“DHL” สุดยอดธุรกิจแห่งโลกยุคใหม่ ผู้ลงทุนได้ผลตอบแทนหลายทาง! มาตรฐานขนส่งระดับโลก
ถ้าถามว่าในปี 2566 ธุรกิจไหนคือดาวรุ่ง? ธุรกิจไหนจะมาแรง? เราฟันธงว่า การลงทุนด้านโลจิสติกส์มีความน่าสนใจมาก ปัจจุบันภาพรวมตลาด E-Commerce ในปี 2565 มีมูลค่ากว่า 5.65 แสนล้านบาท และคาดว่ากระแสนี้จะแรงต่อเนื่องเพราะหลายแบรนด์ก็ได้หันมาเพิ่มยอดขายด้วยการจัดส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้ามากขึ้น
www.ThaiSMEsCenter.com จึงเชื่อว่ามีหลายคนที่สนใจและต้องการสร้างรายได้จากธุรกิจจัดส่งสินค้าและพัสดุอย่างไรก็ดีการเลือกลงทุนในระบบแฟรนไชส์คือโอกาสจะสร้างความสำเร็จได้มากที่สุด และควรเลือกลงทุนกับแฟรนไชส์ที่มีศักยภาพ มีคุณภาพ และมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ ซึ่ง “DHL” ถือเป็นแบรนด์ดังที่คนรู้จักทั่วประเทศและมีการพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่องที่สำคัญการลงทุนกับ “DHL” ให้ผลตอบแทนหลายช่องทางและให้งบในการลงทุนน้อยมาก มีโอกาสประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว
รู้จัก “DHL” ธุรกิจขนส่งสินค้ามาตรฐานระดับโลก
DHLเริ่มต้นธุรกิจครั้งแรกในปี 1969 โดยชื่อของ DHL มาจากอักษรนามสกุลตัวแรกของผู้ก่อตั้งทั้ง 3 คือ Adrian Dalsey , Larry Hillblom และ Robert Lynn ซึ่งธุรกิจก็มีการพัฒนาและเติบโตมาเป็นลำดับ และได้ขยายธุรกิจไปหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทย ซึ่งบริษัท ดีเอชแอล อีคอมเมิร์ซ โซลูชั่นส์ เป็นหน่วยธุรกิจใหม่ที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2558 ภายใต้กลุ่มบริษัทในเครือ DPDH ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์
และเริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ 2559 โดยเริ่มให้บริการด้านการจัดส่งสินค้าภายในประเทศแบบครบวงจร ทั้งในรูปแบบ B2C และ B2B มีเครือข่ายการให้บริการที่ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ ด้วยบริการคุณภาพมาตรฐานสากล
DHL ServicePoint ศูนย์รวมบริการจัดส่งสินค้าแบบครบวงจร
ทั้งนี้ DHL ประเทศไทยให้บริการจัดส่งพัสดุภายในประเทศที่มีมาตรฐานตั้งแต่บริการเข้ารับ บริการจัดส่ง และบริการส่งคืนพัสดุสำหรับลูกค้ากลุ่มธุรกิจ นอกจากนี้ยังให้บริการการจัดส่งพัสดุ ในประเทศไทยสำหรับลูกค้ากลุ่มธุรกิจ กลุ่มลูกค้าทั่วไปและกลุ่มลูกค้า e-commerce พร้อมทั้งมีจุดให้บริการรับส่งพัสดุ DHL ServicePoint ที่ให้บริการง่ายเหมาะกับลูกค้าทุกกลุ่ม สะดวกสบายใกล้บ้านและครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ มีบริการหลากหลายครบวงจร
จุดเด่นของ DHL ServicePoint คือ ประสบการณ์และความแป็นมืออาชีพในการจัดส่งพัสดุ รวมถึงอุปกรณ์ ระบบการทำงานที่มีมาตรฐานระดับโลก ทีมงานซัพพอร์ตที่มีความรู้ความเข้าใจพร้อมให้คำแนะนำกับตัวแทนมีหลายบริการได้แก่
- พัสดุด่วนเริ่มต้น 25 บาท
- พัสดุราคาประหยัดเริ่มต้น 17 บาท
- พัสดุ Drop Off หรือพัสดุจาก E-Commerce / Market Place
- บริการเก็บเงินปลายทาง สมัครง่ายเพียง 5 นาทีที่สาขา DHL ServicePoint
- บริการประกันสินค้าทั่วไปไม่เกิน 2,000 บาท หรือตามมูลค่าสินค้าจริง
- ซื้อประกันสินค้าเพิ่ม 1% ครอบคลุมสูงสุด 100,000 บาท
- บริการจัดส่งพื้นที่ห่างไกลไม่เก็บค่าขนส่งเพิ่ม
- รองรับน้ำหนักพัสดุสูงสุด 30 kg และ ขนาด กว้าง ยาว สูง ไม่เกิน 200 cm
ลงทุนเพียง 1,000 บาท เริ่มสร้างธุรกิจกับ DHL ได้ทันที
สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือแบรนด์ระดับโลกขนาดนี้แต่ใช้เงินในการลงทุนเพียง 1,000 บาท ถือว่าลงทุนน้อยมากแต่โอกาสคืนทุนคุ้มค่าโดยมีเงื่อนไขการลงทุนคือ
- ผู้ลงทุนต้องมีงบสำหรับการตกแต่งและจัดซื้ออุปกรณ์สำหรับร้านค้าโดยใช้งบประมาณที่เหมาะสม
- ผู้ลงทุนต้องรับผิดชอบ ค่าเช่าอาคาร, ค่าบำรุงรักษา, ค่าภาษีต่างๆ, ค่าจ้างพนักงานและค่าใช้จ่ายอื่นๆที่จะเกิดขึ้น
สิ่งที่ผู้ลงทุนจะได้รับคือ
- ผลตอบแทนจากการรับพัสดุจากลูกค้า (คิดจากราคาค่าขนส่งพัสดุ)
- ผลตอบแทนจากค่าธรรมเนียมพัสดุเก็บเงินปลายทาง (COD)
- ผลตอบแทนจากค่าธรรมเนียมการขายประกันพัสดุ (Insurance)
- ผลตอบแทนจากการรับพัสดุประเภท Drop Off
- สิทธิ์ในการใช้เครื่องหมายการค้า “DHL eCommerce Solutions” ตลอดอายุสัญญา 1 ปี
- หลักสูตรการอบรมพื้นฐานและการตรวจสอบมาตรฐานร้าน
- ระบบปฎิบัตการหน้าร้าน POS และระบบการทำงาน DHL ServicePoint
- ทีมงานช่วยเหลือให้คำปรึกษาตลอดการดำเนินกิจการ
โดยปัจจุบัน DHL มีสาขาทั่วประเทศกว่า 696 แห่งและคาดว่าจะมีการขยายสาขาเพิ่มอีกจำนวนมากเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าที่มีทั่วประเทศ
5 เคล็ดลับการปั้นแบรนด์สู่ความสำเร็จของ DHL
ภาพจาก แฟรนไชส์ดีเอชแอล อีคอมเมิร์ซ
สามารถพูดได้ชัดเจนว่าการลงทุนกับ DHL นั้นคุ้มค่าและดีที่สุดสำหรับคนอยากมีรายได้ในยุคนี้ เพราะนอกจากความเป็นแบรนด์ระดับโลก DHL ยังมีเคล็ดลับที่นำผู้ลงทุนไปสู่ความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่
1. DHL เป็น Global Company
ที่ให้บริการขนส่งระหว่างประเทศมายาวนาน มีประสบการณ์สูงมาก มีสาขาในหลายประเทศ การันตีในเรื่องความเป็นมืออาชีพที่ทำให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการมั่นใจในคุณภาพ
2.ขนส่งสะดวกรวดเร็ว
สิ่งที่ทำให้คนส่งพัสดุเลือกใช้บริการของ DHL เพราะมีจุดเด่นคือการขนส่งที่สะดวก รวดเร็ว ส่งถึงเวลาตามกำหนด สินค้าไม่ชำรุดเสียหาย จึงทำให้หลายธุรกิจที่มีการจำหน่ายสินค้าในแพลตฟอร์มออนไลน์มั่นใจใช้บริการรวมถึงลูกค้าทั่วไปด้วย
3.มีรถเข้ารับพัสดุถึงหน้าร้านทุกสาขา
ผู้ที่ลงทุนกับ DHL มั่นใจในระบบการจัดส่งที่มีประสิทธิภาพและมีรถเข้ารับพัสดุที่สาขา ทำให้ผู้ลงทุนสะดวกประหยัดเวลาและสามารถสร้างธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4.ต่อยอดธุรกิจหลักหรือทำเป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้
ความน่าสนใจอีกอย่างคือ DHL เปิดโอกาสให้คนสนใจลงทุนเลือกทำเป็นอาชีพหลัก หรือหากมีธุรกิจหลักอยู่แล้วก็สามารถลงทุนทำเป็นอาชีพเสริมที่เพิ่มรายได้เป็นอย่างดีและเป็นการลงทุนที่ตอบโจทย์คนยุคนี้มาก
5.มีการพัฒนารูปแบบบริการใหม่อย่างต่อเนื่อง
DHL ไม่เคยหยุดนิ่งกับที่และมีการพัฒนารูปแบบธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของสังคมยุคใหม่ ให้เป็นธุรกิจที่ฮิตติดเทรนด์ตลอดเวลา รวมถึงการมีโปรโมชั่นส่งเสริมการขายให้อย่างต่อเนื่องด้วย
ทั้งนี้ DHL ยังอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของหลากหลายธุรกิจ ที่พร้อมช่วยให้การจัดส่งสินค้าไปถึงมือผู้รับได้อย่างมีประสิทธิภาพ และถือเป็นอีกหนึ่งแฟรนไชส์น่าสนใจที่พร้อมสร้างอาชีพ สร้างรายได้เพิ่มให้ผู้ลงทุนเป็นอย่างดี ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้
สนใจลงทุนแฟรนไชส์ ดีเอชแอล อีคอมเมิร์ซ
โทร. 065-5195139 , 066-1454259 ,
062-5940061, 099-6254614 , 02-0290999
อ้างอิงจาก https://bit.ly/3DR8vX1