ต้องดู! เทคนิคขับ Taxi ให้ได้ 4 หมื่นต่อเดือน
พูดถึงการเดินทางในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร หลายคนคงเบ้ปากกับระบบขนส่งมวลชนที่ยังมีคุณภาพไม่มากพอทั้งปริมาณรถเมล์ คุณภาพในการบริการ ปัญหาการจราจรติดขัด
แม้จะมีรถไฟฟ้าเข้ามาในหลายพื้นที่แต่ด้วยราคาค่าโดยสารที่ค่อนข้างสูงและบางพื้นที่ก็ยังไม่มีรถไฟฟ้าเข้าถึง ทำให้ Taxi กลายเป็นหนึ่งในบริการยอดนิยม บางคนเบื่อขับรถเอง แต่ไม่อยากขึ้นรถเมล์ มีของต้องหิ้วพะรุงพะรัง ไม่อยากไปขึ้นไปเบียดกับคนอื่น เบื่ออากาศร้อนๆ ในกรุงเทพฯ
เหตุผลเหล่านี้ทำให้คนส่วนใหญ่เรียกใช้บริการ Taxi ซึ่งดูเหมือนว่าการขับ Taxi จะกลายเป็นอีกหนึ่งอาชีพยอดฮิตที่ www.ThaiSMEsCenter.com มองว่าหลายคนสนใจ แต่คำถามคือปัจจุบันมี Taxi จำนวนมาก ไหนจะปัญหาเรื่องค่าน้ำมัน ค่าเช่า แล้วแบบนี้จะมีวิธีแบบไหนอย่างไรที่จะทำให้เราขับ Taxi แล้วมีรายได้หลายหมื่นบาทต่อเดือน
สถิติรถบริการที่จดทะเบียนในกรุงเทพฯ ปี 2562
ภาพจาก bit.ly/33lKovy
ข้อมูลจากกรมการขนส่งระบุว่าปี 2562 เฉพาะกรุงเทพมหานครมีรถจดทะเบียนใหม่รวม 970,818 คัน เป็นรถยนต์ในส่วนของกฏหมายขนส่งทางบกหรือรถสำหรับบริการกว่า 15,000 คัน นี่คือรถที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ไม่นับรวมกับของเก่าที่มีอยู่เดิมซึ่งหากใครคะเนด้วยสายตา บนท้องถนนเราจะเห็น Taxi วิ่งกันเป็นจำนวนมาก
ข้อดีคือลูกค้าสามารถเรียกใช้ได้ง่าย แต่ข้อเสียคือทำให้เกิดการแชร์ส่วนแบ่งรายได้กันมากขึ้น ไหนจะค่าน้ำมัน (ส่วนใหญ่ใช้ NGV หรือแก๊ส) แม้ภาครัฐจะมีมาตรการให้ขยับราคามิเตอร์ให้มากขึ้นแต่ก็เป็นผลกระทบทางอ้อมที่ทำให้คนใช้บริการน้อยลงไปในยุครายได้ไม่ดีแบบนี้ ปัญหาเหล่านี้คือวิธีที่ใครก็ตามหากต้องการเข้ามาขับ Taxi ต้องเตรียมรับมือให้ดี
อยากขับ Taxi ต้องเริ่มอย่างไร
ภาพจาก bit.ly/2OHgWKU
ใช่ว่าจู่ๆนึกอยากขับแท็กซี่แล้วก็จะเริ่มได้เลย ในความเป็นจริงการขับ Taxi มีขั้นตอนดังนี้
1.ต้องทำใบขับขี่สาธารณะ
ใบขับขี่สาธารณะสามารถขอได้ที่กรมการขนส่งทางบก เช่นเดียวกับใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล โดยจะต้องผ่านการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย เช่น ทดสอบสายตา ปฏิกิริยาเท้า อบรม 5 ชั่วโมง และทดสอบภาคทฤษฎี (ข้อเขียน)
ซึ่งผู้ที่จะขอรับใบขับขี่ประเภทนี้ต้องมีใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี และหากคิดจะขับ Taxi แบบไม่มีใบขับขี่สาธารณะถือว่ามีโทษตามกฏหมายคือโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ
ภาพจาก bit.ly/37B3fWN
2.เช่ารถแท็กซี่
