7 ปัจจัยเลือกทำเลที่ตั้ง Site Selection

ปัจจัยในการเลือกทำเลที่ตั้งอาจแตกต่างกันในแต่ละคน บางคนอาจให้ความสำคัญเรื่องค่าเช่าเป็นหลัก เพราะถูกจำกัดด้วยเรื่องงบประมาณ บางคนอยากได้พื้นที่ที่คนพลุกพล่านหรือใกล้รถไฟฟ้ามากกว่า เพราะคนยิ่งมากโอกาสการขายก็มาก บางร้านต้องการพื้นที่มากๆ ในการขาย และต้องลงทุนจำนวนมาก

ก่อนที่จะพิจารณาถึงปัจจัยในการเลือกทำเลที่ตั้งร้าน วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com อยากให้ผู้ประกอบการต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ก่อนว่า ใครคือกลุ่มลูกค้า ขายอะไร ต้องการพื้นที่ประมาณเท่าไหร่ และต้องการพื้นที่แบบไหน

1.ลูกค้าเป้าหมาย

7 ปัจจัยเลือกทำเล

กลุ่มคนที่เราต้องการเข้าถึง และทำการค้าด้วย หวังให้เขาเป็นลูกค้าประจำ ซึ่งจะมีความแตกต่างกันในแต่ละทำเลและสินค้าที่ขาย กลุ่มเป้าหมายจะแบ่งออกเป็น กลุ่มเป้าหมายหลักจะให้ความสนใจมากที่สุด คาดหวังให้พวกเขาเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีมูลค่ามากที่สุด และกลุ่มเป้าหมายรอง มีความสนใจสินค้าและบริการบ้าง แต่อาจต้องมีสินค้ามากกว่าหนึ่งอย่างให้ลูกค้ากลุ่มนี้ได้ตัดสินใจ

2.การเข้าถึง

25

ยิ่งลูกค้าสามารถมาที่ร้านเราได้หลายช่องทางยิ่งทำให้มีโอกาสในการขายมาก ถ้าร้านอยู่ในซอยเล็ก รถสวนกันยากและร้านอยู่ฝั่งขาเข้าเมือง ซึ่งในตอนเย็นลูกค้าส่วนมากจะเดินทางออกนอกเมือง อาจทำให้ลูกค้าไม่อยากแวะร้านเราก็ได้ หรือถ้าร้านอยู่ทำเลดีแต่อยู่ลึก มองเห็นยาก ลูกค้าก็ไม่อยากเดินไป

3.การมองเห็น

26

ถ้าร้านอยู่ในทำที่ติดถนน มีรถสัญจรผ่านไปมาตลอดเวลา มีคนเดินพลุกพล่าน แม้ว่าวันนั้นลูกค้าแค่ผ่านไม่ได้เข้าใช้บริการ แต่ลูกค้าก็น่าจะจำชื่อร้านได้ หรือรู้ว่ามีร้านอยู่ตรงไหน หรือถ้าร้านอยู่ในซอย หากติดตั้งป้ายชื่อร้านหน้าปากทางเข้า ก็ทำให้ลูกค้ารู้ว่ามีร้านของเราตั้งอยู่เช่นกัน

4.ที่จอดรถ

20

แม้ว่าร้านเราจะเป็นร้านดัง รสชาติอร่อย บรรยากาศดี ถ้าไม่มีที่จอดรถ ทำให้ลูกค้าไม่สะดวกสบายในการเข้ามาใช้บริการในร้าน เขาอาจเลือกใช้บริการร้านที่มีที่จอดรถแทน หรือหากร้านไม่มีที่จอดรถก็อาจเช่าพื้นที่ใกล้เคียงทำที่จอดแทนก็ได้

5.ค่าเช่า

24

ค่าเช่าจะถูกหรือแพง ขึ้นอยู่กับกำไรที่ร้านทำได้เมื่อหักค่าเช่า โดยทั่วไปร้านอาหารไม่ควรเสียค่าเช่าที่รวมค่าส่วนกลางทั้งหมด แต่ไม่รวมค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าแก๊ส อยู่ในช่วง 5-10% แต่ต้องดูประเภทอาหารที่ขาย และค่าใช้จ่ายต่อคนด้วย

6.สัญญาเช่า

23

การทำสัญญาเราสามารถต่อรองได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กัลคู่สัญญาต้องตกลงกันเอง ถ้าร้านเรามีชื่อเสียงหรือพื้นที่ที่เราต้องการว่างไม่มีการเช่ามาระยะหนึ่ง ย่อมทำให้เราสามารถต่อรองได้ระดับหนึ่ง อาจเป็นการลดราคาค่าเช่า หรือลดจำนวนเงินวางประกัน หรือไม่คิดเช่าในช่วงตกแต่งร้าน หรือ 1-2 เดือนแรก

7.การแข่งขัน

21

คู่แข่งขันทำให้เรารู้ว่าลูกค้าละแวกนั้นเป็นใคร มีพฤติกรรมการบริโภคอย่างไร ราคาขายต่อหัวอยู่ที่เท่าไหร่ ร้านแถวนั้นขายได้มากน้อยแค่ไหน ช่วยให้เรามีข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกทำเลมากขึ้น การเปิดร้านในทำเลที่มีคู่แข่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งข้อดีนั้นหากเป็นร้านเปิดใหม่ และอยู่ใกล้ร้านคู่แข่ง ก็จะทำให้ร้านเราเป็นที่รู้ได้ง่ายขึ้น แต่การจะแย่งลูกค้ามาได้ ร้านของเราต้องมีจุดเด่นที่แตกต่าง ทั้งรสชาติอร่อย บรรยากาศ การบริการ ราคา เป็นต้น

นั่นคือ 7 ปัจจัยเลือกทำเล ที่ตั้ง Site Selection หวังว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการไม่มากก็น้อยครับ

SMEs Tips

  1. ลูกค้าเป้าหมาย
  2. การเข้าถึง
  3. การมองเห็น
  4. ที่จอดรถ
  5. ค่าเช่า
  6. สัญญาเช่า
  7. การแข่งขัน

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3aO2EDJ

อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise


8 ขั้นตอน การพัฒนาระบบแฟรนไชส์

1. การวางแผนธุรกิจ ก่อนทำแฟรนไชส์

  • กำหนดรูปแบบธุรกิจ (Business Model) ให้มีความชัดเจน โดนใจลูกค้า
  • ชื่อกิจการ (Brand)
  • การสร้างผลการดำเนินธุรกิจที่ดี ได้ผลกำไร มีความมั่นคง (Good ROI)
  • การสร้างแบรนด์ ตราสินค้า ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักผู้บริโภค
  • การพัฒนาสินค้าบริการ ให้มีคุณภาพมาตรฐาน และระบบการจัดการที่เป็นมาตรฐาน
  • การพัฒนาระบบบริการจัดการ จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
  • วางโครงสร้างองค์กรใหม่ รวมถึงการพัฒนาบุคลากร ทีมงาน สนับสนุนระบบแฟรนไชส์
  • การวางแผน และกำหนดเป้าหมายการขยายธุรกิจ การขยายสาขา ทั้งในและต่างประเทศ
  • การกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจ ทำเลที่ตั้ง และรูปแบบของร้านค้า
  • การเลือกใช้สื่อต่างๆ ช่องทางต่างๆ ในการจัดกิจกรรม เพื่อสร้างแบรนด์แฟรนไชส์

2. การรวบรวมข้อมูลธุรกิจ

  • ระบบการปฏิบัติงาน วิธีการบริหารจัดการธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
  • ระบบการเงิน การบัญชี
  • งบประมาณในการลงทุนธุรกิจ การขยายสาขา
  • รูปแบบของร้านค้า รูปแบบของตราสินค้า ที่เป็นเอกลักษณ์
  • ระบบการสต็อกสินค้า จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
  • แผนงานการตลาด การส่งเสริมการขายต่างๆ
  • กระบวนการพัฒนาบุคลากร ทีมงานด้านต่างๆ

3. การวิเคราะห์ธุรกิจแฟรนไชส์

  • ธุรกิจเปิดมานานหลายปี จำนวนไม่น้อยกว่า 1สาขา
  • แบรนด์มีชื่อเสียงได้รับความนิยม เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในวงกว้าง
  • สินค้าและบริการ มีคุณภาพมาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาด
  • เป็นธุรกิจที่มีความมั่นคง ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ มีผลกำไร ต่อเนื่อง เป็นที่น่าพอใจ
  • มีระบบการทำงาน การปฏิบัติงาน แผนการทำงานที่ชัดเจน สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นได้
  • มีระบบการพัฒนาบุคลากร และสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง เป็นมาตรฐาน
  • ประสบความสำเร็จทางด้านการตลาด การสร้างแบรนด์ การส่งเสริมการขายต่างๆ
  • แผนกลยุทธ์การขยายสาขา และเติบโตต่อเนื่อง เป็นรายเดือน หรือ รายปี

4. การวางโครงสร้างของระบบแฟรนไชส์

  • กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค
  • การสร้างองค์ความรู้ ระบบปฏิบัติงานต่างๆ ที่พร้อมถ่ายทอดให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • วางระบบการปฏิบัติงานของแต่ละขั้นตอนธุรกิจ ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ง่าย
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย แต่ละแผนกให้ชัดเจน รวมถึงขั้นตอนการอบรม ระบบตรวจสอบ เพื่อสร้างมาตรฐานธุรกิจแฟรนไชส์
  • สร้างระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซี หรือผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • การกำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ ในการขยายสาขาแฟรนไชส์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า (ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์)
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม พร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ช่วงเริ่มต้นได้
  • เงื่อนไขการเปิดสาขาในด้านต่างๆ

5. การวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจแฟรนไชส์

  • แผนการขยายแฟรนไชส์
  • ระบบการเงิน
  • ค่าธรรมเนียมต่างๆ
  • ข้อเสนอแฟรนไชส์ซี
  • การจดทะเบียนแฟรนไชส์
  • เรื่องกฎหมาย อายุสัญญาแฟรนไชส์
  • ระบบปฏิบัติงาน รูปแบบการให้สิทธิ
  • การตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์
  • แพ็คเกจต่างๆ ระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซีอย่างต่อเนื่อง
  • การจัดทำคู่มือแฟรนไชส์ หรือโปรแกรมแฟรนไชส์
  • การจัดทำสัญญาแฟรนไชส์ รวมถึงเครื่องหมายการค้า

6. การวางแผนเพื่อขยายสาขาธุรกิจแฟรนไชส์

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ เจ้าของแฟรนไชส์จะบริหารจัดการเองทุกอย่าง เพื่อสร้างความโดดเด่น สร้างความเด่นชัดให้แก่นักลงทุน ได้เห็นภาพของร้านที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การลงทุนเปิดสาขาแฟรนไชส์ในภายหลัง
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟนไชส์ คือ เมื่อสาขาแรกมีความแข็งแกร่ง มั่นคง มีผลกำไรต่อเนื่อง เป็นที่ยอมรับของลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ แล้ว ก็ทดลองขยายสาขาเพิ่มอีก เพื่อทดสอบสาขาที่ 2 เป็นอย่างไร โดยนำเอาระบบการปฏิบัติงานทุกอย่างของร้านสาขาแรกมาปฏิบัติ ถ้าประสบความสำเร็จ ก็ค่อยขยายสาขาตัวเองเพิ่มอีก 2-3 สาขา ถ้าประสบความสำเร็จเหมือนสาขาแรก ก็ค่อยคิดขายแฟรนไชส์ให้กับคนอื่น

7. กระบวนการพัฒนาและปรับปรุงระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น (ระบบการบริหารจัดการในร้าน ขั้นตอนการปฏิบัติงาน)วิเคราะห์ระบบการเงิน การลงทุน ในแต่ละสาขาที่เปิดทดลอง
  • พิจารณาปรับปรุงระบบงาน ระบบการทำงานต่างๆ ให้เหมาะสม
  • ระบบการพัฒนาทีมงานรองรับการขยายงาน ขยายสาขา
  • การวางแผนงานขยายสาขาแฟรนไชส์
  • เก็บข้อมูลรายละเอียดต่างๆ กลุ่มลูกค้า ผลประกอบการ การดำเนินงาน ของสาขาแรก หรือสาขาต้นแบบ เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด ก่อนเปิดสาขาที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และขายแฟรนไชส์
  • จัดวางงบประมาณ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการขยายธุรกิจแฟรนไชส์

8. แผนการตลาดของธุรกิจแฟรนไชส์

  • การจัดทำคู่มือต่างๆ เพื่อแนะนำธุรกิจแฟรนไชส์
  • กระบวนการขายแฟรนไชส์ การคัดเลือกผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • กระบวนการติดตามลูกค้าเป้าหมาย
  • การนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ในงานแสดงธุรกิจแฟรนไชส์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
  • การจัดงาน สัมมนาการขายธุรกิจ แฟรนไชส์
  • การเปิดเยี่ยมชมธุรกิจ ร้านต้นแบบแฟรนไชส์
  • กระบวนการคัดเลือกแฟรนไชส์ซีที่เหมาะสม ตามหลักมาตรฐานแฟรนไชส์สากล
  • กระบวนการถ่ายทอดความรู้ การอบรม และให้คำปรึกษาแก่แฟรนไชส์ซี

สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช