8 เทรนด์การตลาดดิจิทัลครั้งใหญ่ในปี 2023

Digital Marketing คือ การทำการตลาดโดยการโปรโมทสินค้าหรือบริการผ่านทางสื่อดิจิทัล และสามารถสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภค เพื่อเพิ่มยอดขายโดยใช้กลยุทธ์ต่างๆ ทางสื่อดิจิทัล ปัจจุบันเป็นเทรนด์การตลาดที่นิยมและมีแนวโน้มจะเติบโตมาก ดูจากตัวเลขผู้ใช้โซเชี่ยลมีเดียจากทั่วโลกที่มีกว่า 1.5 พันล้านคน

จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมในปี 2023 การตลาดดิจิทัลจะยิ่งแข่งขันสูง อย่างไรก็ดีสิ่งที่ผู้ประกอบการควรศึกษาคือวิธีที่จะนำมาใช้ ซึ่ง www.ThaiSMEsCenter.com ได้รวบรวมข้อมูล 8 เทรนด์การตลาดดิจิทัลครั้งใหญ่ในปี 2023 มาฝากเพื่อเป็นแนวทางในการสร้างธุรกิจให้เติบโต

โซเชี่ยลมีเดียช่องทางไหน คนใช้เยอะที่สุด?

เทรนด์การตลาดดิจิทัล

ข้อมูลจาก Statista ปี 2022 เผย 5 อันดับโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มที่ “คนไทยบนโลกออนไลน์” ใช้เยอะมากที่สุดได้แก่

  1. Facebook เข้าถึงคนไทยที่ใช้อินเทอร์เน็ต 93.3% กลุ่มผู้ใช้งานส่วนใหญ่อายุ 25-34 ปี ได้รับความนิยมทั่วประเทศ
  2. LINE เข้าถึงคนไทยที่ใช้อินเทอร์เน็ต 92.8% กลุ่มผู้ใช้งานอายุ 25-44 ปี เหมาะกับการทำการตลาดในลักษณะเป็นพื้นที่สะสมแต้ม สื่อสารอัปเดตข้อมูล โปรโมชัน และเก็บลูกค้าไว้เป็นฐานข้อมูล
  3. Facebook Messenger เข้าถึงคนไทยที่ใช้อินเทอร์เน็ต 84.7% กลุ่มผู้ใช้หลักอายุตั้งแต่ อายุ 18-44 ปี เหมาะกับการทำตลาดในลักษณะเป็นพื้นที่ปิดการขาย โดยผ่านการใช้บอท หรือแอดมินที่เป็นคน ลักษณะ content ที่แนะนำคือ ข้อความ, รูปภาพ, ลิงก์
  4. TikTok เข้าถึงคนไทยที่ใช้อินเทอร์เน็ต 79.6% มาแรงแซงโค้งมากในช่วงโควิดที่ผ่านมาและกว่า90% ของผู้ใช้เปิดแอป หลายครั้งต่อวัน เหมาะกับการทำตลาดด้วย Influencer โดยลักษณะ
  5. Content ที่แนะนำคือ วีดิโอ ฟิลเตอร์ ที่เน้นความบันเทิง และความตลกนำ หรือการทำ Challenge ต่างๆ
  6. Instagram เข้าถึงคนไทยที่ใช้อินเทอร์เน็ต 68.7% กลุ่มผู้ใช้หลักอายุ 18-34 ปี ลักษณะ content ที่แนะนำคือรูปภาพ ข้อความ และวีดิโอ ที่เน้นการสร้างแรงบันดาลใจ และการออกไปผจญภัย ท่องโลก เปิดประสบการณ์ใหม่

8 เทรนด์การตลาดดิจิทัลครั้งใหญ่ในปี 2023

9

และเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเลือกใช้วิธีการทำตลาดดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพลองไปดูว่าเทรนด์การตลาดดิจิทัลที่น่าสนในในปี 2023 มีอะไรบ้าง

1. การเก็บข้อมูลลูกค้าผ่านแบบฟอร์มออนไลน์

ฐานข้อมูลลูกค้านับแต่นี้จะมีความสำคัญมาก และการตลาดดิจิทัลก็ต้องเลือกใช้วิธีการที่ถูกต้อง และพัฒนาวิธีการจัดเก็บข้อมูลที่แตกต่างจากในอดีต หันมาเน้นการกรอกแบบฟอร์มออนไลน์ให้มากขึ้นเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลากหลาย และต้องคำนึงถึงกฎหมายความเป็นส่วนตัวที่เข้มข้นมากขึ้นด้วย ซึ่งการมีข้อมูลลูกค้าจำนวนมากทำให้เรากำหนดทิศทางโปรโมชัน และการตลาดได้ง่าย รวมถึงพัฒนาสินค้าให้ถูกใจลูกค้าได้มากขึ้นด้วย

8

2.e-mail Marketing จะเติบโตมาก

แม้ช่องทางโซเชี่ยลจะหลากหลายแต่ e-mail Marketing ยังสำคัญและควรนำมาใช้ข้อมูลระบุว่าเป็นหนึ่งในวิธีการทางการตลาดที่ดีที่สุด นักการตลาด 89% ใช้การตลาดผ่านอีเมลเป็นหลักในการสร้างโอกาสในการขายด้วยการส่ง Email ไปยังฐานลูกค้าที่มีอยู่ รวมถึงผู้ที่อาจสมัครใช้งานแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างมาก

3.ต้องเน้นการใช้ Bulk SMS มากขึ้น

Bulk SMS เป็นบริการที่สะดวกสบาย ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการทำการตลาด ซึ่งบริการ Bulk SMS นี้จะเน้นการส่ง SMS ในจำนวนมาก ๆ เหมาะกับการส่งข้อความสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ทางการตลาด เพื่อเป็นการแจ้ง ประกาศ หรือ ประชาสัมพันธ์ แม้แต่การสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ผู้ประกอบการก็สามารถใช้ SMS ในการส่งข้อความอวยพรวันเกิดไปยังลูกค้าได้ทุกคนเช่นกัน

7

4.พัฒนาแอพพลิเคชั่นให้เข้าถึงลูกค้า

ทุกวันนี้สมาร์ทโฟนคือปัจจัยที่ 5 ของมนุษย์ ดังนั้นแอพพลิเคชั่นคือช่องทางที่จะช่วยให้ลูกค้าสะดวก ประหยัดเวลาและเข้าถึงธุรกิจของเราได้อย่างดี จำเป็นมากที่ผู้ประกอบการต้องหันมาพัฒนาแอพพลิเคชันอย่างจริงจังเพื่อตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าว

5.Influencing marketing จะเติบโตต่อเนื่อง

การทำการตลาดผ่าน Influencers ที่มีฐานผู้ติดตามจำนวนมาก ไม่ว่าจะผ่าน Tiktok Instagram Facebook หรือ YouTube ถือเป็นกลยุทธ์ที่ดีในการเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ ซึ่งในที่สุดจะช่วยส่งเสริมการขายของธุรกิจได้เป็นอย่างดี ซึ่งก็ควรเลือก Influencer ที่เหมาะสมกับธุรกิจด้วย

6

6.การตลาดเชิงรุกต้องมี

การตลาดดิจิทัลที่ดีนับแต่นี้ต้องคิดเชิงรุกหรือ Aggressive marketing ให้มากขึ้นเพื่อตอบสนองกับความคาดหวังลูกค้าได้อย่างทันที ยิ่งเป็นยุคที่มีคู่แข่งเยอะมาก การตลาดที่ล่าช้าทำให้ธุรกิจของเราอาจด้อยกว่าคู่แข่งและทำให้รายได้ลดลงได้เช่นกัน

7.จ้างมืออาชีพด้านการตลาดดิจิทัลช่วยพัฒนาธุรกิจ

เทรนด์ตลาดออนไลน์ในปี 2023 คาดการณ์ว่าแข่งขันดุเดือดมาก หากผู้ประกอบการไม่มีความรู้ ขาดทักษะ ประสบการณ์ มากพออาจส่งผลเสียต่อธุรกิจได้ ด้วยเหตุนี้การจ้างมืออาชีพด้านการตลาดดิจิทัลคืออีกหนึ่งเทรนด์ที่ควรรู้และนำมาใช้เพื่อสร้างรายได้ให้ธุรกิจได้มากขึ้น

5

8.ต้องใช้ Chatbots เพิ่มมากขึ้น

แชทบอทมีประโยชน์มากขึ้นสำหรับธุรกิจออนไลน์ การใช้ Chatbots เพื่อสนทนากับลูกค้าช่วยธุรกิจขนาดเล็กและธุรกิจที่ไม่ได้เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ลูกค้าประทับใจในบริการได้มากขึ้น ซึ่งใ เว็บไซต์จำนวนมากมีแนวโน้วที่จะใช้ Chatbots เพื่อให้บริการลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมงมากขึ้น

และนอกจาก เทรนด์การตลาดดิจิทัล ที่เราต้องศึกษาและนำมาใช้ ก็ยังมีทักษะการตลาดดิจิทัลอื่นๆ ที่ควรใช้ควบคู่กับการทำ Digital Marketing เช่น Data Analysis (การวิเคราะห์ข้อมูล) , Content Creation , CRM (การรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า) ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบในยุคออนไลน์ต้องศึกษาและนำมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/3TWK2FW , https://bit.ly/3i25V9n , https://bit.ly/3EYsYv2 , https://bit.ly/3OFaIdd

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3UlinPi


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด