9 เทคนิค เปิดร้านน้ำผลไม้ปั่น ทำง่ายรวยไว

การเลือกสร้างอาชีพที่ต้องการประสบความสำเร็จมีเคล็ดลับสำคัญว่าต้องเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการ บริการดี คุณภาพดี หนึ่งในธุรกิจน่าสนใจคือ “เปิดร้านน้ำผลไม้ปั่น” ที่ตอนนี้เทรนด์สุขภาพกำลังแรง

เมนูน่าสนใจอย่างสมูทตี้กี่วี กล้วย โยเกิร์ต ,สมูทตี้สตอเบอร์รี่โยเกิร์ต , สมูทตี้อะโวคาโด กล้วย มะนาว หรือจะเป็นน้ำผลไม้ชนิดเดียวปั่นอย่างส้ม , สตอเบอร์รี่ , แตงโม ก็ล้วนมีลูกค้าสนใจจำนวนมาก www.ThaiSMEsCenter.com เชื่อว่าหลายคนคงอยากรู้ว่าถ้าอยากมีร้านน้ำผลไม้ปั่นของตัวเอง ควรเริ่มทำแบบไหนให้สร้างกำไรได้อย่างสูงสุด

ก่อนเปิดร้านน้ำผลไม้ปั่นควรรู้อะไรบ้าง?

เปิดร้านน้ำผลไม้ปั่น

ต้นทุนสำหรับการเปิดร้านน้ำผลไม้ปั่นควรเตรียมงบไว้ที่ประมาณ 4,000-7,500 บาท ขึ้นอยู่อุปกรณ์แต่ละยี่ห้อที่ผู้ประกอบการเลือกใช้ รวมไปถึงรูปแบบของคีออสหรือเคาน์เตอร์สำหรับขาย และการตกแต่งร้านของแต่ละร้าน

นอกจากนี้ก็ยังต้องเตรียมงบประมาณสำหรับใช้จ่ายหมุนเวียนในส่วนของการซื้อวัตถุดิบที่เป็นผลไม้ต่างๆ และส่วนผสมอย่างน้ำเชื่อม เกลือ นมสด หรือโยเกิร์ต รวมไปถึงค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าเช่าที่ (สำหรับผู้ที่เช่าที่ขาย) ซึ่งงบประมาณหมุนเวียนอาจจะเตรียมไว้โดยประมาณ 300-500 บาทต่อวัน

จุดขายที่สำคัญจะเน้นการใช้วัตถุดิบ คือผลไม้สดและการปั่นแบบสด ๆ ราคาขายปลีกประมาณแก้วละ 40-50 บาท (ขนาดแก้ว 16 ออนซ์) จะมีต้นทุนอยู่ที่ 15-20 บาท (ต้นทุนอาจแปรผันตามแต่ละพื้นที่ และตามราคาผลไม้) เป็นปัจจัยที่ชวนให้ลงทุน เพราะผลตอบแทนในเรื่องของกำไรสูง อย่างไรก็ดีสำหรับบรรดามือใหม่เรามี 9
เทคนิคที่ต้องรู้ไว้ก่อนเปิดร้านได้แก่

1.เริ่มต้นจากร้านขนาดเล็กๆ

เปิดร้านน้ำผลไม้ปั่น

จากประสบการณ์ของผู้ประสบความสำเร็จในการขายน้ำผลไม้ปั่นบอกว่าระยะแรกในการลงทุนเตรียมผลไม้สัก 5 อย่างก็พอเช่น แตงโม สัปปะรด ส้ม แครอท และฝรั่ง ซึ่งจะใช้ต้นทุนประมาณ 500 บาทต่อวันกับปริมาณวัตถุดิบที่ไม่มากแต่ถ้าขายหมดใน 1 วันมีรายได้ประมาณ 1,000 บาท และค่อยขยับจากยอดขายเล็กๆ ร้านเล็กๆ ไปสู่ร้านที่ใหญ่ขึ้นตามลำดับและเพื่อสร้างกลุ่มลูกค้าไปในตัวด้วย

2.หาทำเลเปิดร้านราคาไม่แพง

เปิดร้านน้ำผลไม้ปั่น

ข้อดีของร้านน้ำผลไม้ปั่นคือไม่ต้องใช้พื้นที่มาก บูธเล็กก็สามารถค้าขายได้ ทำเลเปิดร้านก็อาจเริ่มในแหล่งที่ไม่พลุกพล่านหรือมีคนมากแค่บางช่วงเวลา เช่นหน้าโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายที่น่าสนใจไม่น้อย เช่นนี้ก็จะทำให้ต้นทุนเรื่องค่าเช่าลดน้อยลงได้อีกมากถ้ามีกำไรมากจะขยับขยายต่อไปก็จะเป็นการเติบโตที่มั่นคงด้วย

3.กำหนดกลุ่มลูกค้าที่ต้องการขาย

เปิดร้านน้ำผลไม้ปั่น

อาจใช้การสังเกตหรือสอบถามโดยตรงเพราะการกำหนดกลุ่มลูกค้าได้ก็จะมีประโยชน์ในเรื่องการนำเข้าวัตถุดิบที่รู้ว่าควรใช้อะไรในปริมาณเท่าไหร่ เช่นหากกลุ่มลูกค้าเป็นคนวัยทำงาน 20-35 ปี กลุ่มนี้มักชอบผลไม้รสเปรี้ยวที่ดื่มแล้วสดชื่นรวมถึงเมนูผสมอย่างเช่นโยเกิร์ตปีโป้ โยเกิร์ตผสมน้ำแดงผสมกล้วย เป็นต้น แม้จะดูแปลกบ้างแต่ก็ขายสินค้าได้ง่ายกว่ากลุ่มลูกค้าที่อายุมากๆที่มักรับประทานน้ำผลไม้ปั่นแบบธรรมดาๆ ทั้งนี้การรู้กลุ่มเป้าหมายก็ทำให้เราคำนวณต้นทุนได้ดีและรู้ว่าจะกำหนดวิธีการขายแบบนั้นได้อีกด้วย

4.รู้จักการกำหนดราคาขาย

เปิดร้านน้ำผลไม้ปั่น

ราคาขายโดยทั่วไปนั้นอยู่ที่แก้วละ 40-50 บาท ซึ่งการกำหนดราคาก็ขึ้นอยู่กับทำเลที่เลือกขาย รูปแบบของร้าน และการสังเกตว่ากลุ่มลูกค้าในทำเลนั้นๆ มีกำลังในการซื้อมากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงการกำหนดราคาจากเมนูที่ใช้ผลไม้ในการทำที่แตกต่างกันด้วย ซึ่งหากเป็นผลไม้ที่คัดเกรดมาอย่างดี หรือเป็นผลไม้นำเข้าจากต่างประเทศก็สามารถที่จะตั้งราคาให้สูงกว่าผลไม้ไทยได้

5.จัดเตรียมหน้าร้านให้ดึงดูดลูกค้า

เปิดร้านน้ำผลไม้ปั่น

การจัดเตรียมหน้าร้านที่ดีคือการดึงดูดลูกค้าที่สำคัญโดยเฉพาะร้านน้ำผลไม้ปั่นเทคนิคที่เราเห็นกันส่วนมากคือการจัดเอาวัตถุดิบในการปั้นใส่ลงในแก้วแล้ววางโชว์ไว้หน้าร้านไม่ใช่แค่ความสวยงามแต่บางครั้งลูกค้าที่เข้าร้านไม่รู้จะเลือกเมนูไหนดีการทำเช่นนั้นก็ทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกเมนูได้เร็วขึ้นเราก็สามารถปิดการขายได้ง่ายขึ้นเช่นกัน และความสำคัญของการเตรียมเมนูไว้ให้พร้อมจะมีประโยชน์มากสำหรับพนักงานออฟฟิศในช่วงพักกลางวันที่มีเวลาจำกัด หากมารอน้ำปั่นที่ยังไม่ได้จัดเตรียมวัตถุดิบไว้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าใดนัก

6.พัฒนาเมนูให้มีความแปลกใหม่ เพื่อสร้างจุดขายมากขึ้น

เปิดร้านน้ำผลไม้ปั่น

อาจจะใส่ไอเดียโดยการนำผลไม้แต่ละชนิดที่แตกต่างกันมาปั่นรวมกันเป็นหนึ่งเมนู หรืออาจจะคิดเมนูน้ำผลไม้ปั่นเพื่อสุขภาพ เพื่อเรียกความสนใจของคนที่รักสุขภาพโดยเฉพาะ ซึ่งแต่ละเมนูนั้นก็อาจจะนำเอาวัตถุดิบที่เป็นสมุนไพรมาปั่นรวมกับผลไม้ เพื่อเพิ่มประโยชน์และสรรพคุณให้ดูน่าสนใจและเรียกลูกค้าได้ง่ายขึ้น

7.อย่าลืมเน้นการตลาดออนไลน์

เปิดร้านน้ำผลไม้ปั่น

การขายในยุคนี้ต้องมีช่องทางที่หลากหลายไม่ใช่การสร้างรายได้จากหน้าร้านทางเดียวเท่านั้น โดยเฉพาะการทำตลาดออนไลน์ผ่านโซเชี่ยลเพื่อให้คนรู้จักมากขึ้นทั้งFacebook , Line , Youtube , Instagram ล้วนแต่เป็นช่องทางตลาดที่มีอิทธิพลในการเข้าถึงลูกค้าได้มาก และต้องไม่ลืมเรื่องการเข้าร่วมแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ต่างๆ ที่จะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับร้านได้มากขึ้น

8.ขายสินค้าอื่นควบคู่เพิ่มรายได้

เปิดร้านน้ำผลไม้ปั่น

เพื่อเป็นการสร้างรายได้เพิ่มเราควรมีทางเลือกมากกว่าเมนูน้ำผลไม้ปั่นเพียงอย่างเดียว ในตอนนั้นเราพูดถึงเครื่องดื่มต่างๆ ที่ควรมีเสริมไว้ในร้านแต่เพื่อให้มีกำไรที่ดีขึ้นการเพิ่มสินค้าพวกขนมอร่อยๆก็เป็นอะไรที่เข้ากันได้ดีไม่น้อย มีขนมหลายชนิดที่สามารถรับประทานคู่กับน้ำปั่นซึ่งการมีขนมอร่อยคู่กับน้ำปั่นอร่อยก็จะเสริมเสน่ห์ของร้านให้ดูน่าสนใจเพิ่มขึ้นอีกมาก

9.พัฒนาต่อยอดธุรกิจไปสู่ระบบแฟรนไชส์

เปิดร้านน้ำผลไม้ปั่น

เมื่อเราสามารถเปิดร้านและมีประสบการณ์มากพอคงต้องมองถึงโอกาสในการขยายกิจการ ซึ่งรูปแบบแฟรนไชส์เหมาะสมมากกับการสร้างรายได้ อาจจะเริ่มจากเราลองขยายสาขาของตัวเองและเรียนรู้เรื่องการควบคุมต้นทุนวัตถุดิบ หารูปแบบการบริหารจัดการที่เหมาะสมกับธุรกิจ และเมื่อมีคุณภาพมากพอ แนะนำว่าให้เปิดการลงทุนแบบแฟรนไชส์ แต่ต้องไม่ลืมเรื่องคุณภาพและบริการที่ต้องมีการกำหนดไว้อย่างชัดเจนเพื่อให้ธุรกิจร้านน้ำผลไม้ปั่นเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เคล็ดลับควรรู้! เทคนิคการควบคุมต้นทุนร้านน้ำผลไม้ปั่น

โดยเฉพาะการเช็ควัตถุดิบทั้งตอนซื้อหรือตรวจรับอย่าให้มีเน่าเสียหรือขนาดไม่ได้มาตรฐาน และเก็บให้ถูกวิธี บางร้านใช้ผลไม้สดเพราะราคาถูก แต่ลืมไปว่าผลไม้สดที่ซื้อมาไม่สามารถใช้ได้ทั้งหมด ต้องเอามาปอกเปลือกตัดแต่งส่วนที่ใช้ไม่ได้ออกก่อน ซึ่งส่วนที่ต้องทิ้งก็เป็นต้นทุนเช่นกัน

ถ้าตัดแต่งไม่ดีก็จะเหลือที่ใช้ได้น้อยมาก หรืออาจเลือกใช้น้ำผลไม้เข้มข้นแบบผสมเนื้อ เพื่อลดปริมาณผลไม้จริงลง ประหยัดกว่า เป็นการใช้ส่วนผสมอื่นแทนวัตถุดิบที่แพง เพราะผลไม้จะมีฤดูกาลออกผลผลิตต่างกัน ช่วงไหนออกเยอะราคาจะถูก แต่ถ้าอยู่นอกฤดูราคาก็จะแพง ทำให้ราคาผลไม้สดขึ้นลงไม่แน่นอน

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจติดตามได้ที่ https://bit.ly/335phDi
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


 

สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด