Multi-Lifestyle เทรนด์จัดเวลาชีวิต ปี 2025
เมื่อไหร่ก็ตามที่เริ่มต้นปีใหม่ เราก็มักจะคาดหวังว่าในปีนี้เราจะได้เจอสิ่งที่ดี อยากเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีกว่าเดิม มีการตั้งเป้าหมายว่าจะต้องทำสิ่งใดให้สำเร็จสักอย่าง
แต่หลายครั้งก็ไม่ต่างจากไฟไหม้ฟาง ความคิดที่ฮึกเฮิมก็ดับวูบในเวลาไม่นาน เหตุผลส่วนหนึ่งเป็นเพราะเราไม่หนักแน่นไม่มีความพยายาม รวมถึงการที่เราไม่รู้จักวิธี “จัดเวลาชีวิต” ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
พูดถึงคำว่า “จัดเวลาชีวิต” ไม่ว่าจะเป็น Gen ไหน ก็ต้องการเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองให้มีความสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว แต่กลับพบว่ามันยากเกินจะทำได้ สุดท้ายเราก็มักจะพบว่าชีวิตยังค้างอยู่ที่จุดเดิม และถ้าพูดถึงการจัดเวลาชีวิตแบบดั้งเดิมก็เริ่มจาก
- จัดตารางวันและเวลาในแต่ละวันให้เหมาะสม
- เรียงลำดับสิ่งที่ต้องทำตามความสำคัญ
- แบ่งเวลาในเรื่องของงานและเรื่องส่วนตัวให้ชัดเจน
- จัดการงานที่ยากให้เสร็จก่อน
- หาเวลาสำหรับการพักผ่อน
อย่างไรก็ดีวิธีจัดการเวลาชีวิตแบบเดิมๆ นี้ เอาจริงๆ คือไม่ค่อยได้ผลเท่าที่ควร ถ้าจะให้ได้ผลดีมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เทรนด์การจัดเวลาชีวิตในปี 2025 นี้ควรเลือกใช้วิธีแบบ “Multi-Lifestyle” ที่สอดคล้องกับยุคสมัยได้มากกว่า และวิธีแบบ Multi-Lifestyle ไม่ใช่แค่เรื่องของกระแสแต่เป็นวิถีชีวิตของคนยุคใหม่ที่เน้นบาลานซ์ระหว่างการทำงาน ความสุข และการพัฒนาตัวเองแบบครอบคลุมหลากหลายด้าน
การใช้ชีวิตในรูปแบบนี้เปิดโอกาสให้เราทำหลายสิ่งพร้อมกัน ตั้งแต่การทำงานจากที่บ้าน สร้างรายได้เสริมจากโปรเจกต์ส่วนตัว ไปจนถึงการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ทั้งความฝันและความเป็นจริง โดยมีรูปแบบดังนี้
1.การใช้ปฏิทินแบบดิจิทัล ถือเป็นเคล็ดลับสำคัญของ Multi-Lifestyle เพื่อวางวางเป้าหมายรายเดือน และแยกโซนของชีวิตออกมาให้ชัดเจน ซึ่งการใช้ปฏิทินแบบดิจิทัลจะมีการแจ้งเตือนความจำให้เราปฏิบัติตามในสิ่งที่วางแผนไว้ได้
2.ใช้เทคนิค Time Blocking คือการจัดสรรเวลาการทำงานและกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวัน โดยรวมกิจกรรมที่คล้ายกันหรือมีแนวทางการทำใกล้เคียงกันไว้เป็นสัดส่วน เพื่อทำให้สามารถทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่องไม่ขาดตอน หรือโยกย้ายไปทำงานอื่นโดยไม่จำเป็น
3.การใช้แอปพลิเคชันด้าน Project Management เพื่อจัดการกับงานและกำหนดเวลาให้ชัดเจน การวางแผนล่วงหน้าจะช่วยลดความกังวลและทำให้รู้สึกควบคุมเวลาได้ดีขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีหลายแอปพลิเคชันเช่น Trello, Asana หรือ Microsoft Project ช่วยให้สามารถแบ่งโครงการออกเป็นงานย่อย ๆ กำหนดวันที่ต้องเสร็จได้ด้วย
4.ใช้เทคนิค Eisenhower Matrix เพื่อแยกแยะงานตามความสำคัญและความเร่งด่วน แล้วจัดการตามลำดับ
5.ใช้เทคนิค Pomodoro คือวิธีการทำงาน 25 นาที พัก 5 นาที หรือกำหนดช่วงพักสั้น ๆ ระหว่างวัน นอกจากนี้อย่าลืมจัดสรรเวลาสำหรับการพักผ่อนระยะยาว เช่น วันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันลาพักร้อน เพื่อให้ร่างกายและจิตใจได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่
6.นำ To-do List มาใช้ ที่แม้ว่าเป็นเครื่องมือพื้นฐานแต่ทรงพลังมาก To-do List ช่วยให้เห็นภาพรวมของงานทั้งหมดที่ต้องทำ ช่วยจัดลำดับความสำคัญ และทำให้รู้สึกมีความคืบหน้าเมื่อได้ขีดฆ่างานที่เสร็จแล้ว
ทั้งนี้ไม่ว่าจะจัดเวลาชีวิตแบบไหนสิ่งที่ต้องไม่ลืมคือการตั้งเป้าหมายที่ชัด ซึ่งเป้าหมายที่ดีควรมีลักษณะ SMART (Specific, Measurable, Achievable, Relevant, Time-bound) คือ เฉพาะเจาะจง วัดผลได้ ทำได้จริง สอดคล้องกับเป้าหมายใหญ่ และมีกำหนดเวลาชัดเจน การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้รู้ว่าควรทุ่มเทเวลาและทรัพยากรไปกับอะไร และช่วยในการตัดสินใจเมื่อต้องเลือกระหว่างงานต่าง ๆ
นอกจากนี้การจับเวลาในการทำสิ่งต่าง ๆ จะช่วยให้เข้าใจว่าใช้เวลาไปกับอะไรบ้างในแต่ละวันก็เป็นสิ่งที่นำมาใช้ควบคู่กับการบริหารเวลาชีวิตได้ มีหลายแอปพลิเคชันที่น่าใช้ เช่น RescueTime, Toggl หรือ Clockify ซึ่งจะบันทึกเวลาที่เราใช้กับแต่ละงาน อีกทั้งยังช่วยให้รู้ได้ว่าเราใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพได้มากแค่ไหน
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
อ้างอิงจาก คลิกที่นี่
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)