การเช่ารถน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าซื้อรถเป็นของตัวเอง เพราะไม่ต้องลงทุนสูง มีความยืดหยุ่นมากกว่า และสามารถเลือกเช่าเฉพาะช่วงที่เราว่างมาขับได้ โดยราคาค่าเช่าจะขึ้นอยู่กับรุ่นของรถ ยิ่งรุ่นใหม่ สภาพดี ค่าเช่าก็ยิ่งแพง โดยราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 400-700 บาทต่อกะ (12 ชั่วโมง) ส่วนราคาควงกะทั้งวัน จะอยู่ที่ประมาณวันละ 600-1,200 บาท
นอกจากนี้ยังมีค่าประกันรถกับอู่ที่เช่า- ค่าประกันรถซึ่งจะได้เงินประกันคืนตอนยกเลิกสัญญาเช่ารถ โดยเงินประกันอยู่ที่ประมาณ 2,000-3,000 บาท รวมถึงมีค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าเชื้อเพลิงที่มักนิยมเติมNGV เป็นหลัก เนื่องจากมีราคาที่ถูกกว่าน้ำมัน ซึ่งเฉลี่ยแล้วค่าแก๊สแต่ละวันจะตกประมาณ 300-400 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทางที่ขับด้ว สรุปแล้วค่าใช้จ่ายสำหรับการเช่าแท็กซี่ขับที่ยังไม่รวมค่ามัดจำรถ จะตกอยู่ที่ประมาณวันละ 700-1,200 บาท
3.รู้จักเส้นทางเป็นอย่างดี
สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ การศึกษาเรียนรู้เส้นทางต่าง ๆ ให้แม่นก่อนออกไปขับรับลูกค้าจริง ๆ เพราะคงไม่ดีแน่ ๆ หากขับรถอยู่แล้วพาผู้โดยสารหลงทาง นั่นหมายถึงว่าเสียทั้งเวลาและเสียโอกาสในการสร้างรายได้อีกด้วย ดังนั้น การรู้เส้นทางก่อนออกไปขับจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ หรือใครที่ยังไม่มั่นใจก็อาจจะใช้แอปพลิเคชันแผนที่นำทางควบคู่ไปด้วย
6 เทคนิคขับ Taxi มีรายได้หลักหมื่นต่อเดือน
ภาพจาก bit.ly/2On82TW
1.รู้ทางหลัก-ทางลัด
การรู้เส้นทางถนนหลัก ถนนรองที่เชื่อมถึงกัน รวมถึงทางลัดตามตรอกซอกซอยต่าง ๆ ว่าออกทางไหน เข้าทางไหนทะลุไปถึงกันได้ เส้นไหนถึงจุดหมายได้อย่างรวดเร็วกว่า ก็จะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงปัญหารถติด และสามารถรับลูกค้าได้มากขึ้น ซึ่งก็หมายถึงรายได้ต่อวันที่จะมากขึ้นตามไปด้วย
2.รู้เวลาและจุดรอผู้โดยสาร
การขับรถไปเรื่อยๆ แบบไม่มีทิศทางเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะนอกจะเปลืองค่าน้ำมันแล้ว โอกาสที่จะตีรถฟรีก็มีสูง สิ่งสำคัญคือต้องรู้จักสังเกตว่าช่วงเวลาแบบนี้ ควรไปรอผู้โดยสารที่ตรงไหน หรือบริเวณนี้ผู้โดยสารมักจะรอเรียกรถที่ตรงไหน เช่น ช่วงเลิกงาน ที่จะมีลูกค้าเยอะบริเวณย่านออฟฟิศ หรือ ช่วงดึก ๆ สุดสัปดาห์ ที่ลูกค้าจะเยอะโซนแหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืน
ภาพจาก bit.ly/2DmXmhQ
3.ปั๊ม NGV มีที่ไหนบ้างต้องรู้
ถ้าจะขับแท็กซี่ให้มีเงินเหลือ สิ่งสำคัญคือเราต้องบริหารต้นทุนค่าเชื้อเพลิงให้ได้ ซึ่งการเติมแก๊ส NGV จะช่วยให้ประหยัดต้นทุนได้มากถึงเท่าตัว เมื่อเทียบกับการเติมน้ำมัน เพราะฉะนั้น คนขับจึงควรรู้ว่าปั๊ม NGV ตั้งอยู่จุดไหนบ้าง ก็จะช่วยให้การคุมต้นทุนในแต่ละวันง่ายยิ่งขึ้น
4.ภาษาอังกฤษสื่อสารให้ได้
เวลาขับแท็กซี่เลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วที่จะเจอกับผู้โดยสารต่างชาติ ซึ่งหากเราสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ หรือเข้าใจบทสนทนาพื้นฐาน ก็จะช่วยให้การรับ-ส่งผู้โดยสารต่างชาติราบรื่นมากขึ้น แถมคนต่างชาติหรือนักท่องเที่ยวเหล่านี้ถ้าเราบริการดี คุยกับเขารู้เรื่องอาจจะได้ทิปเป็นของแถม หรือเขาอาจจะเรียกใช้บริการเราเป็นการส่วนตัวในครั้งต่อไปด้วยก็ได้
ภาพจาก bit.ly/2DlTCNI
5.สมัครแอปพลิเคชั่นเรียกแท็กซี่
เป็นตัวช่วยในการเพิ่มรายได้ของเหล่าโชเฟอร์แท็กซี่ในปัจจุบัน กับแอปพลิเคชั่นเรียกรถต่าง ๆ ที่มี ให้เลือกใช้มากมาย มีข้อดีตรงที่ไม่ต้องเสียเวลาวิ่งรถเปล่าเพื่อหาลูกค้า รอให้มีคนเรียกค่อยวิ่งรถออกไปรับได้เลย ซึ่งการใช้แอปเหล่านี้ รับรองว่าช่วยให้เราคุมเวลาและต้นทุนเชื้อเพลิงได้ง่ายกว่าการตะลอนวิ่งหาลูกค้าแบบไม่รู้จุดหมายแน่ ๆ
6.ไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร
แท็กซี่หลายคันเลือกที่จะปฏิเสธผู้โดยสาร หากโดนเรียกให้ไปส่งในโซนรถติด ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอันขาด เพราะการรับผู้โดยสารไว้ก่อน ยังไงก็ดีกว่าการวิ่งตีรถเปล่า อีกทั้ง การปฏิเสธผู้โดยสารยังมีโอกาสถูกตำรวจจับ เสียค่าปรับอีกด้วย โดยมีโทษปรับสูงสุดที่ 1,000 บาท และหากพบทำผิดเป็นครั้งที่ 2 จะถูกถอนใบอนุญาตทันที ซึ่งคงไม่คุ้มที่จะเสี่ยงแบบนั้น
ภาพจาก bit.ly/34qvhST
การการันตีรายได้ว่าขับ Taxi จะมีรายได้แค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ คุณภาพในการบริการของคนขับ Taxi เป็นสำคัญ จากที่เคยคุยกับคนขับ Taxi หลายคนบอกว่าอาชีพนี้มีเงินเหลืออย่างน้อยก็วันละ 500-600 บาท หากวันไหนฟลุ๊คๆหน่อยได้ผู้โดยสารดีๆ ไม่ตีรถเปล่า รายได้หลังหักค่าเช่าก็เหลือกว่า 1,000 บาท แต่ก็เฉลี่ยกับบางวันที่อาจมีลูกค้าน้อย
ส่วนใหญ่คนขับ Taxi ก็จะมีรายได้ต่อเดือนประมาณ 15,000 -20,000 บาท อันนี้คือ Taxi ที่งานดี บริการดี และมีประสบการณ์ในการวิ่งมานาน ส่วนการจะต่อยอดให้มีรายได้มากกว่านี้ยุคนี้ก็คงต้องใช้เรื่องเทคโนโลยีเข้ามาช่วยจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นนอกจากที่วิ่งในเส้นทางปกติเป็นประจำ
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ bit.ly/2Onhk2k