7 เทคนิคสู่ความสำเร็จของ ยาคูลท์
นมเปรี๊ยวยาคูลท์ เริ่มเข้าสู่ตลาดไทยเมื่อประมาณ 49 ปีที่ผ่านมา โดย คุณประพันธ์ เหตระกูล ผู้ก่อตั้งบริษัท ยาคูลท์ ประเทศไทย และถือเป็นผู้บุกเบิกตลาดนมเปรี้ยวแลตโตบาซิลัสในไทยปัจจุบันมี คุณกนกพรรณ เหตระกูล สืบทอดธุรกิจต่อจากรุ่นพ่อ
ซึ่งตลาดนมเปรี้ยวพร้อมดื่มในเมืองไทยนั้นมีมูลค่ากว่า 22,300 ล้านบาท และยาคูลท์แชร์ตลาดนี้ได้กว่า 19% แม้จะไม่ขึ้นแท่นเป็นเบอร์หนึ่งในทางการตลาดแต่ในความรู้สึกคนไทยแล้ว ยาคูลท์ นั้นทรงอิทธิพลทางความคิดเป็นอย่างมาก
www.ThaiFSMEsCenter.com รวบรวมเอา7เทคนิคมาชี้ให้ชัดว่าทำไมยาคูลท์ถึงเป็นสินค้าสุดแกร่งมายาวนานหลายสิบปี
1.สินค้าที่มีเรื่องราวในตัวเอง
น่าแปลกที่ยาคูลท์เป็นผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยวเป็นแบรนด์ที่เราไม่เคยเห็นการโหมกระหน่ำโฆษณา ที่สำคัญตลอดระยะเวลากว่า 49 ปีในเมืองไทย ยาคูลท์มีสินค้าเพียงตัวเดียวมาโดยตลอด จุดเด่นประเด็นหลักที่ทำให้สินค้านี้อยู่ได้นั้นคือเรื่องราวของยาคูลท์เองที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาตั้งแต่ยุคสงครามโลกจนคนเชื่อมั่นในศักยภาพของแบรนด์นี้
ดร.มิโนรุ ชิโรต้า จากญี่ปุ่นคือผู้ที่คิดค้นผลิตยาคูลท์ ดร.มิโนรุสนใจเรื่องเกี่ยวกับจุลินทรีย์มานาน หลังจากเรียนจบก็ยังค้นคว้าเรื่องนี้ต่อจนนำมาสู่การทำจุลินทรีย์กรดนมที่ทนต่อสภาวะกรดและด่างในร่างกายคนเราได้
เขาตั้งชื่อว่า “แลคโตบางซิลลัส คาเซอิ สายพันธุ์ชิโรต้า” และพัฒนามาเป็นเครื่องดื่มที่เรียกว่า “ยาคูลท์” ที่ความหมายว่า “อายุยืนยาว” โดยยาคูลท์ผ่านร้อนผ่านหนาวมาตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ในช่วงญี่ปุ่นแพ้สงคราม บริษัทของ ดร.มิโนรุ เองก็ได้รับผลกระทบหลังจากการฟื้นฟูและยกระดับสินค้าใหม่ ยาคูลท์ก็กลายเป็น Global Brand ดังเช่นทุกวันนี้
2.ใช้ระบบการขายแบบ Direct Sale
เชื่อว่าเรารู้จักยาคูลท์จากการขายตรงที่มี “สาวยาคูลท์” เป็นเอกลักษณ์ ถึงขนาดที่สมัยหนึ่งมีคำพูดติดปากว่าอยากรู้อะไรถามสาวยาคูลท์ดูซิ! ปัจจุบันมี “สาวยาคูลท์” มากกว่า 80,000 คนทั่วโลก ทำหน้าที่สร้าง Engagement กับผู้บริโภค
ทั้งการส่งสินค้าตรงถึงมือผู้บริโภค การให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้อง รวมไปถึงการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้คน ด้วยอัธยาศัยยิ้มแย้ม และยังทำหน้าที่ขยายฐานลูกค้าใหม่ด้วยเช่นกัน
3.เป็นแบรนด์แรกที่เปิดตลาดนมเปรี้ยวในไทย
คนไทยเป็นชนชาติที่มักจดจำอะไรแรกๆไว้ในใจเสมอ ดูจากผงซักฟอกทุกวันนี้เรายังเรียกผงซักฟอกทุกอย่างว่า แฟ้บ ซึ่งยาคูลท์ก็เช่นกันหากมีใครบอกว่าให้ไปซื้อนมเปรี้ยวกิน
ส่วนใหญ่ก็จะพูดว่า ไปซื้อยาคูลท์ซิ นั้นหมายความว่าแบรนด์ยาคูลท์ได้ถูกฝังรากลึกในใจคนไทยด้วยความที่เป็นแบรนด์แรกที่เข้ามาตีตลาด ยังไม่รวมการจัดกิจกรรมที่เน้นไปตามโรงเรียนต่างๆ ก็ยิ่งสร้างภาพจดจำให้คนแบบรุ่นต่อรุ่นได้
4.การขายสินค้าที่มีคุณภาพแท้จริง
สินค้าที่ซื้อใจลูกค้าได้ในระยะยาวคุณภาพเป็นสิ่งที่ลูกค้ามองอันดับแรก นั้นคือเหตุผลว่าทำไมยาคูลท์ขวดเล็กนิดเดียว ยกดื่มทีเดียวก็หมดขวดคนถึงนิยมมากมาย
ด้วยการยืนยันคอนเซปตัวเองในการเป็นนมเปรี้ยวที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำผลไม้ ที่ไม่ว่ากี่ปีๆ ยาคูลท์ก็ไม่เคยหลุดไปจากเอกลักษณ์ของตัวเองแม้คู่แข่งจะเกิดขึ้นตามมามากมาย
แต่สุดท้ายหลายแบรนด์ก็ยังต้องเดินตามยาคูลท์ดูจากส่วนแบ่งการตลาดที่ยาคูลท์อยู่ในอันดับที่ 2 มีส่วนแบ่งการตลาด 19% เป็นรองแค่ดัชมิลล์เท่านั้น
5.ยาคูลท์เข้ามาทำตลาดในยุคที่ร้านโชห่วยเฟื่องฟู
สมัยก่อนตลาดค้าปลีกโดยเฉพาะร้านโชห่วยนั้นเฟื่องฟูสุดฤทธิ์ ซึ่งยาคูลท์ที่เข้ามาเปิดตลาดในยุคนั้นถือว่าแจ็กพ็อตเพราะอกจากสาวยาคูลท์ ส่งสินค้าตรงถึงมือผู้บริโภคแล้ว ยังถือเป็นหน่วยกระจายสินค้าเข้า “ร้านโชห่วย” โดยร้านค้าจะซื้อตรงกับสาวยาคูลท์ เพื่อนำมาวางขายในตู้แช่ ในราคาบวกเพิ่มขึ้นมาประมาณ 1 – 2 บาท
แม้ยุคสมัยเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุค “Modern Trade” และเริ่มมีคู่แข่งเข้ามาในตลาดนมเปรี้ยวแต่ผลจากการลงทุนสร้างระบบการขายตรงผ่านสาวยาคูลท์ ทำให้แบรนด์นมเปรี้ยวขวดจิ๋วนี้ ยังคงเข้าถึงผู้บริโภคทุกหนแห่ง
6. มี Brand Ambassador ที่ไม่ต้องลงทุนของตัวเอง
Brand Ambassador ของยาคูลท์ไม่ใช่ดารา หรือคนมีชื่อเสียงสังเกตว่าที่ผ่านมาเราไม่เคยเห็นพรีเซนเตอร์ของยาคูลท์มากนัก แต่ Brand Ambassador ของยาคูลท์ที่คนจดจำคือ สาวยาคูลท์
ที่นอกจากการเป็นนักขาย ยังสามารถสร้าง ปฏิสัมพันธ์กับคนที่เป็นลูกค้าสั่งซื้อประจำ และคนทั่วไป ทำให้เกิดความคุ้นเคยกัน และมีโอกาสต่อยอดไปสู่การเป็นลูกค้าใหม่ได้ในอนาคต
7.มีประสบการณ์ที่สุดแกร่ง
เรียกว่าเป็นเทคนิคที่ต้องใช้เวลาในการเพาะบ่มตัวเองผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านปัญหามานานาประการจนก้าวมาสู่แถวหน้าในวงการนี้ มีหลายแบรนด์ที่พยายามทำตามยาคูลท์อย่างเช่นดัชมิลค์เองที่แม้ปัจจุบันส่วนแบ่งการตลาดจะนำหน้ายาคูลท์อยู่แต่ดัชมิลค์ก็ใช้ยาคูลท์เป็นต้นแบบในการทำธุรกิจตัวเอง
มีการพัฒนาระบบการขายที่ผสมผสานระหว่างกระจายเข้าช่องทางค้าปลีก และขายตรง หรือแม้แต่ “บีทาเก้น” ที่เปิดรับสมัครสาวบีทาเก้น เพื่อให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในจุดนี้ยาคูลท์ถือว่าอยู่ในจุดนำและทำให้เกิดอิมเมจที่ดีอย่างมาก
ในอนาคตยาคูลท์เองก็น่าจะยังเป็น Brand Loveของใครหลายคนด้วยเทคนิคที่สามารถรักษา Brand Loyalty ในตัวเองได้ในทุกยุคสมัยจากรุ่นสู่รุ่นที่คงไม่มีใครเลียนแบบได้ง่ายๆ ซึ่งการที่สินค้าจะมาถึงจุดนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ถ้าใครทำได้ก็เรียกว่าติดลมบนกันไปยาวๆเหมือนกัน
สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมาย ติดตามได้ที่ goo.gl/Io5k2S
ขอบคุณรูปภาพจาก www.facebook.com/yakultthailand