Swensen’s แฟรนไชส์ไอศกรีมอเมริกา ตายในบ้านเกิด แต่ดันเกิดในไทย

ถ้าพูดถึงร้านไอศกรีม Swensen’s เชื่อว่าคงไม่มีผู้บริโภคชาวไทยที่ไม่รู้จัก แต่หลายๆ คนอาจไม่รู้ว่า Swensen’s เป็นแฟรนไชส์ร้านไอศกรีมที่มีต้นดำเนิดจากสหรัฐอเมริกา เติบโตจากร้านเล็กๆ หัวมุมถนน จนขยายสาขาแฟรนไชส์ได้มากถึง 400 สาขาในปี 1980

มาในวันนี้รู้หรือไม่ว่าร้านไอศกรีม Swensen’s ในสหรัฐอเมริกา กำลังจะตายไปจากประเทศบ้านเกิด แทบไม่มีให้เห็นอีกแล้ว เหลือเพียงแค่สาขาเดียวในเมืองซานฟรานซิสโกเท่านั้น แต่ในประเทศไทย แฟรนไชส์ไอศกรีม Swensen’s ดันมาประสบความสำเร็จและเติบโตต่อเนื่อง ปัจจุบันมีจำนวน 351 สาขา

ปัจจัยอะไรทำให้ Swensen’s แฟรนไชส์ไอศกรีมอเมริกา ประสบความสำเร็จและเติบโตในไทย แต่กำลังจะตายในประเทศบ้านเกิด

จุดเริ่มต้น Swensen’s

ภาพจาก https://bit.ly/41Usdyl

Swensen’s ก่อตั้งเมื่อปี 1948 โดยคุณ Earl Swensen (เอิร์ล สเวนเซ่น) อดีตทหารเรืออเมริกัน ที่ได้ทดลองทำไอศกรีมสมัยรับราชการประจำการบนเรือช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

Swensen’s สาขาแรกตั้งอยู่ที่เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นร้านไอศกรีมแบบ Homemade ทำให้เป็นร้านไอศกรีมที่เรียกว่าแตกต่างจากร้านไอศกรีมทั่วไปในอเมริกาก็ว่าได้

Swensen’s สาขาแรกแห่งนี้ ไม่มีโต๊ะให้นั่งทานในร้าน เป็นร้านเล็กๆ ตั้งอยู่ในตึกหัวมุมของถนน Union และ Hyde Streets ใกล้กับเส้นทางรถรางในย่าน Russian Hill ลูกค้าต้องยืนกินข้างนอก หรือหน้าร้านเท่านั้น บรรยากาศร้านสบายๆ กระทัดรัด ใครเดินผ่านก็อยากแวะ

เมนูหรือรสชาติโปรดของ Earl Swensen คือ วานิลลา แต่เขาสามารถคิดค้นและพัฒนารสชาติไอศกรีมได้มากกว่า 150 รสชาติ ภายใต้สโลแกน “Good as Father Used to Make” หรือ “อร่อยเหมือนที่พ่อเคยทำให้กิน” โดยมีเมนูที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ อาทิ ซันเดย์, บานาน่าสปิท, เอิร์ธเควก และสามทหารเสือ ฯลฯ

ภาพจาก https://swensensofsf.com

ปี 1963 Earl Swensen ได้ขยายสาขาในรูปแลลแฟรนไชส์และเปิดตลาดในหลายประเทศ ต่อมาในปี 1970 Earl Swensen ได้ขายกิจการร้านไอศกรีม Swensen’s ให้กับกลุ่มทุน International Franchise Corp (IFC) จากแคนาดา และได้มีการขยายสาขาไปทั่วโลก ส่วนสาขาแรกที่ซานฟรานซิสโกยังเป็นของ Earl Swensen เพียงผู้เดียว จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในปี 1994

ต่อมา Swensen’s สาขาแรกได้ถูกเปลี่ยนมือเป็นของ Campana จนกระทั่งเกิดการระบาดโควิด 19 ทำให้ต้องปิดร้านชั่วคราว บังเอิญว่าตอนนั้น Campana อายุมากแล้ว กลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถเปิดร้านได้อีก จึงได้ขายกิจร้าน Swensen’s ให้กับลูสาวและลูกเขยบริหารแทน หลังจากนั้นทั้ง 2 ปรับปรุงร้านให้ทันสมัยขึ้น รับบัตรเครดิต บริการเดลิเวอรี่ แต่ก็ยังรักษาสูตรไอศกรีมดั้งเดิมเอาไว้

Swensen’s ภายใต้การบริหารกลุ่มทุน International Franchise Corp (IFC) จากแคนาดา สามารถขยายสาขาไปได้มากกว่า 400 สาขาในปี 1980 สาขาส่วนใหญ่เป็นแฟรนไชส์ พอถึงช่วงปี 1990 ธุรกิจกลับซบเซา มีคู่แข่งขันเกิดขึ้นจำนวนมาก บวกกับเทรนด์ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ทำให้สาขา Swensen’s ลดลงเรื่อยๆ ก่อนจะปิดลงเหลือสาขาสุดท้ายในซานฟรานซิสโก

ปัจจัยทำให้ Swensen’s ปิดตัวลงในอเมริกา

ภาพจาก https://swensensofsf.com
  1. การแข่งขันที่รุนแรง ในสหรัฐฯ การแข่งขันในตลาดไอศกรีมมีความรุนแรง มีบรนด์ที่ได้รับความนิยมมากกว่า เช่น Ben & Jerry’s, Baskin-Robbins, Haagen-Dazs และอื่นๆ มีการนำเสนอเมนูหลากหลายและทันสมัยกว่า Swensen’s ทำให้ลูกค้าหันไปสนใจแบรนด์เหล่านี้มากกว่า
  2. แต่ละสาขาไม่มีความเป็นมาตฐาน เพราะ Swensen’s ขยายสาขาแฟรนไชส์อย่างรวดเร็วในช่วงปี 1980 อาจทำให้การควบคุมคุณภาพและมาตรฐานของแต่ละสาขาเป็นไปได้ยากขึ้น
  3. การเปลี่ยนแปลงในรสนิยม คนอเมริกาเริ่มเปลี่ยนแปลงรสนิยมในการเลือกทานไอศกรีม หันมาความสนใจไอศกรีมที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ, ไอศกรีมที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ไอศกรีมที่ไม่มีน้ำตาลหรือผลิตจากนมพืช (Plant-based) อาจทำให้ Swensen’s ปรับตัวไม่ได้
  4. ปัญหาทางธุรกิจและการบริหาร ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Swensen’s อาจประสบปัญหาด้านการบริหารธุรกิจ และการขยายตัวที่ไม่ยั่งยืนในสหรัฐอเมริกา ทำให้บริษัทต้องปรับโครงสร้างใหม่ และทำให้จำนวนสาขาลดลง
  5. มุ่งเน้นบุกตลาดต่างประเทศ ร้านไอศกรีม Swensen’s ได้รับความนิยมสูงในหลายประเทศ โดยเฉพาะในเอเชียอย่างไทย ดังนั้น การขยายสาขาในตลาดต่างประเทศ สามารถช่วยให้แบรนด์นี้อยู่รอดและเติบโต จึงทำให้ Swensen’s เน้นการขยายสาขาในต่างประเทศแทนที่จะขยายในสหรัฐฯ

Swensen’s ในประเทศไทย

แฟรนไชส์ไอศกรีมอเมริกา

Swensen’s เปิดสาขาแรกในไทยที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ปี 1986 ภายใต้บริษัท สเวนเซ่นส์ (ไทย) จำกัด ในเครือไมเนอร์ ฟู้ดส์ฯ โดยได้รับลิขสิทธิ์ดำเนินขยายตลาดอีก 32 ประเทศทั้งในเอเชีย และตะวันออกกลาง ปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 375 สาขา ใน 4 ประเทศ แบ่งเป็นไทย 351 สาขา อีก 24 สาขาอยู่ในต่างประเทศ ได้แก่ ลาว กัมพูชา เวียดนาม

ปัจจัยทำให้ Swensen’s ประสบความสำเร็จในไทย

แฟรนไชส์ไอศกรีมอเมริกา

  1. สร้างสรรค์เมนูแปลกใหม่ตอบโจทย์ผู้บริโภคท้องถิ่น เช่น ไอศกรีมรสทุเรียน ไอศกรีมข้าวเหนียวมะม่วง รวมถึงไอศกรีมไก่ทอดที่เคยสร้างกระแสในโลกออนไลน์
  2. เปิดให้บริการรูปแบบใหม่ๆ เช่น ร้านที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงที่สามย่านมิตรทาวน์ ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ตลอดเวลา
  3. สร้างปะสบการณ์ให้ลูกค้า Swensen’s เปิดร้านแบบ Dine-in หรือนั่งทานที่ร้าน มุ่งเน้นการบริการที่มีมาตรฐานเหมือนกันทุกสาขา รวมถึงไมเนอร์ฯ มีการปรับปรุงร้านใหม่ทุกๆ 5 ปี เพื่อสร้างสีสันและความตื่นเต้นให้กับลูกค้าเมื่อเข้าไปใช้บริการ
  4. ขายแฟรนไชส์ อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ Swensen’s ประสบความสำเร็จในประเทศไทย สาขาขยายสาขาได้เร็ว ปัจจุบันมีกว่า 351 สาขาทั่วประเทศ ทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ครอบคลุมทั่วประเทศ
  • ค่าแฟรนไชส์ 1.4 ล้านบาท
  • งบลงทุน 5.5-7 ล้านบาท
  • ระยะเวลาสัญญา 10 ปี
ภาพจาก www.facebook.com/weloveswensens

รายได้ Swensen’s

ผลประกอบการบริษัทสเวนเซ่นส์ (ไทย) จำกัด จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

  • ปี 2564 รายได้ 1,278 ล้านบาท กำไร 89.7 ล้านบาท
  • ปี 2565 รายได้ 1,830 ล้านบาท กำไร 209 ล้านบาท
  • ปี 2566 รายได้ 1,952 ล้านบาท กำไร 180 ล้านบาท

แฟรนไชส์ไอศกรีมอเมริกา

ถ้าเปรียบแฟรนไชส์ไอศกรีม Swensen’s ในสหรัฐอเมริกาที่ไม่ประสบความสำเร็จในบ้านเกิด ก็เหมือนกับ Sizzler แบรนด์สเต๊กสัญชาติอเมริกาที่ไม่ประสบความสำเร็จในบ้านเกิด และทั้ง 2 แบรนด์ต่างก็เป็นแบรนด์แฟรนไชส์ในเครือไมเนอร์ฯ เหมือนกันที่ประสบความสำเร็จในไทย แต่กำลังจะตายในประเทศบ้านเกิด

Sizzler เปิดสาขาแรกปี 1992 ที่สุขุมวิท 55 (ปิดให้บริการแล้ว) ปัจจุบันมี 75 สาขาใน 3 ประเทศ แบ่งเป็นไทย 65 สาขา ญี่ปุ่น 9 สาขา และเวียดนาม 1 สาขา ทั้ง 2 แบรนด์ตั้งเป้าขยายสาขาต่อเนื่อง โดย Swensen’s วางแผนเปิดสาขาปีละ 10 สาขา ส่วน Sizzler ปีละ 1-2 สาขา

แหล่งข้อมูล

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช