8 เรื่องน่ารู้ Ben & Jerry’s ธุรกิจไอศกรีมระดับโลกที่โตด้วยกำไรทางสังคม
เรื่องราวการทำธุรกิจมีหลายแง่มุมที่เราควรจะศึกษา หลายทฤษฏีต่างหาเหตุผลใน การสร้างความเติบโต ให้ธุรกิจด้วยการเริ่มต้นที่จำนวนเงิน แต่ในความเป็นจริงแม้เงินจะคือคำตอบสุดท้ายแต่วิธีการต่างหากที่น่าสนใจกว่า
ธุรกิจระดับโลกจำนวนไม่น้อยไม่ได้มุ่งเน้นแค่การสร้างสินค้าที่ต้องถูกใจ นำสมัย หลายแบรนด์ใช้วิธีการเข้าถึงความรู้สึกและสร้างความเป็นมิตรในใจผู้บริโภคอันเป็นรากฐานสู่การสร้างฐานลูกค้าที่นำไปสู่ความสำเร็จในทางธุรกิจที่ดีได้เช่นกัน
ภาพจาก goo.gl/A9C7JU
www.ThaiSMEsCenter.com มีเรื่องราวของการทำธุรกิจจากแบรนด์ Ben & Jerry’s ซึ่งเป็นธุรกิจไอศกรีมระดับโลกที่โด่งดังมากในอเมริกา นอกจากนี้ยังถือว่า Ben & Jerry’s เป็นแบรนด์ที่เก่าแก่อายุกว่า 40 ปีมีสาขาในอเมริกามากมายและได้ขยายสาขาเหล่านั้นไปอีก 26 ประเทศทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทยเองด้วย รสชาติไอศกรีมจาก Ben & Jerry’s ถือว่ามีเอกลักษณ์ที่เด่นชัดไม่ใช่แค่น้ำแข็งใส่น้ำตาลธรรมดาๆเท่านั้น
แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือวิธีการทำธุรกิจที่ใช้หลักของการสร้างความสุขด้วยความรู้สึกของผู้บริโภคที่ขอบอกว่าวิธีนี้นอกจากสร้างกำไรที่ดียังทำให้แบรนด์ Ben & Jerry’s อยู่ในความทรงจำชนิดที่จะเลือกสินค้านี้เป็นตัวเลือกแรกเสมอๆกันเลยทีเดียวและนี่คือ 8 เรื่องเกี่ยวกับ Ben & Jerry’s ที่เราควรรู้ไว้ มีประโยชน์มาก
1.หาสิ่งที่ชอบหนทางที่ใช่ในการทำธุรกิจ
Ben Cohen และ Jerry Greenfield คือ 2 ผู้ก่อตั้งไอศกรีมแบรนด์ Ben & Jerry’s เจอกันครั้งแรกในชั่วโมงพละศึกษา ในเมืองลองไอร์แลนด์ รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา พวกเขารู้ทันทีว่าวิชาพละไม่ใช่แนวทางที่ชื่นชอบ และสิ่งที่ทั้งสองมีเหมือนกันและนำพาให้มาเป็นเพื่อนรักกันได้คือ ความรักในการกิน
2.เริ่มต้นด้วยการศึกษาและเรียนรู้ให้เข้าใจ
Ben Cohen และ Jerry Greenfield เริ่มต้นธุรกิจไอศกรีมด้วยทุนตั้งต้นเพียงจำนวน 5 เหรียญสหรัฐ เพื่อเรียนคอร์สทำไอศกรีมทางไปรษณีย์จาก Penn State และจากนั้นก็ใช้เงินลงทุนจำนวน 12,000 เหรียญสหรัฐ เปิดร้านไอศกรีมแห่งแรกในปี 1978
3.เมื่อมีความพร้อมก็เดินหน้าให้เต็มที่
ทั้ง Ben Cohen และ Jerry Greenfield เมื่อได้เริ่มศึกษาวิธีการทำไอศกรีมจนมั่นใจว่าทำได้พวกเขาก็เริ่มต้นธุรกิจไอศกรีมโดยปรับปรุงปั๊มน้ำมันเก่าในเมืองเบอร์ลิงตัน รัฐเวอร์มอนต์ให้เป็นร้านไอศกรีมแห่งแรก และตั้งชื่อตามชื่อของพวกเขา ว่า “Ben & Jerry’s
4.หาแนวทางที่ยึดมั่นเป็นหลักในการทำธุรกิจ
ทั้งคู่ได้ตั้งปณิธาณในการทำธุรกิจว่า“เราจะสร้างสรรค์ไอศกรีมที่ดีที่สุด…ในวิถีทางที่ดีงามและเป็นไปได้มากที่สุด” (We made the best ice cream in the nicest possible way)” และ “เบน แอนด์ เจอร์รีส” ก็ยึดมั่นในพันธะสัญญาต่อลูกค้าตามวิถีทางดังกล่าว
อย่างจริงใจไอศกรีมเบน แอนด์ เจอร์รีส จึง “อัดแน่นไปด้วยสิ่งดีดี” ซึ่งไม่เพียงแต่จะมีรสชาติอร่อยถูกใจคอไอศกรีม แต่ในทุกๆ คำของความอร่อยจะมีเรื่องราวดีดีมากมาย เช่น การคัดสรรผลิตภัณฑ์นมจากวัวที่ไม่ถูกฉีดสารเร่งโต
5.ใช้กลยุทธ์การจัดกิจกรรมที่ทำให้คนนึกถึงแบรนด์
ถือเป็นกิจกรรมที่ต้องจัดต่อเนื่องทุกปีเมื่อครบรอบปีของการเปิดร้าน พวกเขาก็ได้จัดกิจกรรมคืนกำไรให้แก่ผู้บริโภคด้วยการจัดกิจกรรม Free Cone Day แจกไอศกรีมให้กินฟรีในวันครบรอบนั้น ซึ่งแนวางการจัดกิจกรรมนี้ก็ไม่ได้มีแค่ในอเมริกาเท่านั้น
แต่ทุกสาขาทั่วโลกก็ต้องมีการจัดในลักษณะเดียวกันเหมือนที่สาขาในประเทศไทยก็ได้จัดกิจกรรมนี้ไปแล้วและปรากฏว่ามีคนสนใจมาเข้าคิวรอรับสินค้ากันเป็นจำนวนมาก
6.แบรนด์ที่ดีต้องพัฒนาคนไปพร้อมกับพัฒนาแบรนด์
Ben Cohen และ Jerry Greenfield ได้ร่วมกันก่อตั้งองค์กร Greyston Bakery สำหรับการเป็นฐานในการผลิตบราวนี่ที่ได้ชื่อว่ายอดเยี่ยมที่สุดนอกจากนี้องค์กร Greyston Bakery ยังสร้างงานให้กับผู้ที่ขาดโอกาสทางสังคม
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามองค์กรนี้จะรับพวกเขาเข้าทำงานอย่างไร้เงื่อนไข จึงพูดได้ว่า Ben Cohen และ Jerry Greenfield ช่วยสร้างงานและรายได้ให้พนักงานเหล่านั้น และเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขาให้ดี โดยที่ผ่านมาพวกเขาได้ช่วยเหลือผู้ขาดโอกาสทางสังให้มีงานทำมากกว่า 2,000 คน
7.รู้จักการคืนกำไรให้สังคมอย่างเต็มใจ
ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้แบรนด์ Ben & Jerry’s เป็นสินค้าในความทรงจำของคนทั่วโลก โดยในปี1985 ทั้งเบน และเจอร์รี่ Ben Cohen และ Jerry Greenfield ได้ร่วมกันก่อตั้ง Ben & Jerry’s Foundation ขึ้น โดยพวกเขาบริจาคผลกำไรก่อนหักภาษีของบริษัทจำนวน 7.5 % เข้ามูลนิธิเพื่อสนับสนุนโครงการเพื่อสังคมต่างๆ
เพื่อเปลี่ยนแปลงให้สังคมและสิ่งแวดล้อมดีขึ้นมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกร การสนับสนุนมูลนิธิปกป้องเด็กในอเมริกา (Children’s Defense Fund) การให้ทุนสนับสนุนงานวิจัยเกี่ยวกับระบบทำความเย็นตู้แช่โดยลดการใช้สารที่ก่อปัญหาให้กับสภาะแวดล้อมของโลก ฯลฯ
8.รู้จักการต่อยอดใช้นวัตกรรมร่วมกับสินค้า
หลังจากที่ Ben & Jerry’s กลายเป็นแบรนด์ไอศกรีมในลำดับต้นๆของอเมริกาที่สามารถทำยอดขายได้ราวปีละ 500 ล้านเหรียญ แม้สินค้าหลักจะเป็นไอศกรีม แต่ทั้งนี้ Ben & Jerry’s ก็ไม่ละเลยความต้องการของลูกค้า ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงผลิตตัวล็อคฝากล่องไอศกรีมออกมา มีชื่อว่า Euphori-lock
ลักษณะเป็นห่วงพลาสติก มีกุญแจล็อคแบบใส่รหัสตัวเลขเหมือนกุญแจล็อคกระเป๋าเดินทาง ราคาจำหน่ายอันละ 6.65 เหรียญ วางจำหน่ายที่ร้านเบ็นแอนด์เจอร์รี่ และทางเว็บอเมซอนอีกด้วย และดูเหมือนว่านวัตกรรมใหม่ของ Ben & Jerry’s จะขายดีและถูกใจผู้บริโภคอยู่ไม่น้อยทีเดียว
จะเห็นได้ว่ากลยุทธ์การตลาดหลักๆของ Ben & Jerry’s นั้นเน้นไปที่เรื่องราวทางสังคมไม่ว่าจะเป็นการก่อตั้งองค์กรเพื่อให้เกิดการจ้างงาน หรือการให้เงินบริจาคตามสมาคมหรือมูลนิธิต่างๆ เหล่านี้ล้วนแต่เป็นภาพลักษณ์ด้านบวกที่ทำให้คนจดจำแบรนด์ได้เป็นอย่างดีหากใครจะทำธุรกิจจะลองพลิกแพลงเอากลยุทธ์ทางสังคมเหล่านี้ไปลองใช้ดูก็ได้อาจไม่เห็นผลทันทีแต่นี่คือการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งในระยะยาวอย่างแท้จริง
สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S
ขอบคุณข้อมูลจาก goo.gl/q47NzC , ภาพจาก facebook.com/benandjerrysTH