8 คุณลักษณะ “แฟรนไชส์ทิพย์” ไม่รู้ไม่ได้แล้ว!
แม้ว่า “แฟรนไชส์” จะเป็นที่รู้จักของคนไทย แต่หากมองให้ดีมีน้อยคนที่จะรู้และเข้าใจความหมายของแฟรนไชส์อย่างแท้จริง ซึ่งบางคนมองว่าเป็นการใช้เงินลงทุนในธุรกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยที่ไม่ต้องลงมือดำเนินธุรกิจด้วยตัวเอง รอคอยเพียงเงินปันผลที่จะได้รับในแต่เดือนเท่านั้น ซึ่งรูปแบบดังกล่าวไม่ถือเป็นธุรกิจแฟรนไชส์อย่างที่หลายคนเข้าใจ
ใครที่อยากลงทุนแฟรนไชส์จริงๆ แต่ไม่อยากโดนหลอกให้เสียเงิน วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com จะนำเสนอ 8 คุณลักษณะ “ แฟรนไชส์ทิพย์ ” หรือธุรกิจที่พยามแอบอ้างขายแฟรนไชส์ เพื่อหารายได้เข้าตัวเองอย่างเดียว โดยไม่มีระบบการทำงานที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว และการสนับสนุนผู้ซื้อแฟรนไชส์แต่อย่างใด
1.ลงทุนน้อยแต่ได้กำไรมาก
ธุรกิจแฟรนไชส์ที่ใช้เงินลงทุนน้อย แต่เจ้าของแฟรนไชส์บอกว่าได้กำไรมาก ควรที่จะเลี่ยงการลงทุน เพราะคุณอาจจะถูกหลอกเหมือนกับแชร์ลูกโซ่ ที่พยายามดึงดูดให้คนสมัครเป็นสมาชิก แล้วแบ่งผลประประโยชน์และกำไรในภายหลัง
2.ขายวัตถุดิบและอุปกรณ์
ธุรกิจแฟรนไชส์จริงๆ ต้องเก็บค่า Franchise Fee และ Royalty Fee เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือและสนับสนุนแฟรนไชส์ซีให้เติบโตไปด้วยกัน ถ้าเป็นธุรกิจที่ขายวัตถุดิบและอุปกรณ์อย่างเดียว ถือเป็นแฟรนไชส์ทิพย์
3.ไม่ลงมือเปิดร้านก็มีรายได้
หลายคนอาจเคยได้ยินข่าวเจ้าของธุรกิจรับสมัครผู้สนใจลงทุนเปิดร้านแฟรนไชส์ ใช้เงินเท่านั้นเท่านี้ โดยผู้ลงทุนไม่ต้องลงมือเปิดร้านขายเอง แต่ทางบริษัทเป็นผู้จัดการเองทั้งหมด ทั้งหาพนักงาน คนดูแลร้าน พอถึงสิ้นเดือนผู้ลงทุนจะได้รับเงินปันผลจากเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ เช่น ลงทุน 45,000 บาท ได้ปันผล 10,000 บาท เป็นเวลา 10 เดือน สุดท้ายไม่ได้ครบ
4.สมัครสมาชิกได้ผลตอบแทน
ธุรกิจแฟรนไชส์ที่มีการชักชวนคนเป็นสมาชิกและระดมทุน โดยจะมีการคืนเงินปันผลให้กับสมาชิกตามที่ได้ลงเงินตามเงื่อนไข รวมถึงนำเสนอสิทธิพิเศษต่างๆ และจำนวนเงินมหาศาล เพื่อล่อใจให้คนเข้ามาร่วมลงทุนมากๆ ให้ผลตอบแทนที่สูงเกินความเป็นจริง ในช่วงแรกจ่ายให้จริง แต่ระยะหลังเริ่มไม่มีเงินจ่ายให้สมาชิกจนเกิดปัญหาการฟ้องร้องตามมา
5.เสียค่าแฟรนไชส์ แต่ไม่ได้สินค้า
มีหลายๆ ธุรกิจที่อ้างตัวเองว่าเป็นแฟรนไชส์ ใช้รูปแบบรับสมัครผู้ลงทุนแฟรนไชส์เปิดร้านขายของ เพียงแค่มีร้านก็เปิดได้ หรือแตกแต่งร้านใหม่เอง สมัครแล้วโอนเงิน เซ็นสัญญา แต่พอถึงเวลากลับไม่ได้สินค้า ติดต่อเจ้าของแฟรนไชส์ไม่ได้
6.ธุรกิจไม่มีที่ตั้งสำนักงานชัดเจน
ธุรกิจแฟรนไชส์จริงๆ ต้องมีที่ตั้งสำนักงานชัดเจน จดทะเบียนแบบนิติบุคคล หรือบุคคลธรรมดา ที่ผู้ซื้อแฟรนไชส์สามารถตรวจสอบได้ และมีการจดเครื่องหมายการค้าอย่างถูกต้อง แต่ถ้าแฟรนไชส์ที่ไม่มีที่ตั้งสำนักงาน ไม่มีร้านต้นแบบแฟรนไชส์ให้ผู้ลงทุนแฟรนไชส์ได้เห็นรูปแบบของธุรกิจ ถือเป็นแฟรนไชส์ทิพย์ที่เตรียมจะหลอกนักลงทุน
7.ไม่มีการทำสัญญาแฟรนไชส์
ระบบแฟรนไชส์ที่แท้จริง ต้องมีเรื่องของการเซ็นสัญญาระหว่างเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์และผู้ซื้อแฟรนไชส์ ว่าจะให้สิทธิผู้ซื้อแฟรนไชส์ดำเนินธุรกิจกี่ปี ต่อสัญญาได้อีกกี่ปี และกำหนดบทบาทหน้าที่ของแต่ละฝ่ายไว้อย่างชัดเจนในสัญญา หากใครทำผิดเงื่อนไข ก็สามารถฟ้องร้อง หรือยกเลิกสัญญาได้ แต่ถ้าซื้อขายกันโดยไม่มีสัญญาอาจนำไปสู่การหลอกลวง
8.ไม่ถ่ายทอดรูปแบบการทำธุรกิจ
ธุรกิจที่ไม่มีการถ่ายทอดรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาแล้วให้กับผู้ซื้อแฟรนไชส์ ไม่มีการติดตั้งร้านค้า ไม่มีการติดตั้งระบบ หรือส่งทีมงานมาร่วมพัฒนาธุรกิจหลังจากลงทุนร่วมกันแล้ว ไม่ถือเป็นแฟรนไชส์ เพราะแฟรนไชส์นอกจากผู้ซื้อจะได้แบรนด์ ได้ชื่อเสียง และตราสินค้าแล้ว ยังได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ และขั้นตอนการดำเนินธุรกิจทุกๆ อย่างจากเจ้าของแฟรนไชส์จนสามารถปฏิบัติตามและเปิดร้านได้
นั่นคือ 8 คุณลักษณะ “ แฟรนไชส์ทิพย์ ” ที่พยายามทำตัวเองให้เป็นแฟรนไชส์ หากใครที่กำลังคิดจะลงทุนแฟรนไชส์ลักษณะแบบนี้ ควรที่จะหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาด
Franchise Tips
- ลงทุนน้อยแต่ได้กำไรมาก
- ขายวัตถุดิบและอุปกรณ์
- ไม่ลงมือเปิดร้านก็มีรายได้
- สมัครสมาชิกได้ผลตอบแทน
- เสียค่าแฟรนไชส์ แต่ไม่ได้สินค้า
- ธุรกิจไม่มีที่ตั้งสำนักงานชัดเจน
- ไม่มีการทำสัญญาแฟรนไชส์
- ไม่ถ่ายทอดรูปแบบการทำธุรกิจ
อ้างอิงจาก https://bit.ly/3irf73U
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
8 ขั้นตอน การพัฒนาระบบแฟรนไชส์
1. การวางแผนธุรกิจ ก่อนทำแฟรนไชส์
- กำหนดรูปแบบธุรกิจ (Business Model) ให้มีความชัดเจน โดนใจลูกค้า
- ชื่อกิจการ (Brand)
- การสร้างผลการดำเนินธุรกิจที่ดี ได้ผลกำไร มีความมั่นคง (Good ROI)
- การสร้างแบรนด์ ตราสินค้า ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักผู้บริโภค
- การพัฒนาสินค้าบริการ ให้มีคุณภาพมาตรฐาน และระบบการจัดการที่เป็นมาตรฐาน
- การพัฒนาระบบบริการจัดการ จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
- วางโครงสร้างองค์กรใหม่ รวมถึงการพัฒนาบุคลากร ทีมงาน สนับสนุนระบบแฟรนไชส์
- การวางแผน และกำหนดเป้าหมายการขยายธุรกิจ การขยายสาขา ทั้งในและต่างประเทศ
- การกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจ ทำเลที่ตั้ง และรูปแบบของร้านค้า
- การเลือกใช้สื่อต่างๆ ช่องทางต่างๆ ในการจัดกิจกรรม เพื่อสร้างแบรนด์แฟรนไชส์
2. การรวบรวมข้อมูลธุรกิจ
- ระบบการปฏิบัติงาน วิธีการบริหารจัดการธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
- ระบบการเงิน การบัญชี
- งบประมาณในการลงทุนธุรกิจ การขยายสาขา
- รูปแบบของร้านค้า รูปแบบของตราสินค้า ที่เป็นเอกลักษณ์
- ระบบการสต็อกสินค้า จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
- แผนงานการตลาด การส่งเสริมการขายต่างๆ
- กระบวนการพัฒนาบุคลากร ทีมงานด้านต่างๆ
3. การวิเคราะห์ธุรกิจแฟรนไชส์
- ธุรกิจเปิดมานานหลายปี จำนวนไม่น้อยกว่า 1สาขา
- แบรนด์มีชื่อเสียงได้รับความนิยม เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในวงกว้าง
- สินค้าและบริการ มีคุณภาพมาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาด
- เป็นธุรกิจที่มีความมั่นคง ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ มีผลกำไร ต่อเนื่อง เป็นที่น่าพอใจ
- มีระบบการทำงาน การปฏิบัติงาน แผนการทำงานที่ชัดเจน สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นได้
- มีระบบการพัฒนาบุคลากร และสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง เป็นมาตรฐาน
- ประสบความสำเร็จทางด้านการตลาด การสร้างแบรนด์ การส่งเสริมการขายต่างๆ
- แผนกลยุทธ์การขยายสาขา และเติบโตต่อเนื่อง เป็นรายเดือน หรือ รายปี
4. การวางโครงสร้างของระบบแฟรนไชส์
- กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค
- การสร้างองค์ความรู้ ระบบปฏิบัติงานต่างๆ ที่พร้อมถ่ายทอดให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- วางระบบการปฏิบัติงานของแต่ละขั้นตอนธุรกิจ ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ง่าย
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย แต่ละแผนกให้ชัดเจน รวมถึงขั้นตอนการอบรม ระบบตรวจสอบ เพื่อสร้างมาตรฐานธุรกิจแฟรนไชส์
- สร้างระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซี หรือผู้ซื้อแฟรนไชส์
- การกำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ ในการขยายสาขาแฟรนไชส์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า (ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์)
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม พร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ช่วงเริ่มต้นได้
- เงื่อนไขการเปิดสาขาในด้านต่างๆ
5. การวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจแฟรนไชส์
- แผนการขยายแฟรนไชส์
- ระบบการเงิน
- ค่าธรรมเนียมต่างๆ
- ข้อเสนอแฟรนไชส์ซี
- การจดทะเบียนแฟรนไชส์
- เรื่องกฎหมาย อายุสัญญาแฟรนไชส์
- ระบบปฏิบัติงาน รูปแบบการให้สิทธิ
- การตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์
- แพ็คเกจต่างๆ ระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซีอย่างต่อเนื่อง
- การจัดทำคู่มือแฟรนไชส์ หรือโปรแกรมแฟรนไชส์
- การจัดทำสัญญาแฟรนไชส์ รวมถึงเครื่องหมายการค้า
6. การวางแผนเพื่อขยายสาขาธุรกิจแฟรนไชส์
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ เจ้าของแฟรนไชส์จะบริหารจัดการเองทุกอย่าง เพื่อสร้างความโดดเด่น สร้างความเด่นชัดให้แก่นักลงทุน ได้เห็นภาพของร้านที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การลงทุนเปิดสาขาแฟรนไชส์ในภายหลัง
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟนไชส์ คือ เมื่อสาขาแรกมีความแข็งแกร่ง มั่นคง มีผลกำไรต่อเนื่อง เป็นที่ยอมรับของลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ แล้ว ก็ทดลองขยายสาขาเพิ่มอีก เพื่อทดสอบสาขาที่ 2 เป็นอย่างไร โดยนำเอาระบบการปฏิบัติงานทุกอย่างของร้านสาขาแรกมาปฏิบัติ ถ้าประสบความสำเร็จ ก็ค่อยขยายสาขาตัวเองเพิ่มอีก 2-3 สาขา ถ้าประสบความสำเร็จเหมือนสาขาแรก ก็ค่อยคิดขายแฟรนไชส์ให้กับคนอื่น
7. กระบวนการพัฒนาและปรับปรุงระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น (ระบบการบริหารจัดการในร้าน ขั้นตอนการปฏิบัติงาน)วิเคราะห์ระบบการเงิน การลงทุน ในแต่ละสาขาที่เปิดทดลอง
- พิจารณาปรับปรุงระบบงาน ระบบการทำงานต่างๆ ให้เหมาะสม
- ระบบการพัฒนาทีมงานรองรับการขยายงาน ขยายสาขา
- การวางแผนงานขยายสาขาแฟรนไชส์
- เก็บข้อมูลรายละเอียดต่างๆ กลุ่มลูกค้า ผลประกอบการ การดำเนินงาน ของสาขาแรก หรือสาขาต้นแบบ เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด ก่อนเปิดสาขาที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และขายแฟรนไชส์
- จัดวางงบประมาณ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการขยายธุรกิจแฟรนไชส์
8. แผนการตลาดของธุรกิจแฟรนไชส์
- การจัดทำคู่มือต่างๆ เพื่อแนะนำธุรกิจแฟรนไชส์
- กระบวนการขายแฟรนไชส์ การคัดเลือกผู้ซื้อแฟรนไชส์
- กระบวนการติดตามลูกค้าเป้าหมาย
- การนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ในงานแสดงธุรกิจแฟรนไชส์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- การจัดงาน สัมมนาการขายธุรกิจ แฟรนไชส์
- การเปิดเยี่ยมชมธุรกิจ ร้านต้นแบบแฟรนไชส์
- กระบวนการคัดเลือกแฟรนไชส์ซีที่เหมาะสม ตามหลักมาตรฐานแฟรนไชส์สากล
- กระบวนการถ่ายทอดความรู้ การอบรม และให้คำปรึกษาแก่แฟรนไชส์ซี
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)