HEYTEA ต้นตำรับร้านชาชีสเจ้าดังในจีน มาไทยก่อนเจ้าอื่น แต่ยืนระยะไม่ได้
หากพูดถึงร้านชาชีสและชาผลไม้ที่สร้างปรากฏการณ์ในไทย คนยืนต่อแถวรอคิวนานหลายชั่วโมง เชื่อว่าแฟนชาชีสน่าจะจำกันได้ นั่นคือ Heekcaa หรือ HEYTEA แบรนด์ชาชีสและชาผลไม้เจ้าดังจากจีน ก่อนหน้าได้รับความนิยมอยู่ไม่น้อยในเวียดนาม สิงคโปร์ เกาหลี อเมริกา ก่อนมาเปิดร้านแรกในไทยเมื่อกลางปี 2017 สร้างกระแสคึกคักให้ตลาดเครื่องดื่มชานมได้อย่างมาก
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตลาดเครื่องชานมในเมืองไทยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 7 % ต่อปี โดยในปี 2024 มีมูลค่า 26,250 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2025 ตลาดชานมทั่วโลกจะมีมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 3.43 แสนล้านบาท
รู้หรือไม่ว่า ปัจจัยอะไรทำให้ร้านชาชีสสุดฮอต “Heekcaa” จากประเทศจีน ได้รับความนิยมตั้งแต่วันแรกเปิดร้านวันแรกในไทย และไม่ว่าจะผ่านไปหลายเดือน ก็ไม่มีทีท่าว่าคิวจะสั้นลง และปัจจัยอะไรที่ทำให้ต้นตำรับร้านชาชีสเจ้าดังในจีน บุกตลาดในไทยเจ้าแรกๆ แต่ยืนระยะไม่ได้ มาดูกัน
จุดเริ่มต้น HEYTEA

HEYTEA ก่อตั้งขึ้นในปี 2012 โดยคุณ Nie Yunchen ชายอายุเพียง 21 ปี สาขาแรกเปิดที่เจียงเหมิน มณฑลกวางตุ้ง ใช้ชื่อ Royal Tea ด้วยความที่เขาไม่มีประสบการณ์เรื่องเครื่องดื่มมาก่อน จึงทำให้เปิดร้านช่วงแรกๆ ยอดขายไม่ดีเท่าไหร่นัก
คุณ Nie Yunchen เป็นคนที่ไม่ยอมแพ้ ค่อยๆ ปรับปรุงธุรกิจเล็กๆ ของเขาไปเรื่อย และได้ศึกษาเชนร้านกาแฟสตาร์บัคส์ที่มียอดขายดีมากในจีน ทำให้เขาเห็นความสำคัญของการสร้างแบรนด์และบริการลูกค้า
ที่สำคัญก็คือ คุณ Nie Yunchen ได้มาพบว่า “ชีส” เป็นรสชาติที่มีการพูดถึงกันมากใน Weibo เครือข่ายสังคมออนไลน์ยอดนิยมมากที่สุดในจีน หลังจากนั้นได้พัฒนาเมนูเครื่องดื่มเป็น “ชาชีส” ผลปรากฏว่าลูกค้าให้การตอบรับดีมาก

ต่อมาในปี 2015 Royal Tea ก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น HEEKCAA (ฮีกค่า) เพราะมีปัญหาในการจดทะเบียนการค้า
- ปี 2015 เข้าตลาดหลักทรัพย์ในเมืองกวางโจวและเซินเจิ้น เมืองระดับแถวหน้าของจีน
- ปี 2016 ได้รับเงินลงทุน 100 ล้านหยวนจาก IDG Capital และนักลงทุน Angel จากนั้นเข้าตลาดหลักทรัพย์กวางสี และได้ได้เปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น HEYTEA
- ปี 2017 เปิดสาขาแรกในเซี่ยงไฮ้ สร้างกระแสบนโซเชียลจากลูกค้าต่อคิวยาวเหยียด รวมถึงขยายสาขาแรกในไทย
- ปี 2018 เปิดสาขาแห่งแรกในฮ่องกงที่ New Town Plaza ต่อด้วย Hong Kong Times Square, Hysan Place , Yuen Long Yoho Mall และ City walk
- ปี 2021 HEYTEA มีสาขามากกว่า 897 แห่งใน 70 เมืองของจีน รวมถึงสิงคโปร์
- ปี 2023 ขยายตลาดสู่สหรัฐอเมริกา เปิดสาขาแรกที่แมนฮัตตัน นิวยอร์ก ปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 15 แห่งในอเมริกา
กลยุทธ์ HEYTEA ในจีน

- HEYTEA ใช้วัตถุดิบคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นใบชาพรีเมียม นมสด และผลไม้สด
- วางตำแหน่งแบรนด์ระดับพรีเมียม โดยการกำหนดราคาเครื่องดื่มต่อแก้วอยู่ที่ 46-155 บาท ราคาหลักๆ เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 25 หยวน หรือ 130 บาท สูงกว่าร้านชานมทั่วไป แต่ยังต่ำกว่าเครื่องดื่มร้านกาแฟสตาร์บัคส์
- ออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการของลูกค้า เช่น เมื่อเห็นว่ากลุ่มผู้หญิงอายุน้อยชอบเครื่องดื่มสดชื่น มากกว่ารสชาติเข้มข้น แบรนด์ก็คิดค้นการผสมชาที่ผ่านกระบวนการคั่วเพื่อลดความขม ในขณะที่ยังคงความสดของใบชาหรือการเปิดตัวสารให้ความหวาน-แคลอรีต่ำ เพื่อตอบสนองต่อเทรนด์รักสุขภาพของคนยุคใหม่
- มอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า HEYTEA มีการออกมินิโปรแกรมบน WeChat ชื่อว่า “HEYTEA GO” ทำให้ลูกค้าสามารถสั่งสินค้าทางออนไลน์ ไม่ต้องไปยืนต่อแถว
HEYTEA ในไทย

HEYTEA ในไทยใช้ชื่อว่า Heekcaa (ฮีกค่า) สร้างปรากฎการณ์ฮอตฮิต ตั้งแต่เปิดตัววันแรก คนยืนต่อคิวนานหลายชั่วโมง จนสื่อจีนต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยสาขาแรกเปิดให้บริการเมื่อ 12 ส.ค. 2017 (พ.ศ. 2560) บนชั้น 2 สยามดิสคัฟเวอรี่ เป็นการนำเข้ามาของ คุณเก่ง (สัณฐิติ ตั้งเจริญชัย) เจ้าของธุรกิจนำเข้า-ส่งออกข้าวของไทย
จุดเริ่มต้นของการนำร้านชาชีสเจ้าดังจากจีนเข้ามาเปิดตลาดในไทย ก็คือ เมื่อครั้งที่คุณเก่งได้เดินทางไปดูงานโรงสีข้าวที่เมืองกวางโจว ประเทศจีน ได้เห็นร้าน HEYTEA มีคนยืนต่อแถวซื้อจำนวนมาก จึงไปถามน้องที่อยู่จีน เลยรู่ว่าเป็นร้านชาชีสเจ้าดังที่ใครๆ ก็ต้องดื่ม ถ้าใครไม่ดื่มก็ตกเทรนด์ แต่ไม่น่าเชื่อก็คือต้องใช้เวลารอถึงหนึ่งชั่วโมง
หลังจากได้ดื่มแล้วก็ชอบ แต่ไม่มีความคิดอะไร อีกไม่นานก็ได้มีโอกาสกลับไปจีนอีกครั้ง ก็ยังพบว่าที่ร้าน HEYTEA มีคนต่อแถวซื้อเหมือนรอบที่แล้ว เลยมองว่าประเทศไทยยังไม่มีร้านชาชีสแบบนี้ คุณเก่งเลยหาทางนำเข้ามาขายในไทย ถ้าเขาขายแฟรนไชส์จะซื้อแน่นอน สุดท้ายก็ได้ซื้อจริงๆ ถือเป็นคนไทยคนแรกที่ได้นำแบรนด์ HEYTEA มาเปิดตลาดในไทย ภายใต้บริษัท ฮีกค่า (ไทยแลนด์) จำกัด

ย้อนกลับไปก่อนที่ร้าน Heekcaa จะปิดตัวในไทย วันที่ 14 ก.ค. 2020 มีจำนวนสาขาด้วยกัน 2 แห่ง คือ สยามดิสคัฟเวอรี่ และ เมกาบางนา แต่ละสาขามีลูกค้ายืนต่อแถวยาวเหยียดเหมือนกัน ทางร้านใช้วัตถุดิบนำเข้าจากจีน ไม่ว่าจะเป็นภาชนะ ชีส เพราะจะได้รสชาติเหมือนต้นฉบับเป๊ะๆ แต่ก็มีวัตถุดิบบางอย่างที่ใช้ในไทยเพราะคุณภาพดีกว่า
ปัจจัยที่ทำ Heekcaa ได้รับความิยมในไทย คือ การออกแบบเมนู Localize เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าคนไทยมากขึ้น ถือเป็นจุดเด่นที่สร้างความแตกต่างให้กับ Heekcaa ในตลาดเครื่องดื่มชาเมืองไทย
จุดเด่นของ Heekcaa คือ การนำชีสเข้มข้นราดบนเครื่องดื่มชา ทำให้การดื่มชามีความน่าสนใจ
โลโก้ Heekcaa กลายที่เป็นเอกลักษณ์ที่ทุกคนชื่นชอบ ด้วยคอนเซ็ปต์ยกดื่ม 45 องศาตามโลโก้ เพื่อให้ชาและชีสผสมกันอย่างลงตัว โดยไม่ใช้หลอด
รายได้ Heekcaa ก่อนปิดตัวในไทย

จากการตรวจผลประกอบการของบริษัท ฮีกค่า (ไทยแลนด์) จำกัด จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า
- ปี 2561 รายได้ 15 ล้านบาท ขาดทุน 3.4 ล้านบาท
- ปี 2562 รายได้ 16.7 ล้านบาท ขาดทุน 2.92 แสนบาท
จะเห็นได้ว่ารายได้ของ Heekcaa ก่อนปิดกิจการในไทย ประสบปัญหาขาดทุนมาโดยตลอด ปี 2561 หลังบุกตลาดในไทย ผลประกอบการขาดทุนถึง 3.4 ล้านบาท ปี 2562 ขาดทุน 2.92 ล้านบาท

สาเหตุที่ทำให้ Heekcaa ขาดทุน 2 ปีติด อาจเป็นเพราะร้านชานมในไทยมีมากมาย ถือว่าเป็นธุรกิจ Red Ocean ทำให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดชานมไข่มุก และเครื่องดื่มอื่นๆ ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว
จึงทำให้แบรนด์ต่างๆ ในตลาดมีการพัฒนาเมนูและกลยุทธ์ที่ดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น หรือบางทีอาจจะมาจากปัญหาด้านการขยายสาขาที่อาจจะไม่เหมาะสมกับตลาดไทย รวมถึงแนวทางการบริหารจัดการธุรกิจที่ไม่มีประสิทธิภาพ
สุดท้าย ยังมีเรื่องของความชื่นชอบของคนไทยที่หลากหลาย ก็อาจเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ HEYTEA ไม่สามารถยืนหยัดได้ในระยะยาว หากใครมีความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับร้านชาชีสเจ้าดังจากจีน รู้สึกอย่างไรบ้างครับ?
แหล่งข้อมูล
- https://bit.ly/3D9nGP9
- https://bit.ly/416HCKg
- https://bit.ly/41vj7YH
- https://bit.ly/43f66Ur
- https://bit.ly/3Qw93Zp
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
อ้างอิงจาก คลิกที่นี่
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)