ทำเลร้านอยู่ “มุมอับ” ทำยังไงให้ขายดี?

คนมีร้านค้า คนที่ทำธุรกิจล้วนแต่อยากได้ทำเลดีๆ ที่คนพลุกพล่าน ลูกค้าแวะเวียนเข้ามาไม่ขาดสาย แต่ในความเป็นจริงใช่ทุกคนที่จะหาทำเลแบบนั้นได้ บางทีทำเลที่เคยดีแสนดี จู่ๆ ก็ดันมีการก่อสร้างขึ้นมาภายหลัง เปลี่ยนจากทำเลดีๆ กลายเป็น “มุมอับ” ก็มีให้เห็นบ่อยๆ

ปัญหานี้ www.ThaiSMEsCenter.com เชื่อว่าใครที่เจอเข้ากับตัวเองต้องอยากได้วิธีแก้ปัญหา หรือถ้าไม่ดีขึ้นอย่างน้อยผ่อนหนักให้เป็นเบาก็ยังดี เพราะบางคนติดสัญญาการเช่าพื้นที่จะปล่อยทิ้งไปซะเลยก็ทุนหายกำไรหด ดังนั้นลองมาดูวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นก่อนว่าจะทำอะไรได้บ้าง

เหตุผลที่อาจเปลี่ยน “ทำเลทอง” กลายเป็น “มุมอับ”

4

ถ้าใครเจอเรื่องที่ไม่อยากเจอ ตอนที่ทำสัญญาเช่าพื้นที่พิจารณาแล้วว่าตรงนี้เป็นทำเลขายดีแน่นอน แต่จู่ก็ดันเกิดการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่โดยรอบ ซึ่งมีหลายสาเหตุเช่น

1.พฤติกรรมของคนในพื้นที่เปลี่ยนไป

10

เพราะเมื่อเมืองมีการเติบโตมากขึ้น มีการขยายถนนออกสู่ชานเมือง คนที่เคยอยู่ในพื้นที่เมืองและเบื่อหน่ายในความจำเจ สภาพการจราจร จึงขยับขยายไปสู่แหล่งชานเมืองที่ให้ความสะดวกสบายในเรื่องที่พักอาศัยได้มากกว่า พฤติกรรมผู้บริโภคที่เคยดีจึงมีการเปลี่ยนแปลงได้มาก

2.การเปลี่ยนแปลงของผังเมืองและกฎหมายการสร้างอาคารต่างๆ

8

กฎหมายการวางผังเมืองเองอาจมีการกำหนดการใช้ประโยชน์ของที่ดินมากขึ้น จึงทำให้ข้อบังคับในการสร้างตึกและอาคารต่างๆมีความเข้มงวดมากขึ้น พื้นที่ย่านธุรกิจที่คาดว่าจะสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเช่นห้างสรรพสินค้า อาคารพาณิชย์ อาจจะได้รับผลกระทบส่วนนี้ทำให้ต้องมองหาทำเลใหม่ๆ ส่งผลให้การวางเป้าหมายของธุรกิจที่เปิดก่อนหน้านี้ต้องเปลี่ยนแปลงไป

3.สภาพพื้นที่และสิ่งปลูกสร้างที่เสื่อมถอยตามกาลเวลา

13

นี่คือเรื่องที่ใครก็ควบคุมไม่ได้ ทำเลที่เคยรุ่งเรืองด้วยตึกสวยงามสักวันหนึ่งอาจกลายเป็นย่านที่แออัด ถนนที่เคยกว้างขวางก็แคบลงไปไม่เหมาะสมกับการทำธุรกิจ รวมถึงการมีแหล่งธุรกิจเกิดใหม่สิ่งปลูกสร้างยุคใหม่ที่สวยงาม เข้ากับยุคสมัย การเดินทางสะดวกสบาย สิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลกระทบต่อทำเลทางธุรกิจทั้งสิ้น

รวมสารพัดวิธีแก้ปัญหาหน้าร้านอยู่ใน “มุมอับ”

5

คำว่า “มุมอับ” มีหลายความหมาย เช่นมีร้านอื่นมาบดบัง , มีสิ่งปลูกสร้างขึ้นมาภายหลัง , เส้นทางสัญจรของคนเปลี่ยนไปจากเดิม เป็นต้น การแก้ปัญหาจึงต้อง Case by Case ยกตัวอย่างเช่น

1.ตกแต่งร้านให้โดดเด่นมากขึ้น

12

บางร้านได้ทำเลห้องแถวตรงกลาง ซึ่งทำเลขายดีกว่าคือหัวและท้าย หรือบางร้านดันมีการก่อสร้างสะพานข้ามแยก สะพานลอยมาบดบังหน้าร้านในภายหลัง รวมถึงบางร้านอยู่ตำแหน่งเชิงสะพานหรือทางแยกต่างๆ ซึ่งเหล่านี้ล้วนไม่ดีและเป็นมุมอับทั้งสิ้น ในเมื่อหลีกหนีจากทำเลที่ว่านี้ไม่ได้ก็ต้องสู้กับปัญหา ทำอย่างไรให้คนเห็นร้านเราได้มากขึ้น ทั้งจากระยะใกล้ และระยะไกล นั่นก็คือการแต่งหน้าร้านเพิ่มเติม ทั้งการติดป้ายขนาดใหญ่ขึ้น ทำป้ายแขวนหน้าร้าน ตกแต่งด้วยไฟหลากสี ใช้เสียงเพลงในการดึงดูดลูกค้า วิธีเหล่านี้ล้วนแต่เป็นการแก้ปัญหาที่ได้ผลในระดับหนึ่ง

2.ปักหมุดแผนที่ร้านใน Google map

9

สมัยนี้เป็นยุคของโซเชี่ยล ถ้าร้านอยู่มุมอับ ก็ต้องพึ่งเทคโนโลยีให้มากขึ้น โดย Google map เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะฟังก์ชั่นนี้จาก Google สร้างขึ้นมาเพื่อสนับสนุนร้านค้า ห้างสรรพสินค้า และธุรกิจต่างๆ ในพื้นที่ โดยผู้ประกอบการ สามารถใส่ข้อมูลของธุรกิจลงในฐานข้อมูลของ Google ได้ เมื่อมีคนเสิร์ชหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับร้านค้า หรือธุรกิจขอเรา ข้อมูลก็จะแสดงขึ้นบน Google Search และ Google Map ให้ลูกค้าได้เลือกและเข้าถึงร้านค้าของเราได้

3.เน้นการแจกใบปลิว แผ่นพับ

11

ถ้าร้านเราไม่มีคนเดินเข้ามาเห็น เราก็ต้องเอาร้านของเราออกไปให้ลูกค้าได้เห็น ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดคือการจ้างคนแจกใบปลิว แผ่นพับตามจุดต่างๆ ซึ่งในใบปลิวควรมีข้อมูลสินค้าน่าสนใจ รายละเอียดเรื่องราคา ตำแหน่งที่ตั้งร้าน เบอร์โทร หรือช่องทางการติดต่อในโซเชี่ยลต่างๆ โดยเฉพาะการถ่ายภาพลงใบปลิวอาจต้องมีคุณภาพชนิดที่ลูกค้าเห็นแล้วอยากจะลองกินสักครั้ง สิ่งสำคัญคือทำอย่างไรก็ได้ให้ลูกค้าอยากมาที่ร้าน ที่เหลือคือการบริการของเราที่จะทำให้ลูกค้าประทับใจได้หรือไม่

4.แช๊ะและแชร์

3

สังเกตได้ว่าสมัยนี้ร้านค้าหลายแห่งก็ไม่ได้มีทำเลที่ดีนักแต่บางร้านคนแน่นเต็มร้าน ส่วนหนึ่งเพราะการตลาดแบบ แช๊ะและแชร์ สิ่งที่ควรจะมีคือ มุมถ่ายภาพสวยๆ หรืออาจจะจัดกิจกรรมให้ลูกค้าจัดกิจกรรมให้ลูกค้าที่มาอุดหนุน ถ่ายรูปรับประทานอาหารที่ร้าน โพสต์และแชร์ พร้อมรับส่วนลดจากทางร้านทันที จะกี่เปอร์เซ็นต์อยู่ที่ผู้ประกอบการกำหนด หรือจะเลือกลดเฉพาะเมนูที่ต้นทุนต่ำ วัตถุดิบหาง่ายในพื้นที่ก็ได้ วิธีนี้ถือว่าได้ผลในทางการตลาดอย่างมาก ที่สำคัญเป็นการตลาดที่แทบไม่ต้องลงทุนอะไรมากนักด้วย

5.เพิ่มยอดขายด้วยการ “รีวิว”

6

การแก้ปัญหาร้านอยู่มุมอับที่ได้ผลแต่อาจต้องลงทุนสักหน่อย คือการ “จ้างรีวิว” โดยเฉพาะคนที่กำลังมีชื่อเสียงในโซเชี่ยล หรือบรรดายูทูปเบอร์ต่างๆ แต่บางทีถ้าร้านของเราดีจริง อร่อยจริง การจ้างรีวิวเหล่านี้แทบจะไม่จำเป็นเลย หรือบางทีถ้าไม่อยากจ้างรีวิวจากคนดังที่อาจมีค่าใช้จ่ายสูง เราก็ทำช่องยูทูปหรือ Live สด ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ก็จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้คนได้รู้จักร้านค้าของเราได้มากขึ้น

6.ใส่ คีย์เวิร์ด และ แฮชแท็ก (#)

14

วิธีที่หลายคนอาจมองข้ามและคิดว่าไม่สำคัญไม่จำเป็นคือการใส่คีเวิร์ด และ แฮชแท็ก (#)ให้คนค้นหาร้านบนโซเชียลเจอง่ายๆ ซึ่งหากเราสร้างแฮชแท็กอย่างน้อย 2 แฮชแท็ก ก็จะสามารถช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ ในช่องทาง Social Media ต่างๆ ได้กว่า 50% และทำให้คนส่วนใหญ่หาร้านค้าของเราเจอได้ง่ายขึ้นด้วย

7.ใส่ Story ให้กับร้านค้าดูน่าสนใจ

15

การตลาดแบบมีเรื่องราวคือกลยุทธ์การดึงดูดลูกค้าที่น่าสนใจมาก ไม่จำเป็นว่าร้านเราต้องอยู่ในทำเลที่ดี แต่หากสินค้ามีความน่าสนใจ คนก็อยากจะเข้ามาใช้บริการ เช่น ร้านปิ้งย่างที่ใช้วัตถุดิบเนื้อวัวพันธุ์ดี , ร้านอาหารสไตล์เกาหลีที่มีเมนูตามเทศกาล , ร้านอาหารไทยที่ชูจุดเด่นคือการเป็นเชฟที่มีประสบการณ์ หรือร้านเครื่องดื่มที่มีเมนูแปลกใหม่หรือการจัดบรรยากาศร้านที่ไม่เหมือนใคร เหล่านี้ล้วนแต่มีเอกลักษณ์และเรื่องราวที่ชวนให้ติดตามได้ทั้งสิ้น

นอกจากนี้เราอาจใช้วิธีการหาพันธมิตรทางการค้าเข้ามาช่วยในการขาย จะช่วยในเรื่องการระบายสินค้าของเราได้ง่ายขึ้น เพิ่มยอดขายเราได้ในระดับหนึ่ง แต่อย่างไรก็ดี การรู้สึกว่าทำเลไม่ดี บางทีอาจเป็นความรู้สึกที่เกิดจาก “การที่ยอดขายไม่ดี” บางทีมันก็ไม่ได้อยู่ที่ทำเล แต่เป็นเพราะสินค้าและบริการของเราที่ไม่ดีพอ ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินว่าทำเลไม่ดี

ควรพิจารณให้รอบด้านว่า มีปัจจัยอื่นๆ อีกหรือไม่ที่ทำให้ยอดขายเราไม่ดี เพื่อให้หาสาเหตุที่แท้จริงได้ ไม่ใช่ขายไม่ดีก็โทษว่าทำเลไม่ดีเสมอไป เพราะหากแก้ไขไม่ถูกจุดต่อให้ย้ายไปที่ใหม่ ปัญหาที่ยอดขายไม่ดีก็ยังอยู่เหมือนเดิม


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/335phDi
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/3wrTlW3 , https://bit.ly/3JzGvcm , https://bit.ly/3wrYAoT

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3ttgNjX

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด