คนขายหน้าตาดีปิดการขายมากขึ้น 14% จิตวิทยาหลอกสมองไม่เหลือ!
“หน้าตาดีมีชัยไปกว่าครึ่ง” เราได้ยินคนพูดคำนี้กันอย่างคุ้นหู คำถามคือแล้วมันเป็นอย่างนั้นจริงไหม? ทำไมถึงมองว่าคนหน้าตาดี มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า?
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่า เราทุกคนบนโลกล้วนตกอยู่ใต้กฎของ Halo Effect หรือการโดนดึงดูดต่อคนที่มีรูปร่าง หน้าตาที่ดี โดยทำให้มองข้ามจุดด้อยอื่นๆของคนๆนั้นไป
ถ้ายังมองไม่เห็นภาพลองดูตัวเลขนี้ประกอบ
- 84% ของผู้หญิงต้องการคู่ครองที่มีรูปร่างหน้าตาดี
- 92% ของผู้ชายที่ต้องการคู่ครองที่มีรูปร่างหน้าตาดีเช่นกัน
- 54% ผู้หญิงที่มีรูปร่างสวย หน้าตาดี มีโอกาสได้รับการติดต่อกลับจากการสมัครงาน
- 47% ผู้ชายที่มีรูปร่างดี หน้าตาดี มีโอกาสได้รับการติดต่อกลับจากการสมัครงาน
ดังนั้นคำว่าหน้าตาดีมีชัยไปกว่าครึ่งแม้ใครจะแย้งยังไงเรื่องนี้ก็ยังจริงเสมอ อย่าโลกสวยว่ายุคนี้เขามองกันที่ความสามารถ ถึงแม้เรื่องนั้นจะจริงเช่นกัน แต่ถ้าให้เลือกว่าระหว่างคนสวยแต่เรียนไม่เก่ง กับคนเรียนเก่งแต่ไม่สวย ตัดสินกันแบบไม่ต้องมองลึกถึงรายละเอียด แว๊บแรกคนส่วนใหญ่ก็ต้องชอบคนสวยมากกว่า
ซึ่งหลักการนี้ก็นำมาใช้ได้จริงในการทำธุรกิจ หากสังเกตให้ดีพ่อค้าแม่ค้าเดี๋ยวนี้ไม่ได้แต่งตัวโทรมไปขายของ ถ้าเป็นผู้หญิงต้องแต่งหน้าให้สวยงาม เสื้อผ้านี่ก็ต้องเลือกชุดที่ใส่แล้วดูดี ที่ผ่านมาเราก็เคยเห็นกระแสที่เป็นไวรัลของแม่ค้าหน้าตาดีที่คนแห่กันเข้าคิวซื้อของกันยาวเหยียด หรือแม้แต่ผู้ชายหล่อๆ มาขายของก็เป็นที่ถูกใจของลูกค้าสาวเล็กสาวน้อยทั้งหลายด้วยเช่นกัน
อธิบายตามหลักของ Halo Effect นั่นเพราะสมองของเรากำลังรับข้อมูลเกี่ยวกับ หน้าตาของคนขาย, เสื้อผ้า, สถานที่, รายละเอียดมากมายเกี่ยวกับสินค้า และข้อมูลอื่น ๆ ไปพร้อม ๆ กัน และเพื่อลดขั้นตอนการประมวลผล สมองของเราเลยสั่งการให้เราจดจำแต่ลักษณะที่โดดเด่นของสิ่งนั้น ๆ ก่อน
ทำให้ข้อมูลเพียงแค่ว่า “คนขายหน้าตาดี” ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้สมองของเรา เกิดความลำเอียงไปด้วยว่า “สินค้าต้องมีคุณภาพ” จนหลวมตัวซื้อสินค้าได้ง่าย ๆ เพราะมีความหน้าตาดีของคนขายมาอยู่ในสมการประมวลผลตั้งแต่แรก
อิทธิพลของความที่หน้าตาดีมีผลการวิจัยที่ระบุว่าสามารถปิดการขายได้มากกว่าถึง 14% และมีโอกาสที่ลูกค้าจะเปิดใจมาคุยด้วยมากกว่าคนที่แต่งตัวธรรมดาถึง 600% ซึ่งเรื่องนี้ก็ไปสอดคล้องกับธุรกิจอย่างร้านค้า ร้านอาหารที่นิยมหาพนักงานสวย หล่อ แต่งตัวดี มาให้บริการลูกค้า เหตุผลก็เพราะ
- ช่วยสร้าง first impression ให้ลูกค้าได้
- ช่วยลดโอกาสการปฏิเสธการขายได้มากกว่า
- ช่วยเพิ่ม loyalty customer ที่ทำให้เกิดความเชื่อมั่นแนะนำให้ผู้อื่นมาซื้อหรือใช้บริการด้วย
และไม่ใช่แค่เรื่องคนขายที่หน้าตาดีอันที่จริงเรื่องความสวยความงามที่มีผลต่อยอดขายนี้ก็เอาไปใช้กับการออกแบบสินค้าและบรรจุภัณฑ์ อันไหนสวยกว่าคนสนใจก็เยอะกว่าด้วยเช่นกัน มีข้อมูลที่น่าสนใจระบุว่า
- 65% คือลูกค้าที่ตัดสินใจซื้อสินค้าครั้งแรกจากแพ็กเกจจิ้ง
- 55% คือลูกค้าเดิมที่ซื้อสินค้าซ้ำเพราะประทับใจในแพ็กเกจจิ้ง
- 50% คือลูกค้าที่เปลี่ยนแบรนด์ เพราะไม่ประทับใจในแพ็กเกจจิ้ง
แต่ถึงแม้ว่าเรื่องหน้าตาดีจะเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การขายที่ช่วยเพิ่มยอดขายได้ แต่เคล็ดลับที่แท้จริงไม่ได้อยู่ตรงนั้นทั้งหมด รูปลักษณ์ภายนอกสินค้า หรือหน้าตาคนขาย อาจมีอิทธิพลในช่วงแรก แต่ถ้าสินค้าหรือบริการที่ได้รับไปไม่เป็นที่ประทับใจ
หรือบางทีสวยแต่รูปจูบไม่หอม แทนที่ธุรกิจจะเติบโตก็อาจกลายเป็นหยุดชะงัก ยิ่งยุคนี้คนส่วนใหญ่จะตัดสินใจซื้อสินค้าอะไรมองที่ความคุ้มค่าเป็นหลัก บางทีสินค้าหรือคนขายที่หน้าตาดี ก็ยังไม่ดีเท่าสินค้าที่ราคาถูกใจ ดังนั้นการตลาดไม่ว่ายุคไหนหน้าตาดีอย่างเดียว ทำกำไรยาวๆไม่ได้แน่นอน
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
อ้างอิงจาก คลิกที่นี่
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)