7 เทคนิคพาธุรกิจรอดตาย! ยุคโควิดระบาด ระลอก 3
เทศกาล แห่งความสุขกำลังจะมาถึง แต่ก็ต้องมาสะดุดอีกครั้งกับข่าวการแพร่ระบาด COVID-19 รอบใหม่ ที่แพทย์บางสำนักชี้ว่าคือการระบาดระลอกที่ 3 โดยมีที่มาจากคลัสเตอร์สถานบันเทิง
ซึ่งการรายงานล่าสุดตอนนี้พบว่ามีผู้ติดเชื้อกระจายไปใน 18 จังหวัดทั่วประเทศ ประชาชนทั่วไปพูดกันเรื่องนี้มาก เพราะกลุ่มก้อนที่เป็นเป้าหมายในการระบาดรอบนี้มาจากนักเที่ยว ดารา และนักการเมือง
หลายคนบอกว่าทำไมถึงประมาท ทำไมถึงการ์ดตก พอมีการแพร่ระบาด คนที่กระทบหนักสุดคือประชาชนทั่วไป ไม่ใช่กลุ่มคนเหล่านี้ที่มีเงินเหลือกินเหลือเก็บ การระบาดรอบนี้จึงเหมือนเตะตัดตาคนหาเช้ากินค่ำที่อะไรๆ กำลังจะดีสุดท้ายกลับมาเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่อีกครั้ง
www.ThaiSMEsCenter.com เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิดแต่เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้วก็คงต้องหาทางรับมือให้ดีที่สุด โดยเฉพาะบรรดาคนทำธุรกิจที่ตอนนี้ต้องหาวิธี “รอดตาย” จากการระบาดระลอกนี้ให้ได้ลองมาดู 7 เทคนิคพาธุรกิจรอดตาย ที่เราคิดว่ามีประโยชน์สำหรับคนทำธุรกิจไม่มากก็น้อย
ภาพจาก freepik
1. แยกค่าใช้จ่ายส่วนตัวกับค่าใช้จ่ายทางธุรกิจ
สถานการณ์ตอนนี้เราต้องพยายามจัดสรรบัญชีธุรกิจให้ติดบวกได้มากที่สุด ดังนั้นผู้ประกอบการควรแยกค่าใช้จ่ายส่วนตัวออกจากธุรกิจ บางคนที่เคยให้เงินเดือนตัวเอง ก็อาจจะลดเงินเดือนส่วนนี้ลงมา หรืออาจจะแยกค่าใช้จ่ายจิปาถะของเราที่เมื่อก่อนอาจเอาไปรวมกับค่าใช้จ่ายของบริษัท การทำแบบนี้ก็เพื่อให้สถานะทางบัญชีของบริษัทมีรายจ่ายน้อยลง
2. ใช้ทักษะการต่อรองกับคู่ค้าให้มากขึ้น
ก่อนการแพร่ระบาดรอบนี้ สถานการณ์หลายอย่างดูเหมือนจะดีขึ้น ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง มีการฉีดวัคซีนในเบื้องต้น กระแสของการท่องเที่ยวเริ่มกลับมา ธุรกิจการค้าก็เริ่มสต็อคสินค้าเพื่อกลับสู่เส้นทางของธุรกิจ แต่เมื่อเจอวิกฤติแบบนี้ ในฐานะเจ้าของธุรกิจต้องใช้ทักษะการต่อรองกับคู่ค้า เพื่อขอลดราคา หรือขอสิทธิประโยชน์อื่นๆ ให้ได้ เพราะจะทำให้ช่วยประหยัดเงินลงทุน ซึ่งต้องมีทักษะในการต่อรองพอสมควร มิเช่นนั้น คู่ค้าอาจไม่ต้องการทำธุรกิจด้วยต่อไปในระยะยาว เช่น อาจจะเสนอสิ่งตอบแทนที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายให้คู่ค้าบ้าง เป็นต้น
ภาพจาก bit.ly/39WdOpX
3. ชำระหนี้ให้ตรงเวลา
หลายธุรกิจในช่วงนี้จำเป็นต้องอาศัยสินเชื่อจากสถาบันการเงินซึ่งต้องมีการกู้ยืมมาเพื่อลงทุน และเมื่อสถานการณ์แพร่ระบาดกลับมาอีกครั้ง สิ่งที่เราควรทำไม่ใช่การหนีหนี้ แต่ควรจะต้องชำระหนี้ให้ตรงเวลามากขึ้นการชำระหนี้ให้ตรงเวลา นอกจากจะทำให้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยในข้อหาผิดนัดแล้ว ยังทำให้มีเครดิตที่ดีอีกด้วย คู่ค้าก็อยากทำธุรกิจกันต่อๆ ไป ซึ่งการจ่ายหนี้ให้ตรงเวลา นอกจากจะช่วยประหยัดเงินแล้ว ยังช่วยให้มีโอกาสในการทำธุรกิจต่อไปในอนาคตเช่นกัน
4. เรื่องบัญชีธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญ
การเรียนรู้การทำบัญชี สามารถทำให้ประหยัดเงินในการจ้างนักบัญชีได้ด้วย และข้อดีของกิจการขนาดเล็กก็คือ ไม่จำเป็นต้องใช้นักบัญชีหลายคน เพราะเพียงคนเดียวก็สามารถทำบัญชีของกิจการเล็กๆ ได้หมด ดังนั้นผู้ประกอบกิจการขนาดเล็กควรเรียนรู้การทำบัญชีไว้บ้างก็เป็นเรื่องที่ดี และลดต้นทุนในการจ้างพนักงานอีกด้วย
ภาพจาก freepik
5. เพิ่มช่องทางการขายด้วยเทคโนโลยีใหม่
การใช้เทคโนโลยีให้เป็น จะทำให้สามารถประหยัดเงินลงทุนไปได้อีกมาก คนทำธุรกิจบางคนมีเพียงคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียวกับอินเทอร์เน็ต ก็สามารถทำธุรกิจออนไลน์ได้แล้ว ตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีให้เป็นก็อย่างเช่น การส่งอีเมลแทนการส่งไปรษณีย์หรือการจ้างคนไปส่ง การใช้เครื่องจักรแทนแรงงานคน จะทำให้ประหยัดเงินลงทุนในระยะยาวได้ดีกว่าการจ้างแรงงานคน เป็นต้น
6. หาช่องทางลดภาษี
การทำธุรกิจจำเป็นต้องเสียภาษี อันนี้ทุกคนยอมรับและเข้าใจได้ดี แต่เทคนิคที่สำคัญอย่างหนึ่งของผู้ประกอบการคือการ “หาช่องทางลดภาษี” ซึ่งเท่ากับเป็นลดรายจ่ายให้กับธุรกิจ จะได้มีส่วนต่างของผลกำไรได้มากขึ้น ซึ่งคนที่เชี่ยวชาญด้านการจัดทำภาษีจะช่วยให้คำปรึกษาแก่คนทำธุรกิจได้ เบื้องต้นช่องทางการขอลดภาษีมีหลายวิธีเช่น การบริจาคเงินให้แก่องค์กรการกุศล หรือทำ CSR ก็สามารถนำไปขอลดหย่อนภาษีได้ ทำให้เหลือเงินที่จะใช้ลงทุนต่อไปมากขึ้น
ภาพจาก freepik
7. ใช้จ่ายอย่างประหยัด อะไรที่ยังไม่ควรลงทุนก็หยุดไว้ก่อน
เมื่อสถานการณ์ยังไม่ชัดเจนว่าการระบาดรอบนี้จะหนักหนาสาหัสแค่ไหน ในใจก็ภาวนาว่าอย่าให้รุนแรงไปกว่านี้ อย่างไรก็ดีไม่ว่าสถานการณ์จะไปในทิศทางไหน เราก็ควรวางแผนการลงทุน การใช้เงินให้ประหยัดมากที่สุด ช่วงนี้ธุรกิจไม่ควรลงทุนกับของฟุ่มเฟือย เช่น โต๊ะ เก้าอี้ หรืออุปกรณ์ประดับในสำนักงาน และการลงทุนบางอย่าง ก็ควรชะลอไปก่อนเพื่อดูว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร
เป็นเวลากว่า 2 ปีที่เราต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 หนักบ้าง เบาบ้าง แต่การแพร่ระบาดก็ยังมีอย่างต่อเนื่อง หลายคนมองว่า COVID-19 อาจอยู่คู่โลกนี้ไปอีกนาน นั่นหมายความว่าถ้าเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องหาวิธีรับมือและแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุด สำคัญคือเราต้องรู้จักการวางแผนทั้งการทำงาน การลงทุน การใช้ชีวิต เพราะเราไม่รู้ว่าสถานการณ์ต่อจากนี้จะดีขึ้นหรือแย่ลงมากแค่ไหน
อ้างอิงจาก https://bit.ly/32BWPoV
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
8 ขั้นตอน การพัฒนาระบบแฟรนไชส์
1. การวางแผนธุรกิจ ก่อนทำแฟรนไชส์
- กำหนดรูปแบบธุรกิจ (Business Model) ให้มีความชัดเจน โดนใจลูกค้า
- ชื่อกิจการ (Brand)
- การสร้างผลการดำเนินธุรกิจที่ดี ได้ผลกำไร มีความมั่นคง (Good ROI)
- การสร้างแบรนด์ ตราสินค้า ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักผู้บริโภค
- การพัฒนาสินค้าบริการ ให้มีคุณภาพมาตรฐาน และระบบการจัดการที่เป็นมาตรฐาน
- การพัฒนาระบบบริการจัดการ จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
- วางโครงสร้างองค์กรใหม่ รวมถึงการพัฒนาบุคลากร ทีมงาน สนับสนุนระบบแฟรนไชส์
- การวางแผน และกำหนดเป้าหมายการขยายธุรกิจ การขยายสาขา ทั้งในและต่างประเทศ
- การกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจ ทำเลที่ตั้ง และรูปแบบของร้านค้า
- การเลือกใช้สื่อต่างๆ ช่องทางต่างๆ ในการจัดกิจกรรม เพื่อสร้างแบรนด์แฟรนไชส์
2. การรวบรวมข้อมูลธุรกิจ
- ระบบการปฏิบัติงาน วิธีการบริหารจัดการธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
- ระบบการเงิน การบัญชี
- งบประมาณในการลงทุนธุรกิจ การขยายสาขา
- รูปแบบของร้านค้า รูปแบบของตราสินค้า ที่เป็นเอกลักษณ์
- ระบบการสต็อกสินค้า จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
- แผนงานการตลาด การส่งเสริมการขายต่างๆ
- กระบวนการพัฒนาบุคลากร ทีมงานด้านต่างๆ
3. การวิเคราะห์ธุรกิจแฟรนไชส์
- ธุรกิจเปิดมานานหลายปี จำนวนไม่น้อยกว่า 1สาขา
- แบรนด์มีชื่อเสียงได้รับความนิยม เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในวงกว้าง
- สินค้าและบริการ มีคุณภาพมาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาด
- เป็นธุรกิจที่มีความมั่นคง ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ มีผลกำไร ต่อเนื่อง เป็นที่น่าพอใจ
- มีระบบการทำงาน การปฏิบัติงาน แผนการทำงานที่ชัดเจน สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นได้
- มีระบบการพัฒนาบุคลากร และสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง เป็นมาตรฐาน
- ประสบความสำเร็จทางด้านการตลาด การสร้างแบรนด์ การส่งเสริมการขายต่างๆ
- แผนกลยุทธ์การขยายสาขา และเติบโตต่อเนื่อง เป็นรายเดือน หรือ รายปี
4. การวางโครงสร้างของระบบแฟรนไชส์
- กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค
- การสร้างองค์ความรู้ ระบบปฏิบัติงานต่างๆ ที่พร้อมถ่ายทอดให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- วางระบบการปฏิบัติงานของแต่ละขั้นตอนธุรกิจ ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ง่าย
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย แต่ละแผนกให้ชัดเจน รวมถึงขั้นตอนการอบรม ระบบตรวจสอบ เพื่อสร้างมาตรฐานธุรกิจแฟรนไชส์
- สร้างระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซี หรือผู้ซื้อแฟรนไชส์
- การกำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ ในการขยายสาขาแฟรนไชส์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า (ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์)
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม พร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ช่วงเริ่มต้นได้
- เงื่อนไขการเปิดสาขาในด้านต่างๆ
5. การวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจแฟรนไชส์
- แผนการขยายแฟรนไชส์
- ระบบการเงิน
- ค่าธรรมเนียมต่างๆ
- ข้อเสนอแฟรนไชส์ซี
- การจดทะเบียนแฟรนไชส์
- เรื่องกฎหมาย อายุสัญญาแฟรนไชส์
- ระบบปฏิบัติงาน รูปแบบการให้สิทธิ
- การตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์
- แพ็คเกจต่างๆ ระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซีอย่างต่อเนื่อง
- การจัดทำคู่มือแฟรนไชส์ หรือโปรแกรมแฟรนไชส์
- การจัดทำสัญญาแฟรนไชส์ รวมถึงเครื่องหมายการค้า
6. การวางแผนเพื่อขยายสาขาธุรกิจแฟรนไชส์
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ เจ้าของแฟรนไชส์จะบริหารจัดการเองทุกอย่าง เพื่อสร้างความโดดเด่น สร้างความเด่นชัดให้แก่นักลงทุน ได้เห็นภาพของร้านที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การลงทุนเปิดสาขาแฟรนไชส์ในภายหลัง
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟนไชส์ คือ เมื่อสาขาแรกมีความแข็งแกร่ง มั่นคง มีผลกำไรต่อเนื่อง เป็นที่ยอมรับของลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ แล้ว ก็ทดลองขยายสาขาเพิ่มอีก เพื่อทดสอบสาขาที่ 2 เป็นอย่างไร โดยนำเอาระบบการปฏิบัติงานทุกอย่างของร้านสาขาแรกมาปฏิบัติ ถ้าประสบความสำเร็จ ก็ค่อยขยายสาขาตัวเองเพิ่มอีก 2-3 สาขา ถ้าประสบความสำเร็จเหมือนสาขาแรก ก็ค่อยคิดขายแฟรนไชส์ให้กับคนอื่น
7. กระบวนการพัฒนาและปรับปรุงระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น (ระบบการบริหารจัดการในร้าน ขั้นตอนการปฏิบัติงาน)วิเคราะห์ระบบการเงิน การลงทุน ในแต่ละสาขาที่เปิดทดลอง
- พิจารณาปรับปรุงระบบงาน ระบบการทำงานต่างๆ ให้เหมาะสม
- ระบบการพัฒนาทีมงานรองรับการขยายงาน ขยายสาขา
- การวางแผนงานขยายสาขาแฟรนไชส์
- เก็บข้อมูลรายละเอียดต่างๆ กลุ่มลูกค้า ผลประกอบการ การดำเนินงาน ของสาขาแรก หรือสาขาต้นแบบ เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด ก่อนเปิดสาขาที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และขายแฟรนไชส์
- จัดวางงบประมาณ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการขยายธุรกิจแฟรนไชส์
8. แผนการตลาดของธุรกิจแฟรนไชส์
- การจัดทำคู่มือต่างๆ เพื่อแนะนำธุรกิจแฟรนไชส์
- กระบวนการขายแฟรนไชส์ การคัดเลือกผู้ซื้อแฟรนไชส์
- กระบวนการติดตามลูกค้าเป้าหมาย
- การนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ในงานแสดงธุรกิจแฟรนไชส์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- การจัดงาน สัมมนาการขายธุรกิจ แฟรนไชส์
- การเปิดเยี่ยมชมธุรกิจ ร้านต้นแบบแฟรนไชส์
- กระบวนการคัดเลือกแฟรนไชส์ซีที่เหมาะสม ตามหลักมาตรฐานแฟรนไชส์สากล
- กระบวนการถ่ายทอดความรู้ การอบรม และให้คำปรึกษาแก่แฟรนไชส์ซี
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)