7 วิธีพาธุรกิจรอดตาย! ในยุควิกฤติน้ำท่วม+โควิด

ต้นปี 2563 เราเจอกับวิกฤตแรกคือการแพร่ระบาดโควิด 19 ที่ลากยาวมาจนถึงตอนนี้ซึ่งเป็นระลอกที่ 3 รวมระยะเวลากว่า 2 ปี หากจะว่าไปสถานการณ์ตอนนี้ก็เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นกับตัวเลขผู้ติดเชื้อที่น้อยลง

ท่ามกลางความหวังของคนทำธุรกิจที่คิดว่าต่อจากนี้จะกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง แต่วิกฤติซ้ำซากยังไม่หมด โควิดยังไม่ทันจะจางหายไปปีนี้ดันมาเจอกับปัญาน้ำท่วมที่เกรงว่าซ้ำรอยกับปี 2554

แม้ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เชื่อว่าจะไม่เกิดเหตุเช่นเดียวกับปี 2554 เนื่องจากเขื่อนขนาดใหญ่มีปริมาณน้ำไม่ถึงครึ่ง และอัตราการระบายน้ำยังอยู่ที่ 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ต่างจาก 10 ปีก่อน ที่มีอัตราการระบายน้ำสูงสุดที่ 3,700-3,900 ลบ.ม/วินาที

แต่ www.ThaiSMEsCenter.com เชื่อว่าหลายคนกังวลว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัดแบบนี้จะพาธุรกิจอยู่รอดได้อย่างไร เราจึงได้รวบรวม 7 วิธีการบริหารธุรกิจในยุควิกฤติซ้ำซากมาฝากกัน

7 วิธีบริหารธุรกิจในยุควิกฤติซ้ำซาก

การทำธุรกิจในยุคนี้ผู้บริหารหรือการเป็นเจ้าของธุรกิจ “วิสัยทัศน์” และ “การวางแผน” คือสิ่งสำคัญและจำเป็นมาก เจ้าของธุรกิจที่คิดเป็น ทำเป็น จะประคับประคองให้ธุรกิจอยู่รอดไปได้ เจ้าของธุรกิจที่รู้จักยืดหยุ่น มีวิธีการทำธุรกิจที่รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา จะมีโอกาสฟื้นตัวจากภาวะวิกฤติซ้ำซากได้ดีกว่า โดยมีสิ่งที่ควรมีได้แก่

1.เข้าใจพฤติกรรมลูกค้า “ประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น”

วิธีพาธุรกิจรอดตาย

ภาพจาก freepik.com

คนที่เจอวิกฤติไม่ใช่แค่เจ้าของธุรกิจเท่านั้น แต่กลุ่มลูกค้าก็คือผู้ที่ได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน บางคนตกงาน ว่างงาน ขาดรายได้ แน่นอนว่าส่งผลถึงเรื่องการจับจ่าย ดังนั้นสินค้าที่ไม่จำเป็นเขาจะไม่ซื้อ อะไรที่ไม่สำคัญก็จะไม่ควักเงินจ่าย ยิ่งวิกฤติซ้ำซากคนส่วนใหญ่ระมัดระวังการใช้จ่าย จะเก็บเงินกันมากขึ้น การลงทุนใดๆ ในธุรกิจต้องเลือกให้เหมาะสมกับพฤติกรรมผู้บริโภค เข้าใจในความต้องการ จะนำไปสู่การพัฒนาสินค้าที่ตรงกับความต้องการผู้บริโภคได้

2.รู้จักใช้เทคโนโลยีทำตลาดออนไลน์มากขึ้น

6

ภาพจาก freepik.com

ยุคนี้ไม่พูดถึงตลาดออนไลน์ก็คงไม่ได้ เพราะเป็นวิธีสำคัญที่ชี้วัดว่าธุรกิจจะอยู่รอดได้หรือไม่เลยทีเดียว การปรับตัวของผู้ประกอบการที่ไม่มีความชำนาญในเรื่องเทคโนโลยีจึงสำคัญมาก และไม่ใช่แค่การใช้เฟสบุ๊ค หรือไลน์ในการทำธุรกิจแต่มีขั้นตอนที่ลึกซึ้งและลงลึกในรายละเอียดอีกหลายอย่าง ซึ่งวิธีการทำตลาดออนไลน์แบบนี้ถ้าเราไม่มีความรู้สามารถเลือกเรียนจากคอร์สอบรมต่างๆ ได้ ซึ่งมีประโยชน์กับการทำธุรกิจอย่างมาก และในยุคที่เราต้องรับมือกับวิกฤติหลากหลายรูปแบบการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุดจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

3.มองหาตัวขับเคลื่อนยอดขายในระยะสั้น

5

ภาพจาก freepik.com

เมื่อเราต้องเจอกับวิกฤติในรูปแบบต่างๆ สิ่งสำคัญคือการสร้างยอดขายในระยะสั้นที่จะทำให้เราพอมีเงินหมุนเวียนในธุรกิจได้ แต่ปัญหาคือจะทำอย่างไรที่จะขับเคลื่อนยอดขายในระยะสั้นได้วิธีการเบื้องต้นคือมุ่งเน้นสินค้าที่สำคัญและจำเป็น ผลิตขึ้นมาก่อนพวกสินค้าฟุ่มเฟือย หรือการจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นในระยะสั้นให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคก็เป็นสิ่งสำคัญ และหากช่วงวิกฤติเราไม่สามารถหาลูกค้าใหม่ได้ การมีฐานลูกค้าเก่าจะช่วยได้มาก และธุรกิจจะต้องพยายามรักษาฐานลูกค้าเก่าเหล่านี้เอาไว้ให้ได้

4.มองหา โอกาสใหม่ เพื่อผ่าทางตัน และสร้างการเติบโต

4

ภาพจาก freepik.com

เมื่อคิดสร้างยอดขายในระยะสั้นเป็นการแก้ปัญหาเบื้องต้น แต่สิ่งที่จะทำให้ธุรกิจเดินหน้าได้คือการมองหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อจะได้เติบโตมากขึ้น ดังเช่นหลายบริษัทที่มีการพัฒนารูปแบบบริการ สินค้าแตกไลน์ใหม่ที่เจาะกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายมากขึ้น ไม่ได้โฟกัสอยู่ที่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง การจับเทรนด์ของลูกค้า การมองวิกฤตให้เป็นโอกาสคือสิ่งสำคัญที่คนทำธุรกิจต้องมีวิสัยทัศน์ในเรื่องนี้

5.วางแผนการเงินอย่างรัดกุม

3

ภาพจาก freepik.com

นอกจากนี้ผู้ประกอบการควรเตรียมความพร้อมด้านการเข้าถึง “แหล่งเงินทุน” เช่น สถาบันการเงินต่างๆ ที่ในช่วงวิกฤตจะออกสินเชื่อ และนโยบายด้านการเงินที่ช่วยเหลือผู้ประกอบการ เพื่อนำมาเสริมสภาพคล่องทางธุรกิจในช่วงเวลายากลำบาก ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งการขับเคลื่อนธุรกิจให้มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น

6.ดูแลพนักงานในยามวิกฤต

2

ภาพจาก freepik.com

ธุรกิจจะเดินหน้าไม่ได้ถ้าขาดพนักงาน โดยเฉพาะองค์กรที่มีพนักงานเก่งๆ รู้หน้าที่ในการทำงาน ควรจะเก็บรักษาบุคลากรเหล่านี้เอาไว้ให้ได้ อย่าคิดว่าพนักงานไล่ออกไปก็หาใหม่ได้ เพราะงานบางอย่างต้องอาศัยเวลาทำความเข้าใจ คนที่ทำงานใหม่ๆ ไม่มีทางเข้าใจความต้องการเหล่านี้ เช่น การดิวลูกค้า การติดต่อหาลูกค้า หรือลักษณะงานบางอย่างที่ต้องอาศัยประสบการณ์ในการทำ ไม่สามารถถ่ายทอดสอนกันได้ทันที ถ้าองค์ไหนไม่ให้ความสำคัญกับพนักงาน เลือกแต่จะใช้งาน คิดว่าจ่ายเงินเดือนแล้วทุกอย่างจะจบ องค์กรเหล่านี้ถือว่าไม่ดูแลพนักงานในยามวิกฤติซึ่งมีผลทำให้พนักงานเองก็ไม่มีใจที่อยากจะทำงานด้วย ส่งผลเสียหายต่อธุรกิจในระยะยาวได้

7.เดินหน้าสร้าง “Engagement” กับลูกค้า

1

ภาพจาก https://bit.ly/3AkWrJL

Engagement คือการสร้างความประทับใจหรือสัมพันธ์อันดี โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ลูกค้ารู้ถึงความเคลื่อนไหวของแบรนด์ เช่น กรณีของรถยนต์อย่างโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทยทำแคมเปญเพื่อสังคม เปิดให้ผู้บริโภคสามารถนำรถทุกยี่ห้อมาให้ศูนย์โตโยต้าทั่วประเทศ มาทำความสะอาดฆ่าเชื้อ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ หรือแม้แต่กิจกรรมทางสังคมในรูปแบบต่างๆ ก็ล้วนแต่เป็นการสร้างความเคลื่อนไหวและภาพลักษณ์ที่ดี มีผลต่อธุรกิจในระยะยาวได้

ปัจจัยเสี่ยงในการเจอวิกฤติต่างๆ เป็นสิ่งที่คนทำธุรกิจหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การวางแผนที่ดีจะลดปัญหาจากหนักให้เป็นเบา ทำให้ธุรกิจได้รับผลกระทบไม่มากจนเกินไป และเมื่อสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายจะมีโอกาสฟื้นตัวกลับมาได้เร็วกว่า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ของเจ้าของธุรกิจเป็นสำคัญด้วย

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3mzWxII

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise


8 ขั้นตอน การพัฒนาระบบแฟรนไชส์

1. การวางแผนธุรกิจ ก่อนทำแฟรนไชส์

  • กำหนดรูปแบบธุรกิจ (Business Model) ให้มีความชัดเจน โดนใจลูกค้า
  • ชื่อกิจการ (Brand)
  • การสร้างผลการดำเนินธุรกิจที่ดี ได้ผลกำไร มีความมั่นคง (Good ROI)
  • การสร้างแบรนด์ ตราสินค้า ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักผู้บริโภค
  • การพัฒนาสินค้าบริการ ให้มีคุณภาพมาตรฐาน และระบบการจัดการที่เป็นมาตรฐาน
  • การพัฒนาระบบบริการจัดการ จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
  • วางโครงสร้างองค์กรใหม่ รวมถึงการพัฒนาบุคลากร ทีมงาน สนับสนุนระบบแฟรนไชส์
  • การวางแผน และกำหนดเป้าหมายการขยายธุรกิจ การขยายสาขา ทั้งในและต่างประเทศ
  • การกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจ ทำเลที่ตั้ง และรูปแบบของร้านค้า
  • การเลือกใช้สื่อต่างๆ ช่องทางต่างๆ ในการจัดกิจกรรม เพื่อสร้างแบรนด์แฟรนไชส์

2. การรวบรวมข้อมูลธุรกิจ

  • ระบบการปฏิบัติงาน วิธีการบริหารจัดการธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
  • ระบบการเงิน การบัญชี
  • งบประมาณในการลงทุนธุรกิจ การขยายสาขา
  • รูปแบบของร้านค้า รูปแบบของตราสินค้า ที่เป็นเอกลักษณ์
  • ระบบการสต็อกสินค้า จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
  • แผนงานการตลาด การส่งเสริมการขายต่างๆ
  • กระบวนการพัฒนาบุคลากร ทีมงานด้านต่างๆ

3. การวิเคราะห์ธุรกิจแฟรนไชส์

  • ธุรกิจเปิดมานานหลายปี จำนวนไม่น้อยกว่า 1สาขา
  • แบรนด์มีชื่อเสียงได้รับความนิยม เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในวงกว้าง
  • สินค้าและบริการ มีคุณภาพมาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาด
  • เป็นธุรกิจที่มีความมั่นคง ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ มีผลกำไร ต่อเนื่อง เป็นที่น่าพอใจ
  • มีระบบการทำงาน การปฏิบัติงาน แผนการทำงานที่ชัดเจน สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นได้
  • มีระบบการพัฒนาบุคลากร และสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง เป็นมาตรฐาน
  • ประสบความสำเร็จทางด้านการตลาด การสร้างแบรนด์ การส่งเสริมการขายต่างๆ
  • แผนกลยุทธ์การขยายสาขา และเติบโตต่อเนื่อง เป็นรายเดือน หรือ รายปี

4. การวางโครงสร้างของระบบแฟรนไชส์

  • กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค
  • การสร้างองค์ความรู้ ระบบปฏิบัติงานต่างๆ ที่พร้อมถ่ายทอดให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • วางระบบการปฏิบัติงานของแต่ละขั้นตอนธุรกิจ ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ง่าย
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย แต่ละแผนกให้ชัดเจน รวมถึงขั้นตอนการอบรม ระบบตรวจสอบ เพื่อสร้างมาตรฐานธุรกิจแฟรนไชส์
  • สร้างระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซี หรือผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • การกำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ ในการขยายสาขาแฟรนไชส์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า (ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์)
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม พร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ช่วงเริ่มต้นได้
  • เงื่อนไขการเปิดสาขาในด้านต่างๆ

5. การวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจแฟรนไชส์

  • แผนการขยายแฟรนไชส์
  • ระบบการเงิน
  • ค่าธรรมเนียมต่างๆ
  • ข้อเสนอแฟรนไชส์ซี
  • การจดทะเบียนแฟรนไชส์
  • เรื่องกฎหมาย อายุสัญญาแฟรนไชส์
  • ระบบปฏิบัติงาน รูปแบบการให้สิทธิ
  • การตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์
  • แพ็คเกจต่างๆ ระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซีอย่างต่อเนื่อง
  • การจัดทำคู่มือแฟรนไชส์ หรือโปรแกรมแฟรนไชส์
  • การจัดทำสัญญาแฟรนไชส์ รวมถึงเครื่องหมายการค้า

6. การวางแผนเพื่อขยายสาขาธุรกิจแฟรนไชส์

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ เจ้าของแฟรนไชส์จะบริหารจัดการเองทุกอย่าง เพื่อสร้างความโดดเด่น สร้างความเด่นชัดให้แก่นักลงทุน ได้เห็นภาพของร้านที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การลงทุนเปิดสาขาแฟรนไชส์ในภายหลัง
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟนไชส์ คือ เมื่อสาขาแรกมีความแข็งแกร่ง มั่นคง มีผลกำไรต่อเนื่อง เป็นที่ยอมรับของลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ แล้ว ก็ทดลองขยายสาขาเพิ่มอีก เพื่อทดสอบสาขาที่ 2 เป็นอย่างไร โดยนำเอาระบบการปฏิบัติงานทุกอย่างของร้านสาขาแรกมาปฏิบัติ ถ้าประสบความสำเร็จ ก็ค่อยขยายสาขาตัวเองเพิ่มอีก 2-3 สาขา ถ้าประสบความสำเร็จเหมือนสาขาแรก ก็ค่อยคิดขายแฟรนไชส์ให้กับคนอื่น

7. กระบวนการพัฒนาและปรับปรุงระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น (ระบบการบริหารจัดการในร้าน ขั้นตอนการปฏิบัติงาน)วิเคราะห์ระบบการเงิน การลงทุน ในแต่ละสาขาที่เปิดทดลอง
  • พิจารณาปรับปรุงระบบงาน ระบบการทำงานต่างๆ ให้เหมาะสม
  • ระบบการพัฒนาทีมงานรองรับการขยายงาน ขยายสาขา
  • การวางแผนงานขยายสาขาแฟรนไชส์
  • เก็บข้อมูลรายละเอียดต่างๆ กลุ่มลูกค้า ผลประกอบการ การดำเนินงาน ของสาขาแรก หรือสาขาต้นแบบ เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด ก่อนเปิดสาขาที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และขายแฟรนไชส์
  • จัดวางงบประมาณ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการขยายธุรกิจแฟรนไชส์

8. แผนการตลาดของธุรกิจแฟรนไชส์

  • การจัดทำคู่มือต่างๆ เพื่อแนะนำธุรกิจแฟรนไชส์
  • กระบวนการขายแฟรนไชส์ การคัดเลือกผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • กระบวนการติดตามลูกค้าเป้าหมาย
  • การนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ในงานแสดงธุรกิจแฟรนไชส์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
  • การจัดงาน สัมมนาการขายธุรกิจ แฟรนไชส์
  • การเปิดเยี่ยมชมธุรกิจ ร้านต้นแบบแฟรนไชส์
  • กระบวนการคัดเลือกแฟรนไชส์ซีที่เหมาะสม ตามหลักมาตรฐานแฟรนไชส์สากล
  • กระบวนการถ่ายทอดความรู้ การอบรม และให้คำปรึกษาแก่แฟรนไชส์ซี

สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

 

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด