ ถือเป็นจุดเริ่มต้นแฟรนไชส์
แฟรนไชส์และการปฏิวัติอุตสาหกรรม (ค.ศ. 1850 – 1900)
- การปฏิวัติอุตสาหกรรมได้สร้างโมเดลอุปสงค์และอุปทานในอเมริกา เมื่อมีการผลิตจำนวนมาก รูปแบบของแฟรนไชส์ก็จะอยู่ในลักษณะของการผลิตเครื่องจักร จำนวนสินค้าที่ผลิตปริมาณมาก และเคมีภัณฑ์ต่างๆ
- ในปี ค.ศ. 1851 โมเดลแฟรนไชส์เชิงพาณิชย์ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในอเมริกา โดยบริษัท Singer Sewing Machine Company ก่อตั้งโดย Isaac Merritt Singer ได้เสนอวิธีการใช้เครื่องจักรเย็บผ้าให้กับโรงงานในท้องถิ่น เพื่อแลกกับส่วนแบ่งผลกำไร บริษัทซิงเกอร์ยังจัดหาอุปกรณ์การผลิตและบริการสนับสนุนให้กับโรงงานของผู้รับสิทธิแฟรนไชส์อีกด้วย
- ในปี ค.ศ. 1898 General Motors ได้ขายแฟรนไชส์การผลิตรถยนต์แห่งแรกในดีทรอยต์ มิชิแกน
- ในปี ค.ศ. 1901 Coca-Cola ได้รับสิทธิแฟรนไชส์ตั้งโรงงานบรรจุขวดแห่งแรก จากการผลิตน้ำอัดลมจำนวนมาก
สงครามโลกครั้งที่ 2 และการเฟื่องฟูแฟรนไชส์ครั้งใหญ่ (ค.ศ. 1940 – 1950)
- มาถึงช่วงการบริโภคเพิ่มสูงขึ้น เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง ประเทศสหรัฐอเมริกาเกิดปรากฏการณ์การเฟื่องฟูของแฟรนไชส์หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พบว่าธุรกิจแฟรนไชส์ใหม่เกิดขึ้นมากมาย ได้แก่
- เครื่องสำอางและบริการหลังการขายรถยนต์ (Midas Muffler)
- ร้านสะดวกซื้อ (7-Eleven Inc.)
- การบัญชีมืออาชีพ (H&R Block)
- การผลิตแว่นสายตาและแว่นตาเชิงพาณิชย์ (Pearle Vision)
ร้านอาหารเปลี่ยนเกมแฟรนไชส์
- ในปี ค.ศ. 1940 ร้านไอศกรีมแบบครอบครัว Dairy Queen นำเสนอธุรกิจแบบแฟรนไชส์ และในปี 1941 แฟรนไชส์ Dairy Queen มี 10 สาขา และขยายสาขาถึง 2,600 แห่งในเวลาไม่ถึง 10 ปี
- ปัจจุบัน Dairy Queen อยู่ในอันดับที่ 6 ในการจัดอันดับ Entrepreneur 2017 Franchise 500 หลังจากดำเนินกิจการแฟรนไชส์มา 73 ปี มีสาขามากกว่า 6,000 แห่งในสหรัฐอเมริกา แคนาดา จีน อียิปต์ และอีกกว่า 20 ประเทศ
- ในปี ค.ศ. 1952 Richard และ Maurice McDonald เปิดแฟรนไชส์แมคโดนัลด์สาขาที่ 2 จนกระทั่งในปี ค.ศ.1954 Ray Kroc ซื้อกิจการแมคโดนัลด์ และให้สิทธิ์นักลงทุนขยายสาขาแมคโดนัลด์นอกพื้นที่ โดยจ่ายเงินให้สองพี่น้อง 0.5% ของ 1% ของยอดขายทั้งหมด
- ในปี ค.ศ .1958 แมคโดนัลด์ขายแฮมเบอร์เกอร์ได้ 100 ล้านชิ้น จนกระทั่งถึงวันที่ 21 เมษายน 1965 แมคโดนัลด์ได้เสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไป (IPO) เป็นครั้งแรกที่ 30 ดอลลาร์ต่อหุ้น โดยเฉลี่ยหุ้นของแมคโดนัลด์ในปัจจุบันซื้อขายกันมากกว่า 600% ของมูลค่าเริ่มต้น
โลกของแฟรนไชส์ในปี ค.ศ. 2017
อุตสาหกรรมบริการอาหารยังคงเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและทำกำไรได้มากที่สุดในระบบแฟรนไชส์ มีบริษัทนวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นมากกว่าเดิม และตลาดแฟรนไชส์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้แต่แบรนด์เนมชั้นนำก็ยังมีโอกาสขายแฟรนไชส์ในราคาที่เอื้อมถึง โดยแฟรนไชส์มีเกือบทุกอุตสาหกรรมรวมถึงการดูแลสุขภาพ
อาหารต้นแบบแฟรนไชส์ชั้นนำ
- ในการจัดอันดับ 500 Franchise 500 ประจำปีของ https://www.entrepreneur.com/ พบว่า 4 ใน 5 ของแฟรนไชส์ชั้นนำ จะมีแฟรนไชส์ด้านอาหารติดอันดับ อาทิ 7-Eleven Inc, McDonald’s, Dunkin Donuts และ Jimmy John’s Gourmet Sandwiches
- ใน Forbes Top 20 Franchise for the Buck เกือบครึ่งหนึ่งของแฟรนไชส์จะอยู่ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
- มูลนิธิการศึกษาและวิจัยแฟรนไชส์ (FERF) คาดการณ์ในปี 2017 จำนวนสาขาแฟรนไชส์บริการอาหารจะเติบโต 1.2% และผลกำไรจะเพิ่มขึ้นกว่า 30 ล้านดอลลาร์
- ตลาดธุรกิจแฟรนไชส์ปี 2017 พบว่า แฟรนไชส์ร้านอาหารบริการเต็มรูปแบบจะเติบโตมากยิ่งขึ้น จำนวนสาขาแฟรนไชส์เพิ่มขึ้น 1.9% มพกำไรเพิ่มขึ้นกว่า 67 ล้านดอลลาร์
- 7 ธุรกิจแฟรนไชส์นวัตกรรมใหม่ของ https://www.entrepreneur.com/ ในปี 2017 แฟรนไชส์ 3 ใน 7 สาขาเกี่ยวข้องกับอาหารและการบริการ เช่น Blaize Fred Pizza, Cousins Maine Lobster และ Curio
แฟรนไชส์เติบโตทุกสถานการณ์
ภาพจาก https://bit.ly/3BrKCTa
- ในการจัดอันดับ 500 Franchise 500 ของ https://www.entrepreneur.com/ ปี 2018 พบว่าธุรกิจแฟรนไชส์เปิดใหม่ไม่เกิน 5 ปี มีกว่า 22%
- ตลาดแฟรนไชส์ในอเมริกาจะเติบโต 0.6% มากกว่าปี 2016 โดยมีอัตราการเติบโต 2.7% ต่อเดือน ค่าประมาณนี้ได้มาจากข้อมูลการจ้างงาน ประมาณการผลผลิต และการคาดการณ์การเติบโตของสถานประกอบการแฟรนไชส์
นั่นคือ ประวัติแความเป็นมา ของแฟรนไชส์ในโลก เริ่มตั้งแต่ยุคกลาง การสำรวจดินแดน การให้สิทธิถือครองที่ดิน การค้าเครื่องเทศ จนกระทั่งมาถึงยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (ปลาย ค.ศ. 1400 – 1600) ที่ได้มีการเดินทางสำรวจทวีปอเมริกา จนค้นพบว่าในสหรัฐอเมกานี้เองเป็นจุดเริ่มต้นของระบบแฟรนไชส์ที่แท้จริง
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/3corFV2
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/3BrKCTa
อ้างอิงจาก https://bit.ly/3mVyQfG