ทำไมธุรกิจคนไทย ควรใช้พนักงานคนจีน!

คนไทยเราเน้นความสบาย ส่วนใหญ่ไม่ค่อยตามทำกฏเกณฑ์ แถมไม่มีระเบียบวินัย ชอบทำอะไรตามใจตัวเอง สิ่งเหล่านี้คือเรื่องจริงที่ต้องยอมรับ และก็สะท้อนไปถึงรูปแบบการทำงานในบริษัทด้วย ถ้าเปรียบเทียบระหว่างไทย VS จีน ในขณะที่เรามองว่าเขาทำงานกันหนักเกินไปไหม เครียดไปหรือเปล่า

พนักงานคนจีนที่มาทำงานในประเทศไทย ก็รู้สึกแปลกใจ กับ วิธีคิด วิธีการทำงาน และพฤติกรรมตลอดทั้งวันของพนักงานไทยเช่นกันว่าทำไมทำงานแบบทำตัวตามสบายขนาดนี้ แล้วอนาคตจะประสบความสำเร็จสร้างเนื้อสร้างตัวได้อย่างไร เป็นต้น

หากสังเกตให้ดีจะพบว่าคำอวยพรยอดนิยมในเทศกาลตรุษจีน ไม่ว่าภาษาจีนกลาง หรือแต้จิ๋ว เช่น “กงซีฟาไฉ” (ขอให้ร่ำรวย) หรือ “ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้” (ขอให้ปีใหม่สมหวัง และร่ำรวย) ส่วนใหญ่มักพูดถึงเรื่องเงินทองและความร่ำรวย ซึ่งบ่งบอกว่า นั่นคือสิ่งที่คนจีนให้ความสำคัญมาก

เหตุผลง่ายๆคือ คนจีนถูกปลูกฝังค่านิยมจนซึมลึกลงไปใน DNA ที่ต้อง ขยัน สร้างเนื้อสร้างตัว และเรียนรู้ให้มากที่สุด ซึ่งในเทศกาลที่คนจีนจะมารวมญาติ เรื่องหลักที่พูดคุยกัน คือเรื่องหน้าที่การงาน รายได้ และเป้าหมายที่ต้องการประสบความสำเร็จของแต่ละคน! ถ้าเรามองอีกด้านการที่บริษัทเรามีคนจีนเข้ามาทำงาน จึงน่าจะเป็นเรื่องที่ได้เปรียบหลายอย่าง ได้แก่

ควรใช้พนักงานคนจีน

1.เป็นแรงกระตุ้นให้พนักงานไทยทำงานมากขึ้น

ด้วยความที่พนักงานจีนมีความขยันมาก แน่นอนว่าระบบองค์กรทุกแห่งต้องการคนที่ขยันและทุ่มเทให้การทำงาน หากในองค์กรเรามีพนักงานจีนที่ขยัน ย่อมเป็นตัวเปรียบเทียบให้พนักงานไทยที่ไม่ขยันต้องเร่งตัวเองให้ขยันมากขึ้นเพราะไม่เช่นนั้นอาจโดนด้อยค่าหรืออาจถูกไล่ออกได้ถ้าเอาผลงานไปเปรียบเทียบกัน

2.พนักงานไทยได้พัฒนาตัวเอง

คนจีนนอกจากขยันทำงานสิ่งที่เห็นได้ชัดอีกอย่างคือการพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง เช่นพนักงานไทยใช้โทรศัพท์เพื่อความบันเทิงเป็นหลัก แต่คนจีนเน้นการใช้โทรศัพท์ในการหาข้อมูลข่าวสาร สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่พนักงานไทยเรียนรู้และนำมาปรับใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตตัวเองได้

ควรใช้พนักงานคนจีน

3.ความคิดที่แตกต่างและไอเดียที่หลากหลาย

การที่บริษัทมีพนักงานคนจีนหรือมีพนักงานจากหลายสัญชาติมาร่วมทำงาน สิ่งที่ได้แน่ๆคือไอเดียและแนวคิดในการทำงานที่จะหลากหลายเนื่องจากพฤติกรรมที่แตกต่าง มุมมองที่ต่างกัน ย่อมนำมาซึ่งกลยุทธ์ด้านธุรกิจที่ต่างกันด้วย

4.เปลี่ยนแนวคิดให้การทำงานล่วงเวลาเป็นเรื่องปกติ

พนักงานไทยส่วนใหญ่ไม่ชอบทำงานล่วงเวลา แตกต่างจากพนักงานจีนซึ่งหากไปดูบริษัทส่วนใหญ่ในเมืองจีนยกตัวอย่างงานด้านไอทีจะมีการทำงานล่วงเวลากันจนเป็นปกติ หลายบริษัทใหญ่ ๆ ของจีน จัดที่นอน ห้องอาบน้ำ ห้องฟิตเนสให้พนักงานไว้อย่างดี

ควรใช้พนักงานคนจีน

5.พัฒนาแนวคิดการทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์

แม้ปัจจุบันบริษัทส่วนใหญ่ก็ทำงาน 6 วัน จันทร์ – เสาร์กันอยู่แล้ว แต่ในความคิดของพนักงานคนไทยมองว่าเป็นการทำงานที่หนักไป ต่างจากในมุมของคนจีนที่คิดว่าทำงานหนักเป็นเรื่องปกติ เพราะสิ่งที่พนักงานจีนตั้งเป้าคือการมีเงินและมีฐานะที่ดี แม้กระทั่งในวันหยุดคนจีนบางคนก็ยังไม่ยอมหยุดแต่ไปหาวิธีการสร้างรายได้เพิ่มอีกด้วย

6.ปลูกฝังแนวคิดบริษัทคือครอบครัว เพื่อนร่วมงานคือญาติพี่น้อง

คนจีนมีแนวคิดการทำงานแบบ “Guanxi” ที่น่าจะเป็นผลดีกับบริษัทเพราะเป็นการทำงานที่มองว่าบริษัทคือครอบครัว เพื่อนร่วมงานคือญาติพี่น้อง ยิ่งเป็นการทำงานในองค์กรที่มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติ การทำงานจะยิ่งทุ่มเทด้วยมองว่าผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจะไหลเวียนอยู่ภายในครอบครัวเป็นหลัก

ควรใช้พนักงานคนจีน

7.คนจีนหนักเอาเบาสู้

ด้วยวิธีคิดของคนจีนที่ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก งานไหนที่ทำแล้วได้เงิน งานไหนที่ทำแล้วจะทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จเขาจะมุ่งมั่นตั้งใจเต็มที่ ถ้าบริษัทมีคนจีนมาทำงานสิ่งที่จะได้คือการทุ่มเทไม่เลือกงาน ซึ่งอาจเป็นต้นแบบให้พนักงานคนไทยได้ปฏิบัติตามเพื่อลดการเกี่ยงงานหรือลดแนวคิดการผลักภาระความรับผิดชอบงานของตัวเองไปให้คนอื่นได้ดียิ่งขึ้น

8.คนจีนมีไอเดียการค้าขายที่เป็นเลิศ

สิ่งที่ชัดเจนมากคือคนจีนเก่งในเรื่องการค้าขาย เราจะเห็นว่าคนจีนส่วนใหญ่ทำธุรกิจสร้างรายได้ติดอันดับโลกได้อย่างรวดเร็วด้วยกลยุทธ์และแนวคิดทางการค้าที่เลิศ สิ่งเหล่านี้บริษัทสามารถนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ นั้นรวมถึงการขายในรูปแบบออนไลน์ที่คนจีนก็มีความรู้ความเก่งกาจในด้านการไลฟ์สดขายของมากๆ

ควรใช้พนักงานคนจีน

9.คนจีนทำงานเร็ว กระฉับกระเฉง

จุดเด่นของที่ ควรใช้พนักงานคนจีน อีกอย่างคือความกระฉับกระเฉง มีความกระตือรือร้น ไม่เฉื่อยชา ต่างจากพนักงานไทยที่บางส่วนยังไม่กระตือรือร้น ยังทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม ทำงานแบบไม่มีเป้าหมาย ในจุดนี้หากบริษัทมีพนักงานคนจีนมาร่วมด้วยน่าจะช่วยเข้าไปละลายพฤติกรรมนี้ในองค์กรให้มีความกระตือรือร้นได้มากขึ้น

10.แนวคิดเชื่อฟังหัวหน้าพร้อมปฏิบัติตามทันที

คนจีนมีรูปแบบการทำงานแบบบนลงล่าง (Top – Down) ให้ความสำคัญกับลำดับขั้นความอาวุโส ผู้น้อยเชื่อฟังคำสั่งหัวหน้า แม้จะดูย้อนแย้งกับโลกการทำงานในปัจจุบันที่เน้นความคิดอิสระ แต่การทำงานรูปแบบนี้จะทำให้องค์กรเดินหน้าได้อย่างไม่สะดุด ซึ่งการเชื่อฟังคำสั่งนี้ก็ต้องอยู่ภายใต้เหตุผลที่เหมาะสมด้วย

มีคำเสียดสีวิถีการทำงานออฟฟิศของคนในประเทศจีนว่า “กินน้อยกว่าหมู ทำงานหนักกว่าวัว นอนดึกกว่าสุนัข ตื่นเช้ากว่าไก่” แม้ตัวเลขเวลาทำงานใน 1 สัปดาห์โดยสำนักงานสถิติจีนจะระบุว่าพนักงานในจีนทำงานเฉลี่ย 46 ชั่วโมง/อาทิตย์

แต่ก็มีเสียงสะท้อนจาก ควรใช้พนักงานคนจีน อีกมากที่บอกว่าเวลาทำงานจริงต่อสัปดาห์มากกว่าที่ประกาศออกมา แต่ในอีกมุมการทำงานหนักของคนจีนก็สะท้อนให้เห็นถึงความขยัน มุ่งมั่น เอาจริงเอาจัง ซึ่งเป็นข้อดีที่พนักงานไทยและธุรกิจไทยควรนำมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาธุรกิจและพัฒนาคุณภาพชีวิตตัวเองได้

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด