8 วิธีจ่ายหนี้บ้านให้หมดเร็ว

บ้านเป็นหนึ่งใน ทรัพย์สิน ที่ทุกคนใฝ่ฝันอยากครอบครอง แต่ปัญหาอยู่ที่จะซื้อเงินสดก็ไม่มีเงิน แต่ถ้าจะผ่อนยาวๆ สบายๆ หลายปี ก็กลัวว่าเงินจะจมไปกับอัตราดอกเบี้ย และมีปัญหาตามมา

แต่ถ้าจะซื้อบ้านจริงๆ จะมีวิธีไหนบ้าง ที่จะช่วยให้สามารถผ่อนบ้านให้หมดเร็วๆ ได้ วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com รวบรวม 8 วิธีจ่ายหนี้บ้าน ให้หมดเร็ว มาฝากครับ

8 วิธีจ่ายหนี้บ้าน

ภาพจาก bit.ly/3ivljJe

1.เพิ่มเงินดาวน์ให้มาก

กรณีนี้ต้องวางแผนก่อนจะทำการขอกู้ซื้อบ้านกับทางธนาคาร ผู้ซื้อต้องจ่ายเงินดาวน์ให้มากที่สุด เพราะการจ่ายเงินดาวน์จำนวนมากจะทำให้เงินต้นลดลง ทำให้คุณสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในเรื่องดอกเบี้ยได้

2.เพิ่มจำนวนเงินผ่อน

เป็นการจ่ายเงินค่าบ้านเกินกว่าจำนวนที่ทางธนาคารกำหนดในแต่ละเดือน โดยเงินส่วนต่างที่จ่ายเกินไปจะถูกนำไปหักกับเงินต้นเดิม เมื่อเงินต้นลดลง ดอกเบี้ยก็จะลดลงตามไปด้วย เช่น เพิ่มเงินงวดที่ 13-24 ให้มากกว่าเงินชำระงวดที่ 1-12

5

ภาพจาก bit.ly/2VwgLKa

3.โปะเงินเพิ่มทุกเดือน

เป็นการจ่ายเงินค่าบ้านเพิ่มอีกเท่าตัว สมมติหากคุณผ่อนค่าบ้าน 10,000 บาท/เดือน เดือนหน้าก็ต้องจ่ายเพิ่มเป็น 20,000 บาท เทคนิคนี้จะช่วยให้สามารถผ่อนบ้านได้เร็วขึ้นอย่างแน่นอน แต่ขึ้นอยู่กับราคาบ้านด้วย

4.รีบโปะช่วงอัตราดอกเบี้ยต่ำ

ปกติแล้วอัตราดอกเบี้ยต่ำจะอยู่ในช่วง 1-3 ปีแรก หลังจากนั้นดอกเบี้ยจะสูงขึ้นตาม MRR (อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำที่ธนาคารเรียกเก็บจากลูกค้ารายย่อยชั้นดี) ซึ่งในช่วงปีแรกอาจเสียดอกเบี้ย 3-4% แต่หลังจากนั้นอาจเสีย 5-8%

4

ภาพจาก bit.ly/3xsaVGB

5.มีเงินก้อนให้รีบโปะ

ใครจะไปรู้ว่าผ่อนบ้านไปแล้ว 2-3 ปี เกิดฝันดีขึ้นมา เสี่ยงโชคซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ถูกรางวัลที่ 1 นั่นแหละต้องนำเงินก้อนนี้ไปโปะค่าบ้านให้หมด หรือให้เหลือน้อยที่สุด รวมถึงเงินโบนัส เงินพิเศษ และอื่นๆ

6.รีไฟแนนซ์

เป็นการกู้เงินจากธนาคารอื่นที่จ่ายดอกเบี้ยถูกมาจ่ายให้ธนาคารที่เคยกู้ แต่เมื่อผ่อนครบ 3 ปี จะหมดโปรโมชั่นดอกเบี้ยต่ำกับธนาคาร พอขึ้นปีที่ 4 ดอกเบี้ยจะลอยตัวตาม MRR (อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำที่ธนาคารเรียกเก็บจากลูกค้ารายย่อยชั้นดี) สำหรับคนที่จะทำการรีไฟแนนซ์ต้องดูเงื่อนไขสัญญาที่ทำไว้กับธนาคารด้วย

3

ภาพจาก bit.ly/2VCY2ML

7.หารายได้เพิ่ม

แม้การผ่อนบ้านจะใช้ระยะเวลานานประมาณ 20-30 ปี แต่ถ้าคุณมีรายได้เพิ่มนอกเหนือรายได้ประจำมาช่วยผ่อนค่าบ้าน โดยจ่ายแพงกว่าเดิมทุกๆ เดือน ก็จะทำให้คุณสามารถผ่อนค่าบ้านได้หมดเร็วกว่าเดิม เช่น อาจลงทุนหลายๆ ธุรกิจ

8.เตรียมเงินสำรองฉุกเฉิน

ถือว่าสำคัญเพราะไม่มีใครการันตีได้ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ควรมีเงินสำรองไว้อย่างน้อย 6 เท่าของรายจ่ายและภาระหนี้แต่ละเดือน ไว้ใช้ในกรณีเกิดวิกฤติ รายได้สะดุด บริษัทปิดกิจการ หรือตกงาน ก็ยังมีเงินสำรองไว้ชำระค่าบ้านได้

นั่นคือ 8 วิธีจ่ายหนี้บ้าน ให้หมดเร็ว ใครที่อยากมีบ้าน อยากสบายใจ ไร้ความกังวล ไร้หนี้สินเร็ว ลองนำวิธีการผ่อนบ้านตามบทความข้างต้นไปปรับใช้ดูครับ ว่ามีความเหมาะสมกับตัวเองหรือไม่ และไม่ทำให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง

SMEs Tips

  1. เพิ่มเงินดาวน์ให้มาก
  2. เพิ่มจำนวนเงินผ่อน
  3. โปะเงินเพิ่มทุกเดือน
  4. รีบโปะช่วงอัตราดอกเบี้ยต่ำ
  5. มีเงินก้อนให้รีบโปะ
  6. รีไฟแนนซ์
  7. หารายได้เพิ่ม
  8. เตรียมเงินสำรองฉุกเฉิน

 

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3fIMHS8

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


8 ขั้นตอน การพัฒนาระบบแฟรนไชส์

1. การวางแผนธุรกิจ ก่อนทำแฟรนไชส์

  • กำหนดรูปแบบธุรกิจ (Business Model) ให้มีความชัดเจน โดนใจลูกค้า
  • ชื่อกิจการ (Brand)
  • การสร้างผลการดำเนินธุรกิจที่ดี ได้ผลกำไร มีความมั่นคง (Good ROI)
  • การสร้างแบรนด์ ตราสินค้า ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักผู้บริโภค
  • การพัฒนาสินค้าบริการ ให้มีคุณภาพมาตรฐาน และระบบการจัดการที่เป็นมาตรฐาน
  • การพัฒนาระบบบริการจัดการ จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
  • วางโครงสร้างองค์กรใหม่ รวมถึงการพัฒนาบุคลากร ทีมงาน สนับสนุนระบบแฟรนไชส์
  • การวางแผน และกำหนดเป้าหมายการขยายธุรกิจ การขยายสาขา ทั้งในและต่างประเทศ
  • การกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจ ทำเลที่ตั้ง และรูปแบบของร้านค้า
  • การเลือกใช้สื่อต่างๆ ช่องทางต่างๆ ในการจัดกิจกรรม เพื่อสร้างแบรนด์แฟรนไชส์

2. การรวบรวมข้อมูลธุรกิจ

  • ระบบการปฏิบัติงาน วิธีการบริหารจัดการธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
  • ระบบการเงิน การบัญชี
  • งบประมาณในการลงทุนธุรกิจ การขยายสาขา
  • รูปแบบของร้านค้า รูปแบบของตราสินค้า ที่เป็นเอกลักษณ์
  • ระบบการสต็อกสินค้า จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
  • แผนงานการตลาด การส่งเสริมการขายต่างๆ
  • กระบวนการพัฒนาบุคลากร ทีมงานด้านต่างๆ

3. การวิเคราะห์ธุรกิจแฟรนไชส์

  • ธุรกิจเปิดมานานหลายปี จำนวนไม่น้อยกว่า 1สาขา
  • แบรนด์มีชื่อเสียงได้รับความนิยม เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในวงกว้าง
  • สินค้าและบริการ มีคุณภาพมาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาด
  • เป็นธุรกิจที่มีความมั่นคง ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ มีผลกำไร ต่อเนื่อง เป็นที่น่าพอใจ
  • มีระบบการทำงาน การปฏิบัติงาน แผนการทำงานที่ชัดเจน สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นได้
  • มีระบบการพัฒนาบุคลากร และสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง เป็นมาตรฐาน
  • ประสบความสำเร็จทางด้านการตลาด การสร้างแบรนด์ การส่งเสริมการขายต่างๆ
  • แผนกลยุทธ์การขยายสาขา และเติบโตต่อเนื่อง เป็นรายเดือน หรือ รายปี

4. การวางโครงสร้างของระบบแฟรนไชส์

  • กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค
  • การสร้างองค์ความรู้ ระบบปฏิบัติงานต่างๆ ที่พร้อมถ่ายทอดให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • วางระบบการปฏิบัติงานของแต่ละขั้นตอนธุรกิจ ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ง่าย
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย แต่ละแผนกให้ชัดเจน รวมถึงขั้นตอนการอบรม ระบบตรวจสอบ เพื่อสร้างมาตรฐานธุรกิจแฟรนไชส์
  • สร้างระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซี หรือผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • การกำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ ในการขยายสาขาแฟรนไชส์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า (ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์)
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม พร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ช่วงเริ่มต้นได้
  • เงื่อนไขการเปิดสาขาในด้านต่างๆ

5. การวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจแฟรนไชส์

  • แผนการขยายแฟรนไชส์
  • ระบบการเงิน
  • ค่าธรรมเนียมต่างๆ
  • ข้อเสนอแฟรนไชส์ซี
  • การจดทะเบียนแฟรนไชส์
  • เรื่องกฎหมาย อายุสัญญาแฟรนไชส์
  • ระบบปฏิบัติงาน รูปแบบการให้สิทธิ
  • การตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์
  • แพ็คเกจต่างๆ ระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซีอย่างต่อเนื่อง
  • การจัดทำคู่มือแฟรนไชส์ หรือโปรแกรมแฟรนไชส์
  • การจัดทำสัญญาแฟรนไชส์ รวมถึงเครื่องหมายการค้า

6. การวางแผนเพื่อขยายสาขาธุรกิจแฟรนไชส์

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ เจ้าของแฟรนไชส์จะบริหารจัดการเองทุกอย่าง เพื่อสร้างความโดดเด่น สร้างความเด่นชัดให้แก่นักลงทุน ได้เห็นภาพของร้านที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การลงทุนเปิดสาขาแฟรนไชส์ในภายหลัง
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟนไชส์ คือ เมื่อสาขาแรกมีความแข็งแกร่ง มั่นคง มีผลกำไรต่อเนื่อง เป็นที่ยอมรับของลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ แล้ว ก็ทดลองขยายสาขาเพิ่มอีก เพื่อทดสอบสาขาที่ 2 เป็นอย่างไร โดยนำเอาระบบการปฏิบัติงานทุกอย่างของร้านสาขาแรกมาปฏิบัติ ถ้าประสบความสำเร็จ ก็ค่อยขยายสาขาตัวเองเพิ่มอีก 2-3 สาขา ถ้าประสบความสำเร็จเหมือนสาขาแรก ก็ค่อยคิดขายแฟรนไชส์ให้กับคนอื่น

7. กระบวนการพัฒนาและปรับปรุงระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น (ระบบการบริหารจัดการในร้าน ขั้นตอนการปฏิบัติงาน)วิเคราะห์ระบบการเงิน การลงทุน ในแต่ละสาขาที่เปิดทดลอง
  • พิจารณาปรับปรุงระบบงาน ระบบการทำงานต่างๆ ให้เหมาะสม
  • ระบบการพัฒนาทีมงานรองรับการขยายงาน ขยายสาขา
  • การวางแผนงานขยายสาขาแฟรนไชส์
  • เก็บข้อมูลรายละเอียดต่างๆ กลุ่มลูกค้า ผลประกอบการ การดำเนินงาน ของสาขาแรก หรือสาขาต้นแบบ เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด ก่อนเปิดสาขาที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และขายแฟรนไชส์
  • จัดวางงบประมาณ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการขยายธุรกิจแฟรนไชส์

8. แผนการตลาดของธุรกิจแฟรนไชส์

  • การจัดทำคู่มือต่างๆ เพื่อแนะนำธุรกิจแฟรนไชส์
  • กระบวนการขายแฟรนไชส์ การคัดเลือกผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • กระบวนการติดตามลูกค้าเป้าหมาย
  • การนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ในงานแสดงธุรกิจแฟรนไชส์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
  • การจัดงาน สัมมนาการขายธุรกิจ แฟรนไชส์
  • การเปิดเยี่ยมชมธุรกิจ ร้านต้นแบบแฟรนไชส์
  • กระบวนการคัดเลือกแฟรนไชส์ซีที่เหมาะสม ตามหลักมาตรฐานแฟรนไชส์สากล
  • กระบวนการถ่ายทอดความรู้ การอบรม และให้คำปรึกษาแก่แฟรนไชส์ซี

สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช