ตกงาน!! มีเงินไม่กี่พัน ลงทุนขายอะไรดี
อะไรก็เกิดขึ้นได้ในยุคนี้! ขนาดอาชีพนักบินที่คิดว่าเงินเดือนแพง ดูแล้วเป็นอาชีพที่มั่นคง ในวันนี้ยังต้องตกงานกันเป็นจำนวนมาก หลายคนบอกว่าตกงาน มีเงินไม่กี่พัน อย่าตกใจ ตั้งสติให้ดีแล้วค่อยคิดหาวิธีเอาตัวรอด แต่คนที่พูดอาจจะไม่เคยตกงานมาก่อนเพราะหากต้องตกงานจริงๆ ยังไงก็ต้องเครียดต้องคิดมาก ยิ่งถ้าไม่มีเงินติดตัว หรือมีเงินติดตัวแค่ไม่กี่พันบาท ยิ่งกลุ้มใจหนัก ชีวิตต่อจากนี้ไม่รู้จะทำอะไรต่อไปดี
www.ThaiFSMEsCenter.com เข้าใจในปัญหาที่เกิดขึ้น เราจึงได้รวบรวมทางรอดที่พอเป็นไปได้ว่าหากเราตกงานและมีเงินไม่กี่พันบาท จะสามารถเอาเงินจำนวนนี้ไปลงทุนอะไรได้บ้าง ( ตั้งงบในการลงทุนไว้ไม่เกิน 5,000 บาท)
1. ขายลูกชิ้นปิ้ง/ลูกชิ้นทอด
ภาพจาก facebook.com/ufofishbomb/, facebook.com/lookchingiantfc/, facebook.com/Sumofishbomb/
เริ่มต้นกันที่ลูกชิ้นทอดที่เราเชื่อว่าน่าจะขายง่ายและขายดีที่สุด ถ้างบลงทุนเราไม่มาก ไม่จำเป็นต้องเปิดร้านใหญ่ วัตถุดิบครั้งแรกไม่ต้องเยอะ อาจจะเริ่มซื้อลูกชิ้นในงบประมาณ 1,000 บาท เครื่องปรุงทำน้ำจิ้ม 500 บาท ถุงใส่ลูกชิ้น 200 บาท อาจมีผักสดสัก 200 บาท รวมค่าใช้เบ็ดเสร็จไม่เกิน 2,000 บาท
ขายไม้ละ 10 บาท X 250 ไม้ = 2,500 บาท ขายสองรอบเช้าและเย็นเท่ากับได้เงิน 5,000 บาท แต่ถ้าขายไม่ได้ถึงวันละ 250 -500 ไม้ แต่ขายได้วันละ 100 -200 ไม้ ก็จะมีรายได้ต่อวัน 1,000 – 2,000 บาท หักลบรายจ่ายน่าจะพอเหลือเก็บได้
หรือถ้าบอกว่าลงทุนเองไม่มีประสบการณ์จะลองเลือกลงทุนแบบแฟรนไชส์ก็มีหลายแบรนด์ให้เลือกเช่น อู้ฟู่ ลูกชิ้นปลาเยาวราช , ไจแอ้นลูกชิ้นปลาระเบิดเถิดเทิง , ซูโม่ ลูกชิ้นปลาระเบิด 1 บาท โดยแฟรนไชส์เหล่านี้มีแพคเกจลงทุน มาพร้อมอุปกรณ์และวัตถุดิบให้พร้อมขายได้ทันที งบลงทุนเริ่มต้นประมาณ 2,000 บาท ก็เปิดร้านขายได้
2.ขายหมูปิ้ง / เนื้อปิ้ง / ไก่ย่าง
ภาพจาก facebook.com/torbeefgrill/
น่าจะเป็นการลงทุนที่ง่ายและไม่ยุ่งยากอุปกรณ์ในการขายหลักๆคือ เตาย่าง , โต๊ะวางหรือรถเข็น จุดเด่นคือใช้พื้นที่น้อยโต๊ะตัวเดียวก็เพียงพอเปิดร้านได้ ทำเลก็ทั่วไปทั้งหน้าบ้านตัวเอง ตลาดนัด ป้ายรถเมล์ ริมถนนต่างๆ ต้นทุนอุปกรณ์เบื้องต้นเช่น หม้อนึ่งข้าวเหนียวราคาประมาณ 120-200 บาท หวดนึ่งข้าวเหนียวราคาประมาณ 20-100บาท แล้วแต่ขนาดและรุ่น กระติกเก็บข้าวเหนียว และอุปกรณ์การขายทั่วไป หรือจะให้ง่ายกว่านี้ก็สามารถเลือกลงทุนรูปแบบแฟรนไชส์ได้
ภาพจาก facebook.com/SorExpress/
ยกตัวอย่าง ต.เนื้อย่าง ที่ลงทุนแค่ 3,000 บาท ได้อุปกรณ์เนื้อพร้อมย่างกว่า 500 ไม้ ขายไม้ละ 10 บาท ขายวัตถุดิบชุดนี้หมด กำไรทันที 2,000 บาท หรือจะเลือกลงทุน แฟรนไชส์ดือจุ่นหมุนไก่ บาย ส.โภชนา ที่ตอนนี้มีโปรโมชั่น ค่าแฟรนไชส์เพียง 3,900 บาท ได้อุปกรณ์และวัตถุดิบพร้อมนำไปปิ้งขายได้ทันที
3.ขายหมูสะเต๊ะ
หมูสะเต๊ะ อาหารยอดฮิตกินง่าย ซื้อง่าย และซื้อกันทีละหลายๆไม้ การลงทุนหลักหลักๆ คือเตาปิ้งย่างตัวละประมาณ 300-400 บาท เนื้อหมู กิโลกรัมละประมาณ 150-200 บาท กะทิ ผงกระหรี่ แตงกวา พริก ถั่วลิสง รวมต้นทุนและอุปกรณ์เบื้องต้นประมาณ 1,000 – 2,000 บาท (ขึ้นอยู่กับราคาวัตถุดิบขณะนั้น) ราคาขายของหมูสะเต๊ะมักขายเป็นชุดชุดละ 30-35 บาท กำไรโดยเฉลี่ยประมาณ 50% จากยอดขาย ขึ้นอยู่กับทำเลและความอร่อยเป็นสำคัญ
4.กล้วยทอด/มันทอด / ถั่วทอด / ข้าวโพดต้ม
อาหารทานเล่นอย่างกล้วยทอด มันทอด ถั่วทอด ข้าวโพดต้ม เป็นสตรีทฟู้ดส์ที่หากินได้ง่าย ทำไม่ยาก อย่างข้าวโพดต้มมีให้เลือกตั้งแต่ฝักละ 10 บาทหรือขายเป็นกองละ 3 ฝัก (กองละ 20 บาท) หรือจะเป็นถั่วทอดที่เป็นอาหารกินเล่นทานเล่นได้อย่างเพลินๆ หรือแม้แต่กล้วยทอดก็ขายดีไม่แพ้กันที่สำคัญมีหลายแฟรนไชส์ให้เลือกลงทุนเปิดร้านขายได้ ถ้าเรามีงบในการลงทุนไม่เกิน 5,000 บาท ถือว่าเริ่มต้นได้ทันที อาจจะเริ่มจากร้านขนาดเล็ก อุปกรณ์ไม่ต้องเยอะ เอาจากในครัวมาใช้ได้ วัตถุดิบอย่าลงทุนมาก เปิดร้านให้มีลูกค้ารู้จักและค่อยๆ นำกำไรที่ได้มาพัฒนาขยายร้านต่อไป
5.ร้านข้าวไข่เจียว
ยุคนี้คนส่วนใหญ่เน้นประหยัด เน้นง่าย กินให้อิ่ม กินให้ง่าย ไม่ต้องจ่ายแพง ซึ่งร้านข้าวไข่เจียวตอบโจทย์ชัดเจนอุปกรณ์ก็ไม่มากโต๊ะ 1 ตัว เตาแก๊ส จาน (แบบใช้แล้วทิ้ง) วัตถุดิบสำหรับผสมไข่เจียว (หมูบด , ปูอัด , หมูยอ ฯลฯ) และข้าว กับไข่ ข้าว 1 ถังเอาแบบดีราคา ถังละ 450-500 บาท หุงได้หลายรอบ ไข่เบอร์ 2 แผงละ 105-110 บาท (30ใบ) ต้นทุนเบ็ดเสร็จพร้อมเปิดร้านประมาณ 2,000 – 3,000 ขายข้าวไข่เจียวจานละ 20-25 บาท แค่ 100 จานก็ได้เงิน 2,500 บาท
ซึ่งอาจจะไม่ได้คืนทุนในทีเดียว แต่ใช้เวลาในการคืนทุนไม่นาน และหากขายดีมีลูกค้ามากๆ อาจเพิ่มเมนูให้หลากหลาย หรืออาจเพิ่มช่องทางการขายแบบเดลิเวอรี่ ก็จะทำให้มีรายได้มากขึ้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับรสชาติอาหาร คุณภาพในการบริการเป็นสำคัญด้วย
6.ขายแซนด์วิช
แซนด์วิชทำง่ายและใส่ไอเดียในสินค้าได้มาก ที่สำคัญต้นทุนไม่สูงเทคนิคสำคัญคือต้องตั้งราคาขายคำนวณ ให้มากกว่าต้นทุนประมาณชิ้นละ 5-10 บาท สมมติเราขายแซนด์วิชชิ้นละ 25 บาท วันหนึ่งขายเฉพาะช่วงเช้าได้วันละ 50 – 100 ชิ้น ก็ได้เงินแล้ว 1,000 – 2,000 บาท หักต้นทุนออกไปแม้กำไรอาจจะไม่มาก แต่ก็ได้เงินมาพอหมุนเวียน
และแซนด์วิชไม่จำเป็นต้องขายอยู่ที่ใดที่หนึ่ง โต๊ะตัวเดียว อุปกรณ์เล็กน้อย เคลื่อนที่ไปตามตลาดต่างๆ ได้ หรือจะเพิ่มช่องทางในตลาดออนไลน์ หลายคนที่เงินน้อยทุนน้อย และหันมาทำแซนด์วิชขาย ก็พลิกชีวิตให้มีรายได้กลับมามีเงินเก็บได้อีกครั้ง
7.เปิดท้ายขายของ
ถ้าตกงาน ไม่มีเงินทุน แต่ถ้ามีรถกระบะสักคันก็อาจนำมาใช้หารายได้ด้วยการเปิดท้ายขายของ ซึ่งต้องไปติดต่อเจ้าของตลาดนัด หรือทำเลที่เปิดให้มีการเปิดท้ายขายของ หรือจะเลือกเปิดท้ายขายของริมทาง หน้าโรงเรียน โรงงาน ตามย่านชุมชนต่างๆ และสินค้าที่จะนำมาขาย ก็ขึ้นอยู่กับเราเอง ว่าจะหาแบบประหยัดต้นทุนได้แค่ไหน บางคนเอาของเหลือใช้หรือไม่ได้ใช้ เช่นเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า มาวางขาย
ซึ่งบางคนอาจมีแหล่งสินค้าราคาไม่แพง ลงทุนไม่เกิน 5,000 บาท จะทำให้ได้สินค้าที่หลากหลายและน่าสนใจมากขึ้น รายได้ของการเปิดท้ายขึ้นอยู่กับวิธีการขาย ทำเลในการขาย สินค้าที่ขาย ในช่วงแรกอาจมีรายได้ไม่มากนัก แต่หากขยันและอดทนทำต่อเนื่องจะพบช่องทางการขายที่เปิดกว้างและรายได้จะเพิ่มมากขึ้นด้วย
8. Dropship
ภาพจาก https://bit.ly/3LfzcaF
วิธีขายของออนไลน์ทั่วไปมี 2 แบบคือ Pre-order กับ Dropship รูปแบบของ Dropship คือเราเป็นตัวกลางในการติดต่อลูกค้าให้กับผู้ผลิตเมื่อมีการออร์เดอร์สินค้ามีการชำระเงินเรียบร้อยทางผู้ผลิตจะจัดส่งสินค้าในนามของเราไปยังลูกค้า เบื้องต้นคือสามารถลงทุนทำได้แบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไร เพียงแต่ต้องติดต่อหาผู้ผลิต ซึ่งปัจจุบันก็มีเว็บไซต์มากมายที่ให้เราเข้าไปเป็นสมาชิกและสามารถขายของในระบบ Dropship นี้ได้ รายได้จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ในการขายของเราเป็นสำคัญ
9.สมัครเป็นตัวแทนขายประกัน
ภาพจาก freepik.com
การขายประกันในยุคนี้อาจจะง่ายขึ้น เนื่องจากการแพร่ระบาดโควิด 19 ทำให้คนส่วนใหญ่มองหาหลักประกันให้ตัวเองในอนาคต แม้จะมีข่าวเกี่ยวกับการเคลมประกันที่อาจทำให้ขายได้ยากขึ้น แต่งานขายที่แท้จริง ก่อนลงพื้นที่ขาย ตัวแทนจะได้รับการฝึกอบรม มีการสอบขอใบอนุญาต มีการเทรนด์งานสอนงานจากหัวหน้างาน และทุกวันนี้ทุกบริษัทมีระบบการขายที่อำนวยความสะดวกให้ตัวแทนมากขึ้น
ผลตอบแทนของการลงทุนในอาชีพนี้อาจไม่ได้มากมายทันที ต้องอาศัยเวลาในการหาลูกค้า แต่ถ้าเริ่มมีลูกค้าสัก 3-4 คน และเราให้บริการที่ดี จนลูกค้าประทับใจ นำไปบอกต่อเพื่อนหรือญาติ จะทำให้เราเริ่มมีฐานลูกค้าในมือมากขึ้น ขยายลูกค้าออกไปได้เรื่อยๆ รายได้ก็จะเริ่มมากขึ้น ก็ขึ้นอยู่กับความขยัน อดทน และตั้งใจทำจริงเป็นสำคัญด้วย
10.ทำงานฝีมือ/แฮนเมดด์
งานประดิษฐ์ งานศิลปะ งานแฮนด์เมด คือทางเลือกสำหรับคนที่มีพรสวรรค์ด้านนี้ คนตกงานหรือไม่มีงานทำ แต่บางคนอาจมีฝีมือ มีไอเดีย หรือบางคนอาจมีประสการณ์จากที่เคยทำงานเกี่ยวข้องมาก่อน เช่นเคยอยู่โรงพิมพ์ เคยอยู่บริษัททำเสื้อยืด เคยเป็นกราฟฟิคดีไซน์ ก็อาจนำความรู้เหล่านี้เลือกที่จะออกมาทำงานฝีมือเป็นแบรนด์ตัวเอง
เดี๋ยวนี้ช่องทางตลาดก็ง่ายด้วยรูปแบบออนไลน์หรือฝากขายตามร้านของที่ระลึก เงินทุนไม่เกิน 5,000 บาทสามารถนำมาใช้เป็นค่าอุปกรณ์เบื้องต้นทั่วไป ยิ่งถ้าเป็นงานที่ไอเดียดี อาจจะขายให้กับชาวต่างชาติได้ รายได้ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือ ส่วนต้นทุนก็แล้วแต่การเลือกวัสดุอุปกรณ์บางคนใช้ของเหลือใช้จากสิ่งไม่มีมูลค่ากลับมามีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้อีกหลายเท่าตัว
ในการเริ่มต้นแบบคนงบน้อย ทุนน้อย ถ้าจะให้ประสบความสำเร็จยิ่งต้องใช้ไอเดียให้มาก มีตัวอย่างของคนที่ประสบความสำเร็จมากมาย บางคนเคยตกงาน ไม่มีเงินติดตัว แต่ไม่ย่อท้อ ไม่โทษโชคชะตา เดินหน้าสร้างเส้นทางลงทุนของตัวเองในแบบที่เป็นไปได้
ซึ่งอาจจะยากในการเริ่มต้น แต่ถ้าเริ่มทำได้ธุรกิจที่เราสร้างก็จะขับเคลื่อนตัวเองได้ และแม้ธุรกิจนั้นอาจไม่ได้ทำให้เรามีรายได้เป็นร้อยล้านพันล้าน แต่ถ้าทำให้เรามีรายได้แบบเหลือกินเหลือเก็บ ก็ถือเป็นการลงทุนที่เรียกว่าคุ้มค่าและประสบความสำเร็จได้
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/335phDi
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
อ้างอิงจาก https://bit.ly/3k4JKxg