BreadTalk แฟรนไชส์ขนมปัง ปั้มสาขาในไทย แซงบ้านเกิด

หากพูดถึงร้านขนมปังอบ BreadTalk เชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เป็นแบรนด์ แฟรนไชส์ขนมปัง สัญชาติสิงคโปร์ มีสาขามากกว่า 600 สาขาทั่วเอเชีย และมีสาขามากกว่า 63 สาขาในไทย มากกว่าประเทศบ้านเกิดสิงคโปร์ที่มี 40 สาขา ทำไม BreadTalk แบรนด์ขนมปังสิงคโปร์จึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย มีกลยุทธ์ดำเนินธุรกิจอย่างไร มาดูกัน

จุดเริ่มต้น BreadTalk

แฟรนไชส์ขนมปัง
ภาพจาก www.breadtalk.com.sg

BreadTalk เกิดขึ้นจากคุณจอร์ช เควก (George Quek) และภรรยาแคทเธอรีน ลี (Katherine Lee) เปิดร้านขายขนมปังเล็กๆ ในย่านบูกิส สิงคโปร์ เมื่อปี 2000 เป็นทำเลที่มีการสัญจรไปมาของผู้คนมากมาย ตกแต่งร้านสไตล์ที่ทันสมัยและโดดเด่น

ข่วงแรกๆ ขาย ขายขนมปังโรยน้ำตาล หรือที่รู้จักกันดีว่า Floss bun ที่หลายๆ คนต้องมาต่อคิวซื้อ ด้วยความนิยมสินค้าตัวนี้ ทำให้ธุรกิจ BreadTalk ขยายกิจการได้รวดเร็ว เปิดสาขาเพิ่มอีกกว่า 20 สาขาในเวลา 2 ปี และเวลาเพียง 3 ปี บริษัทก็สามารถเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SGX โดยใช้ชื่อว่า BreadTalk Group Limited ในปี 2003

หลังจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ BreadTalk ขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ เริ่มจากอินโดนีเซีย ต่อด้วยจีนเป็นสาขาที่ 2 บริษัทยังมีการขยายแบรนด์ให้มีการครอบคลุมธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มมาก

ภาพจาก www.facebook.com/breadtalksingapore

ปัจจุบัน BreadTalk Group มีแบรนด์ในเครือมากมาย อาทิ BreadTalk, Toast Box, Food Republic, Food Junction, Bread Society, Thye Moh Chan, The Icing Room, Sō Ramen, Butter Bean, Charlie Tea, Din Tai Fung, Song Fa Bak Kut Teh และ Wu Pao Chun มีการเปิดร้านมากกว่า 1,000 แห่งใน 17 ประเทศทั่วโลก

ส่วน BreadTalk ร้านขนมปังสิงคโปร์มีสาขามากกว่า 600 แห่ง ใน 14 ประเทศทั่วโลก และขยายตัวอย่างรวดเร็วหลังจากเปิดตัวปี 2000 โดยเริ่มต้นจากสิงคโปร์ 40 สาขา ต่อมา BreadTalk ได้ขยายธุรกิจไปยังประเทศต่างๆ ทั่วทั้งเอเชีย เช่น สิงคโปร์ จีน คูเวต ซาอุอาระเบีย อินเดีย ศรีลังกา เมียนมาร์ กัมพูชา ไทย ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย

จากการรายงานข้อมูลพบว่า ความสำเร็จของ BreadTalk ในสิงคโปร์ อยู่ที่การปรับตัวและพัฒนาแบรนด์อยู่ตลอด เช่น พัฒนาสูตรขนมปังอย่างต่อเนื่อง เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมถึงนำเอานวัตกรรมที่ทันสมัยมาใช้กับแบรนด์ อย่างปี 2015 เปิดตัวระบบแจ้งเตือนลูกค้าผ่านมือถือทุกครั้ง เมื่อขนมปังอบสดใหม่ เพื่อให้ลูกค้าได้ซื้อขนมปังที่กำลังร้อนๆ

BreadTalk ในไทย

แฟรนไชส์ขนมปัง
ภาพจาก www.facebook.com/breadtalkthailand

BreadTalk เข้ามาเปิดตลาดในไทยตั้งแต่ปี 2005 เปิดสาขาแรกๆ ที่พารากอน เซ็นทรัลเวิล์ด ปัจจุบันมีมากกว่า 63 สาขา โดยในปี 2014 เบรดทอล์ค (ประเทศไทย) ได้จับมือร่วมทุนกับ “ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป” ยักษ์ใหญ่ธุรกิจร้านอาหาร ด้วยสัดส่วนถือหุ้นร้อยละ 50:50 ในบริษัทชื่อ บีทีเอ็ม (ไทยแลนด์) ดำเนินธุรกิจเบเกอรี่ภายใต้แบรนด์ BreadTalk ในประเทศไทย

หน้าร้านของ BreadTalk จะแบ่งเป็น 3 รูปแบบ คือ

  1. Bake Concept หน้าร้านขนาดใหญ่ที่มีครัวอบ และจำหน่ายสินค้าครบทุกเมนู
  2. Lite Bake หน้าร้านขนาดเล็กลงมา มีครัวอบที่ไม่ใหญ่ และรับเบเกอรี่ครัวอื่นมาจำหน่าย
  3. Sattlelite / Kiosk หน้าร้านขนาดเล็ก ไม่มีครัว และรับเบเกอรี่จากครัวอื่นมาจำหน่าย

“BreadTalk คือ ผู้เล่นที่เป็นที่รู้จักในตลาดเบเกอรี่ มีคู่แข่งทั้งแบรนด์จากญี่ปุ่น, แบรนด์ยักษ์ใหญ่ของคนไทย และแบรนด์ท้องถิ่นอื่นๆ ดังนั้น บริษัทจึงต้องมีเอกลักษณ์และกลยุทธ์ที่แตกต่าง ดังนี้

ภาพจาก www.facebook.com/breadtalkthailand

1.นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย

BreadTalk ใช้กลยุทธ์การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและแตกต่างจากคู่แข่ง เช่น ขนมปังหลากหลายรสชาติ, เค้ก, ขนมอบ และเครื่องดื่ม ทำให้สามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่มีความชอบที่แตกต่างกัน

2.สร้างประสบการณ์ลูกค้า

BreadTalk ให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์การซื้อที่แตกต่าง เช่น การตกแต่งร้านให้ดูสวยงามและทันสมัย รวมถึงการจัดเรียงขนมให้ลูกค้าเห็นได้ง่ายและดึงดูดใจ

แฟรนไชส์ขนมปัง
ภาพจาก www.facebook.com/breadtalkthailand

ภาพจาก www.facebook.com/breadtalkthailand

3.ใช้โปรโมชั่นและการตลาดที่ดึงดูด

BreadTalk มีการจัดโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษ เช่น การแจกส่วนลดหรือการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ช่วยเพิ่มความสนใจและดึงดูดลูกค้า

4.ขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง

BreadTalk มีการขยายสาขาไปยังทำเลที่มีศักยภาพสูง เช่น ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน ทำให้แบรนด์เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ปัจจุบันมีมากกว่า 63 สาขา

แฟรนไชส์ขนมปัง
ภาพจาก www.facebook.com/breadtalkthailand

ภาพจาก www.facebook.com/breadtalkthailand

5.ใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการบริการ

การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการ เช่น การสั่งซื้อออนไลน์ หรือการใช้แอปพลิเคชัน เพื่อรับสิทธิพิเศษและข่าวสาร

6.ปรับตัวตามเทรนด์และความต้องการตลาด

BreadTalk ใส่ใจในการปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์และความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่วงเวลา เช่น การสร้างขนมที่เหมาะสมกับเทศกาลหรือการปรับสูตรให้เหมาะสมกับความนิยมในท้องถิ่น

ภาพจาก www.facebook.com/breadtalkthailand

สรุปก็คือ BreadTalk Group เริ่มเข้าสู่วงการเบเกอรี่ตั้งแต่ปี 2000 นำเสนอแนวคิดที่เป็นเอกลักษณ์ผ่านการผสมผสานเอาวัฒนธรรมการทานอาหารรูปแบบใหม่ เข้ากับร้านเบอเกอรี่ ร้านอาหาร และห้องอาหารตามความเชื่อของเรา “Eating is a Blessing” บริษัทจึงกลายเป็นผู้ให้บริการอาหารที่มีความสร้างสรรค์ และแตกต่าง

จนมีชื่อเสียงด้านการอบขนมปังที่สร้างสรรค์และทุ่มเทเพื่อคุณภาพ บริษัทฯ เน้นใช้เฉพาะวัตถุดิบที่ดีที่สุดและมีคุณภาพสูงสุดทำให้ BreadTalk ได้รับความไว้วางใจและสร้างความภักดีจากลูกค้าได้ทั่วโลก

ที่สำคัญ BreadTalk ให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ ด้วยการตกแต่งร้านให้ดูสวยงามและทันสมัย รวมถึงการจัดเรียงขนมให้ลูกค้าเห็นได้ง่ายและดึงดูดใจลูกค้า

แหล่งข้อมูล

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช