การลงทุนใน Private Fund ตอบโจทย์การลงทุนแบบไหน ?
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการจัดการสินทรัพย์ให้เติบโตในระยะยาว การเลือกโครงสร้างการลงทุนที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ Private Fund หรือกองทุนส่วนบุคคลเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องการบริหารพอร์ตแบบเฉพาะตัว ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมกับเป้าหมายทางการเงิน และต้องการควบคุมการลงทุนในระดับที่กองทุนรวมทั่วไปอาจให้ไม่ได้
Private Fund คืออะไร?
Private Fund เป็นกองทุนที่บริหารโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) หรือ Wealth Management Firm โดยออกแบบมาให้เหมาะกับนักลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth Individuals) หรือองค์กรที่มีเงินลงทุนสูง ต่างจากกองทุนรวมที่นักลงทุนจำนวนมากเข้ามาลงทุนรวมกัน Private Fund ถูกออกแบบให้เป็น “Tailor-Made Portfolio” ที่สามารถเลือกสินทรัพย์ลงทุนให้เหมาะกับความเสี่ยงและเป้าหมายของนักลงทุนรายนั้น ๆ
Private Fund เหมาะกับใคร?
Private Fund ไม่ใช่กองทุนสำหรับนักลงทุนทั่วไป เนื่องจากมีข้อกำหนดด้านเงินลงทุนขั้นต่ำค่อนข้างสูง โดยทั่วไปแล้วจะเริ่มต้นที่หลักสิบล้านบาทขึ้นไป นักลงทุนที่เหมาะกับ Private Fund ได้แก่
1. นักลงทุนที่ต้องการการบริหารพอร์ตที่เฉพาะตัว
- Private Fund แตกต่างจากกองทุนรวมตรงที่สามารถออกแบบกลยุทธ์ให้ตรงกับเป้าหมายของนักลงทุนได้ เช่น ต้องการเน้นลงทุนในตราสารหนี้ หุ้น หรือสินทรัพย์ทางเลือก (Alternative Investments) เช่น Private Equity หรือ REITs ก็สามารถทำได้
- สามารถกำหนดสัดส่วนการลงทุนตามความเสี่ยงที่รับได้ เช่น ปรับพอร์ตให้ Defensive มากขึ้นในช่วงตลาดขาลง หรือเลือกลงทุนในธีมที่มีแนวโน้มเติบโตสูงในระยะยาว
2. นักลงทุนที่ต้องการที่ปรึกษาการลงทุนระดับมืออาชีพ
- การลงทุนใน Private Fund ให้โอกาสเข้าถึงทีมผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญในการเลือกสินทรัพย์และกระจายความเสี่ยง
- ต่างจากการซื้อหุ้นรายตัวหรือการลงทุนผ่าน Robo-Advisor ตรงที่นักลงทุนสามารถพูดคุยกับผู้จัดการกองทุนเพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุนได้ตามสภาพตลาด
3. นักลงทุนที่มีเป้าหมายทางการเงินระยะยาว
- Private Fund เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการบริหารความมั่งคั่งในระยะยาว เช่น การสร้างพอร์ตเพื่อการเกษียณ การส่งต่อมรดก หรือการเติบโตของธุรกิจครอบครัว
- การลงทุนใน Private Fund สามารถผสมสินทรัพย์หลายประเภทเพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ทางการเงินในแต่ละช่วงชีวิต
ข้อควรพิจารณาก่อนลงทุนใน Private Fund
แม้ว่าการลงทุนใน Private Fund จะให้ความยืดหยุ่นและมีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูง แต่ก็มีปัจจัยที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจลงทุน ได้แก่
1. ค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการ
- Private Fund มีค่าธรรมเนียมการบริหารที่สูงกว่ากองทุนรวม เนื่องจากต้องใช้ทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาดูแลพอร์ตโดยตรง
- อาจมีค่าธรรมเนียมผลตอบแทน (Performance Fee) ที่เรียกเก็บเมื่อพอร์ตทำกำไรได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่กำหนด
2. สภาพคล่องของการลงทุน
- บาง Private Fund อาจมีข้อจำกัดด้านการไถ่ถอน ซึ่งแตกต่างจากกองทุนรวมที่สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ
- เหมาะกับนักลงทุนที่สามารถถือครองสินทรัพย์ในระยะยาวโดยไม่ต้องการสภาพคล่องสูง
3. ความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของผู้บริหารกองทุน
- นักลงทุนควรเลือกลงทุนกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
- ศึกษาประวัติของผู้จัดการกองทุน รวมถึงกลยุทธ์การลงทุนที่ผ่านมาเพื่อมั่นใจว่ามีความสามารถในการบริหารสินทรัพย์
Private Fund เป็นเครื่องมือการลงทุนที่ตอบโจทย์นักลงทุนรายใหญ่ที่ต้องการการบริหารพอร์ตแบบเฉพาะตัว มีความยืดหยุ่นสูง และได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต้องพิจารณาปัจจัยด้านค่าธรรมเนียม ความเสี่ยง และสภาพคล่องของการลงทุนให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ Private Fund จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการบริหารความมั่งคั่งอย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว