จริงหรือ? แฟรนไชส์ลงทุนต่ำ ทำกำไรน้อยกว่า แฟรนไชส์ลงทุนสูง

หลายคนสงสัยว่า หากจะเลือกซื้อ แฟรนไชส์ลงทุนต่ำ ราคาหลักหมื่นบาท กับ ซื้อแฟรนไชส์ลงทุนสูง ราคาหลักล้านบาท แฟรนไชส์รูปแบบไหนจะทำยอดขายและรายได้ดีกว่ากัน ซึ่งแฟรนไชส์ทั้ง 2 รูปแบบมีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกัน มาดูกันว่าแฟรนไชส์ลงทุนต่ำ ที่ซื้อวัตถุดิบจากเจ้าของแฟรนไชส์มาทำขายต่อ กำไรจะน้อยกว่าแฟรนไชส์ลงทุนสูงจริงหรือไม่?

แฟรนไชส์ลงทุนต่ำ

แฟรนไชส์ลงทุนต่ำ

แฟรนไชส์ประเภท Product Franchise ผู้ซื้อแฟรนไชส์จ่ายค่าแฟรนไชส์ครั้งเดียวจบ ไม่ต้องมีค่า Royalty Fee และ Marketing Fee เหมือนแฟรนไชส์ลงทุนสูงส่วนใหญ่เป็น Business Format Franchise แต่ผู้ซื้อแฟรนไชส์จะต้องซื้อวัตถุดิบบางรายการจากเจ้าของแบรนด์แฟรนไชส์ เพื่อรักษาคุณภาพให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกสาขา

แฟรนไชส์ลงทุนจะมีข้อดี คือ ใช้เวลาเปิดร้านได้เร็ว ทำการขายได้หลากหลายทำเล ทั้งนอกห้าง ในห้าง ไม่ว่าจะเป็นตลาดนัด หน้าหมู่บ้าน โรงเรียน โรงงาน ย่านออฟฟิศ และอื่นๆ ที่สำคัญคินทุนเร็วอีกต่างหาก

ยกตัวอย่าง….แฟรนไชส์

ไจแอ้น ลูกชิ้นปลากระเบิด

แฟรนไชส์ลงทุนต่ำ

แฟรนไชส์สตรีทฟู้ดสร้างอาชีพที่กำลังมาแรงแห่งยุค ไจแอ้น ลูกชิ้นปลาระเบิด เป็นธุรกิจแฟรนไชส์จำหน่ายลูกชิ้นปลาระเบิด ลูกชิ้นกุ้งระเบิด หมึกระเบิด กุ้งเส้น ปลาเส้น ปลาแผ่นกรอบ มีชุดแฟรนไชส์ให้เลือกลงทุน 13 แพ็คเกจ ทุกแพ็คเกจมีสินค้าและอุปกรณ์ให้ครบพร้อมขายได้ทันที ตั้งแต่ราคา 3,000-149,990 บาท

สมมติว่า..ซื้อแพ็คเกจที่ 12 ชุดซุ้มไจแอ้น พลัส+ ขนาด 3×2.5 เมตร ซุ้มขายลูกชิ้นแบบจัดเต็ม โดดเด่น สวยงาม ขายได้ทุกทำเลห้างสรรพสินค้า อาคาร สำนักงาน โรงพยาบาล จะได้รับสินค้าและอุปกรณ์ทุกอย่างในการทำธุรกิจ รวมถึงการดีลธุรกิจกับทางพาร์ทเนอร์ต่างๆ ของทางไจแอ้น ราคาเริ่มต้น 149,990 บาท

มาดูว่าซื้อแฟรนไชส์ไจแอ้นลูกชิ้นปลาระเบิด มีกำไรมากแค่ไหน?

#ต้นทุน ต่อ 1 กิโลกรัม

  • ลูกชิ้น 60 บาท (60 ลูก)
  • น้ำจิ้ม 20 บาท
  • ถ้วย 17 บาท
  • ค่าน้ำมัน แก๊ส ไม้จิ้ม 23 บาท
  • รวมต้นทุน 120 บาท

ปกติขาย 1 กิโลกรัม มีรายได้ 330 บาท หักต้นทุน 120 บาท = กำไรสุทธิ 210 บาท

สมมติเราขายได้ 5 กิโลกรัมต่อวัน จะมีรายได้ 330×5 = 1,650 บาท

  • ต้นทุน 120×5 = 600 บาท
  • กำไร 1,650 – 600 = 1,050 บาทต่อวัน
  • กำไรต่อเดือน 31,500 บาท (ยังไม่หักค่าแรง)

นั่นเท่ากับว่า ถ้าเราเปิดร้านแฟรนไชส์ไจแอ้น ชุดชุ้มไจแอ้น พลัส+ ขนาด 3×2.5 เมตร ซุ้มขายลูกชิ้นแบบจัดเต็ม โดดเด่น สวยงาม ราคา 149,990 บาท จะคืนทุนภายในราวๆ 5-6 (ขึ้นอยู่กับยอดขายและทำเลที่ตั้ง)


แฟรนไชส์ลงทุนสูง

แฟรนไชส์ลงทุนต่ำ

แฟรนไชส์ลงทุนสูงเป็นรูปแบบของการขาย “ระบบ” เป็น Business Format Franchise ขายความสำเร็จ หรือ Know-how ของธุรกิจ มีระบบสนับสนุนต่างๆ ให้แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ตลอดอายุสัญญาแฟรนไชส์ พร้อมจัดทำคู่มือปฏิบัติงานให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์ทำตามอย่างเคร่งครัด แฟรนไชส์ลงทุนสูงสวนใหญ่จะใช้เงินลงทุนหลักล้านบาทขึ้นไป ระยะเวลาคืนทุนส่วนใหญ่ 2-5 ปี แล้วแต่ยอดขายและรายได้

ยกตัวอย่างแฟรนไชส์ลงทุนสูงที่ได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงในไทย ได้แก่ เชสเตอร์ , คาเฟ่ อเมซอน, อินทนิล, กาแฟพันธุ์ไทย, 7-Eleven, Tops daily ฯลฯ โดยแฟรนไชส์เหลานี้จะใช้เงินลงทุนออกแบบก่อสร้างร้านและวางระบบหลักล้านบาทขึ้น ไม่รวมค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ (Franchise Fee)

มาดูค่าใช้จ่ายในการลงทุนแฟรนไชส์ รวมถึงรายได้และกำไรของแฟรนไชส์ลงทุนสูง จะขอยกตัวอย่างแฟรนไชส์ 7-Eleven ซึ่งมีรูปแบบการลงทุน 2 โมเดล คือ

แฟรนไชส์ลงทุนต่ำ

รูปแบบที่ 1

  • เงินลงทุน 4.8 แสนบาท
  • เงินประกัน 1 ล้านบาท
  • รวมแล้วต้องมีเงินให้กับทาง 7-Eleven ประมาณ 1.48 ล้านบาท อายุสัญญา 6 ปี

ผู้ซื้อแฟรนไชส์จะเข้าไปเป็นผู้จัดการร้าน มีเงินเดือน 29,000 บาท ต้องบริหารค่าใช้จ่ายให้ได้ตามงบ ย้ำว่าค่าใช้จ่ายนะครับไม่ใช่ยอดขาย ค่าใช้จ่ายก็มี ค่าจ้างพนักงาน ค่าน้ำค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์หลัก ถ้าบริหารแล้วได้ตามเป้างบค่าใช้จ่าย จะมีปันผลแบ่งยอดกำไรจากการขายให้ 20-30% ในส่วนที่มียอดขายเกินเป้า

แฟรนไชส์ลงทุนต่ำ

รูปแบบที่ 2

  • เงินลงทุน 1.73 ล้านบาท
  • เงินประกัน 9 แสนบาท
  • รวมแล้วต้องมีเงินให้กับทาง 7-Eleven 2.63 ล้านบาท อายุสัญญา 10 ปี

ผู้ซื้อแฟรนไชส์จะได้ส่วนแบ่งจากกำไร 54% (ยังไม่ได้หักค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าจ้างพนักงาน และอื่นๆ ในร้าน)

แฟรนไชส์ลงทุนต่ำ

รายได้ของ 7-Eleven แต่ละสาขาเป็นเท่าไหร่?

  • 7-Eleven มีจำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อวันเฉลี่ย 916 คน
  • ยอดซื้อต่อบิล 84 บาท
  • ยอดขายเฉลี่ย 76,582 บาทต่อสาขาต่อวัน
  • หากคิดเป็นรายเดือนจะอยู่ที่ 2,297,460 บาท
  • กำไรของธุรกิจค้าปลีกประมาณการคร่าวๆ อยู่ที่ 15%

เมื่อนำยอดขายมาหัก 15% ออกก็จะเหลือรายได้ 344,619 บาท/เดือน/สาขา (ยังไม่หักค่าจ้างพนักงาน และค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ)

แฟรนไชส์ลงทุนต่ำ

ค่าใช้จ่ายในร้านมีอะไรบ้าง?

  • ค่าจ้างพนักงาน 6 คน 72,000 บาท/เดือน
  • ค่าน้ำ+ค่าไฟ 50,000 บาท/เดือน
  • สินค้าหมดอายุ+อุปกรณ์ต่างๆ ชำรุด 20,000 บาท/เดือน
  • รวมค่าใช้จ่ายในร้านเฉลี่ย 142,000 บาท/เดือน
  • มาดูรายได้กัน 344,619 – 142,000 = 202,619 บาท
  • นำมาหักส่วนแบ่งที่เราจะมีรายได้ 54% = 109,414 บาท/เดือน

แต่อย่าลืมหักค่าแรงตัวเองด้วย ถ้าคิดค่าแรง 50,000 ก็จะเหลือกำไร 109,414 – 50,000 = 59,414 บาท/เดือน
ในส่วนของ ค่าเช่าตึก + ค่าเช่าที่ดิน ซึ่งบางสาขาเราจะเห็นเป็นลานจอดรถกว้างมาก ทางซีพีออลล์จะเป็นผู้รับชอบค่าใช้จ่ายในส่วนตรงนี้ทั้งหมด รวมถึงรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ขายของ ค่าติดตั้งตู้ ATM และอื่นๆ ก็จะเป็นของซีพีออลล์

สรุปก็คือ แฟรนไชส์ลงทุนต่ำ กับ แฟรนไชส์ลงทุนสูง ถ้าพูดในแง่ของรายได้คงต้องยอมรับว่าแฟรนไชส์ลงทุนสูงจะมีรายได้มากกว่าแฟรนไชส์ลงทุนต่ำเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เพราะแฟรนไชส์ลงทุนสูงเขาขายระบบที่สำเร็จมาแล้ว มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายชัดเจน ทำเลเปิดร้านต้องเป๊ะจริงๆ ถึงจะเปิดร้านได้ เรื่องของรายได้ไม่ขาดไม่เกินที่เขาการันตีมากนัก

ส่วนแฟรนไชส์ลงทุนต่ำจะมีข้อดีตรงที่ใช้เงินลงทุนน้อย คืนทุนเร็ว แต่เรื่องของรายได้จะได้น้อยกว่าแฟรนไชส์ลงทุนสูง เพราะแฟรนไชส์ลงทุนต่ำเป็นลักษณะซื้อวัตถุดิบจากเจ้าของแฟรนไชส์มาผลิตสินค้าขายเท่านั้นเอง ถ้าต้นทุนวัตถุดิบสูงก็ได้กำไรน้อย แต่จะมีความเสี่ยงต่ำน้อยกว่าแฟรนไชส์ลงทุนสูง เรื่องของรายได้ถ้าอยากขายได้มากต้องอยู่ทำเลที่ดีด้วย

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช