6 เทคนิค จัดร้านแนวจีน ฉีกทุกกฎการตลาด!

ธุรกิจจากจีนที่ตอนนี้เข้ามาตีตลาดในเมืองไทยกันอย่างคึกคัก ล่าสุดก็คือ Temu อีคอมเมิร์ซรายใหญ่จากจีนในเครือ Pinduoduo ที่ดำเนินธุรกิจในไทยเป็นที่เรียบร้อย ไม่นับรวมบรรดาร้านค้า ร้านอาหาร เครื่องดื่ม ของจีนที่แต่ละแบรนด์ต่างมีจุดเด่นของตัวเอง

ถ้ามองข้ามในเรื่องความกังวลที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าจะส่งผลกระทบต่อบรรดา SMEs ในเมืองไทยที่อาจจะตายเรียบ แต่อย่าลืมว่าในวิกฤติก็ยังมีโอกาส มีหลายอย่างที่เราสามารถเรียนรู้และนำไปปรับใช้เพื่อสู้ศึกแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน หากวิเคราะห์ว่าอะไรคือจุดเด่นที่ทำให้แบรนด์จีนเหล่านี้เป็นที่นิยม

ถ้าไม่พูดถึงเรื่องสินค้า / บริการ / ราคา อีกเรื่องที่การ จัดร้านแนวจีน ชัดเจนมากคือ “รูปแบบร้าน” ซึ่งคนจีนจะเน้นที่ “ฮวงจุ้ย” เป็นสำคัญ แม้ไม่มีตัวเลขยืนยันว่ามีผลต่อยอดขายมากน้อยแค่ไหน แต่ที่แน่ๆมีผลทางจิตวิทยา อย่างน้อยก็ทำให้การบริหารจัดการในร้านสะดวก และสร้างความรู้สึกดีๆ ให้กับลูกค้าได้มาก ลองไปดู 6 เทคนิค จัดร้านแนวจีน ที่ว่านี้มีอะไรบ้าง

1.เปิดหน้าร้าน “รับทรัพย์”

จัดร้านแนวจีน

ทิศที่ดีต่อการค้าขายตามหลักฮวงจุ้ย คือ ทิศใต้ ทิศตะวันตก และทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เชื่อว่าถ้าหันหน้าร้านไปทางทิศเหล่านี้ จะทำให้ค้าขายดี ไม่มีอุปสรรค เตรียมอ้าแขนรับความรวย และควรเลือกทิศที่อากาศถ่ายเทได้ง่าย จัดภายในร้านให้ดูโปร่ง โล่งสบาย มีแสงสว่างกำลังดี

นอกจากนี้ป้ายร้านไม่ควรมีเกิน 5 สี และจำนวนสีควรเป็นเลขคี่ 1, 3, 5 โดยป้ายร้าน 1 สี จะทำให้ร้านพออยู่สบาย ขายได้เรื่อย ๆ และป้ายร้าน 3 สี จะช่วยให้ร้านรุ่ง ขายดี ส่วนป้ายร้าน 5 สี เชื่อกันว่าจะมั่งคั่ง ร่ำรวย เติบโตเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ได้

2.ปรับที่นั่งในร้าน “เพิ่มความเฮง”

จัดร้านแนวจีน

จำนวนโต๊ะกับเก้าอี้ในร้านเป็นศาสตร์ “ฮวงจุ้ย” ที่น่าสนใจ โดยมีหลักการว่าจำนวนโต๊ะทั้งหมดในร้านควรรวมกันได้เป็นเลขคี่ เช่น มี 9 โต๊ะ และควรเลือกโต๊ะกลม โต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้า หรือโต๊ะสี่เหลี่ยมจัตุรัส โดยมุมของโต๊ะไม่ควรเป็นมุมเหลี่ยม ควรให้มีส่วนโค้งมน อย่าให้มีลักษณะแหลมคม เพราะจะทำให้เกิดปัญหาภายในร้านได้ รวมถึงการจัดเก้าอี้ควรเป็นเลขคู่ที่จะส่งผลดีทั้งต่อลูกค้าและเจ้าของร้านด้วย

3.ตำแหน่ง “แคชเชียร์” เรียกทรัพย์

จัดร้านแนวจีน

ตำแหน่งโต๊ะเก็บเงินตามหลักฮวงจุ้ย คือทางมังกรหรือทางด้านขวาของร้าน โดยทางด้านหลังของพนักงานคิดเงินควรเป็นผนังทึบ เพื่อช่วยเสริมความมั่นคงบริเวณที่ไม่ควรเป็นตำแหน่งเก็บเงินคือ ใต้บันได หรือคาน และไม่ควรติดกับห้องน้ำ ห้องครัว เพราะเชื่อว่าเป็นมุมอับโชค

4.ปรับทิศทางของครัว “เพิ่มลูกค้า”

จัดร้านแนวจีน

คำว่า “ครัว” ตามหลักฮวงจุ้ยมีความหมายแทนคำว่า “มั่งคั่ง” สัมพันธ์กับหลักทางวางผังครัวว่าควรจัดพื้นที่ให้พนักงานทำงานได้สะดวก คล่องตัว ไม่เดินชนกันหรือชนข้าวของในครัว ที่สำคัญในครัวต้องสะอาด สว่าง และสวยงาม ในครัวมีการถ่ายเทอากาศได้ดี ไม่อับชื้น เตาทำอาหารควรอยู่กลางห้องครัว เพื่อให้พลังงานที่ดีหมุนเวียนในห้องอย่างสมดุล

5.เครื่องรางเสริมความมงคลให้ร้าน

จัดร้านแนวจีน

โดยขึ้นอยู่กับความเชื่อ และความศรัทธาของแต่ละบุคคล ส่วนใหญ่ที่เห็นกันก็เช่น พระสังกัจจายน์ , ปี่เซี่ยะ , แมวกวัก , หินนำโชค เป็นต้น โดยทิศทางของเครื่องรางเหล่านี้ควรหันออกทางหน้าร้านเสมอ ไม่ควรวางไว้เหนือประตูทางออก ใต้คาน หรือใกล้ห้องน้ำ เพราะจะทำให้เครื่องรางไม่มีพลัง และไม่ควรวางบริเวณที่ลูกค้าพลุกพล่าน หรือบริเวณที่เป็นทางผ่าน

6.จัดผังร้านเพิ่มพลังในการซื้อ

ในกรณีที่เป็นร้านค้าปลีกก็มีฮวงจุ้ยที่ใช้ได้ผลซึ่งที่จริงก็คือหลักทางจิตวิทยาที่นำมาประยุกต์ใช้ได้เช่น เว้นระยะห่างชั้นวางของให้เดินง่าย ควรห่างกันประมาณ 60 – 90 ซม.เพื่อให้ลูกค้าเดินได้สะดวกและมองเห็นสินค้ามากขึ้น

หรือการวางตู้แช่ไว้ที่ด้านในสุดของร้านหรือในตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดเจนจากหน้าร้าน ทำให้ระหว่างที่ลูกค้าเดินไปที่ตู้แช่ จะมีโอกาสผ่านตาเห็นสินค้าอื่นๆ ได้เพิ่มขึ้น รวมถึงการวางสินค้าที่ลูกค้าต้องการมากไว้ด้านในสุดของร้าน ทำให้ลูกค้าต้องใช้เวลาในการเดินเข้าไปเพื่อหยิบสินค้านั้น ทำให้มีโอกาสขายสินค้าอื่นๆ เพิ่มได้

ปัจจุบันหากสังเกตให้ดีในเมืองไทยมีหลายแบรนด์จากจีนที่คนกำลังฮิตในเมืองไทย ซึ่งเขาก็มีการจัดร้านที่ง่ายต่อการเข้าถึงของลูกค้า ยกตัวอย่าง Wedrink และ Mixue สองแบรนด์นี้เน้นการจัดร้านแบบเปิดโล่ง เน้นความหรูหราทันสมัย ที่สำคัญมีมาสคอร์ตของตัวเองที่เป็นเอกลักษณ์

หรืออย่าง CHAGEE อีกแบรนด์ชาผลไม้จากจีนที่จัดร้านสไตล์โมเดิร์น ทำให้ร้านดูกว้างขวาง โซฟานั่งสบายติดกระจกบานใหญ่เห็นวิวด้านนอก ก็นับเป็นอีกวิธีจัดร้านที่ใช้ศาสตร์ฮวงจุ้ยเข้ามาเกี่ยวข้องเช่นกัน

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด