5 เทคนิคสร้าง “แบรนด์” แฟรนไชส์ให้ลูกค้าติดใจและอยากซื้อ

รู้หรือไม่ว่า แบรนด์ที่ดีจะทำให้ลูกค้าติดใจและพูดถึงกันมากทั้งเวลาที่อยู่ต่อหน้าและลับหลัง โดยหลายๆ ผลการวิจัยได้ระบุเอาไว้ว่าลูกค้าจะเลือกซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่คุ้นเคยมากกว่า

โดยแบรนด์เหล่านี้จะมีภาพลักษณ์ในหลายด้านแตกต่างกันไป อาทิ บริการดี การขายมีเอกลักษณ์ สินค้าหลากหลาย สะดวกรวดเร็ว บริการ 24 ชั่วโมง ทำเลใกล้ชุมชน ฯลฯ

แม้แต่ธุรกิจที่อยู่ในระบบแฟรนไชส์ หากผู้ประกอบการสร้างแบรนด์ให้มีความน่าเชื่อถือ ก็จะช่วยทำให้ธุรกิจมีความแตกต่างมีเอกลักษณ์ และได้รับความนิยมจากลูกค้าทั้งกลุ่มที่สนใจซื้อแฟรนไชส์และกลุ่มผู้ใช้บริการและซื้อสินค้าโดยตรง

วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com จะแนะนำวิธีและ 5 เทคนิคสร้าง แบรนด์แฟรนไชส์ให้ลูกค้าติดใจและอยากซื้อแฟรนไชส์ เริ่มจากการทำความเข้าใจความต้องการของกลุ่มลูกค้า และสร้างภาพลักษณ์ข้อดีของบริษัทให้ตรงกับกลุ่มลูกค้า

1.กำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

5 เทคนิคสร้าง

หากเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ต้องการสร้างภาพลักษณ์ของธุรกิจ ต้องทำความเข้าใจและวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายว่าเป็นใคร เช่น นักเรียน นักศึกษา พนักงาน ประชาชนทั่วไป คนอยากซื้อแฟรนไชส์ ฯลฯ เจ้าของแฟรนไชส์อาจเข้าใจว่า ตัวเองคือตัวตนของแบรนด์ แต่จริงๆ แล้วกลุ่มลูกค้าและตลาดเป้าหมาย คือตัวกำหนดทิศทางว่าแบรนด์จะต้องไปทางไหน หลังจากนั้นค่อยสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ถึงความต้องการและการแก้ปัญหาให้กับพวกเขา

2.วิเคราะห์และเปรียบเทียบคู่แข่ง

3

แบรนด์ที่ทำให้ผู้คนจดจำได้ต้องแตกต่างจากคู่แข่ง หลังจากมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายแล้ว ต้องดูว่าคู่แข่งของเรามีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นจุดยืนปัจจุบันของคู่แข่ง, ข้อเสียของสินค้าของคู่แข่ง, ช่องทางการสื่อสารคู่แข่ง, ลูกค้าคิดอย่างไรกับสินค้าของคู่แข่ง เป็นต้น โดยอาจจะวิเคราะห์เปรียบเทียบคู่แข่ง 2-4 แบรนด์ ก็น่าจะเพียงพอ

3.นำเสนอข้อดีสินค้าและบริการ

2

วิธีทำให้สินค้าและบริการมีความแตกต่างจากคู่แข่ง ต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจลูกค้าเป้าหมายของเราก่อน อาทิเช่น กินง่าย ขายคล่อง เปิดร้านได้ทุกทำเล เคลื่อนย้ายง่าย คืนทุนเร็ว ลงทุนต่ำ สินค้าราคาไม่แพง หาซื้อได้ง่าย สะดวกรวดเร็ว สินค้าสดใหม่ทุกวัน ครบทุกบริการ เปิดบริการ 24 ชั่วโมง มีทีมงานสนับสนุนหลังการขาย เป็นต้น

4.สร้างโลโก้ และ คำโปรย

6

หลังจากรู้แล้วว่าลูกค้าและตลาดต้องการอะไร คู่แข่งเป็นอย่างไร สินค้าและบริการแตกต่างอย่างไร ต่อไปต้องเริ่มสื่อสารแบรนด์ออกมาก โดยโลโก้และคำโปรยจะเป็นหนึ่งภาพและสองประโยคที่จะใช้อธิบายจุดยืนของแบรนด์ทั้งหมด โดยการออกแบบโลโก้ต้องมีองค์ประกอ อาทิ รูปร่าง การจัดวาง และขนาด, สี และวิธีการใช้สี, ตัวอักษร และวิธีการพิมพ์, ภาพต่างๆ ฯลฯ ส่วนคำโปรยอาจจะเป็นคำคล้องจองหรือประโยคสั้นที่ทำให้ลูกค้าจำคุณได้แน่นอน ยกตัวอย่างเช่น 7-Eleven – หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา, เชสเตอร์ – “Chester’s Greater Choice อร่อยหลากหลาย” เป็นต้น

5.สร้างช่องทางสื่อสารแบรนด์

5

การสร้างตัวตนและช่องทางการสื่อสารแบรนด์ จะช่วยทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าสามารถติดต่อสื่อสารและใกล้ชิดกับบริษัทของเรามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบนามบัตร รวมถึงช่องทางการติดต่อสื่อสารต่างๆ เช่น ช่องทางการตลาดทุกช่องทาง เว็บไซต์และสื่อพิมพ์ทุกชนิด สินค้าและบรรจุภัณฑ์ของสินค้า โดยแฟรนไชส์ที่สื่อสารได้ชัดเจนที่สุด ก็คือ แมคโดนัลด์ ไม่ว่าจะไปร้านไหนก็สามารถทานอาหารรสชาติเหมือนเดิมได้ มีระบบการบริการและทำงานเหมือนกันตลอดทุกสาขาทั่วโลก

นั่นคือ 5 เทคนิคสร้าง “แบรนด์” แฟรนไชส์ให้คนอยากซื้อ นอกจากเราต้องค้นหาและกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย สร้างความแตกต่าง ยังต้องหาช่องทาในการสื่อสารออกไปให้ถึงกลุ่มลูกค้าอีกด้วย

Franchise Tips

  1. กำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
  2. วิเคราะห์และเปรียบเทียบคู่แข่ง
  3. นำเสนอข้อดีสินค้าและบริการ
  4. สร้างโลโก้ และ คำโปรย
  5. สร้างช่องทางสื่อสารแบรนด์

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3CyBvRg

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


8 ขั้นตอน การพัฒนาระบบแฟรนไชส์

1. การวางแผนธุรกิจ ก่อนทำแฟรนไชส์

  • กำหนดรูปแบบธุรกิจ (Business Model) ให้มีความชัดเจน โดนใจลูกค้า
  • ชื่อกิจการ (Brand)
  • การสร้างผลการดำเนินธุรกิจที่ดี ได้ผลกำไร มีความมั่นคง (Good ROI)
  • การสร้างแบรนด์ ตราสินค้า ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักผู้บริโภค
  • การพัฒนาสินค้าบริการ ให้มีคุณภาพมาตรฐาน และระบบการจัดการที่เป็นมาตรฐาน
  • การพัฒนาระบบบริการจัดการ จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
  • วางโครงสร้างองค์กรใหม่ รวมถึงการพัฒนาบุคลากร ทีมงาน สนับสนุนระบบแฟรนไชส์
  • การวางแผน และกำหนดเป้าหมายการขยายธุรกิจ การขยายสาขา ทั้งในและต่างประเทศ
  • การกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจ ทำเลที่ตั้ง และรูปแบบของร้านค้า
  • การเลือกใช้สื่อต่างๆ ช่องทางต่างๆ ในการจัดกิจกรรม เพื่อสร้างแบรนด์แฟรนไชส์

2. การรวบรวมข้อมูลธุรกิจ

  • ระบบการปฏิบัติงาน วิธีการบริหารจัดการธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
  • ระบบการเงิน การบัญชี
  • งบประมาณในการลงทุนธุรกิจ การขยายสาขา
  • รูปแบบของร้านค้า รูปแบบของตราสินค้า ที่เป็นเอกลักษณ์
  • ระบบการสต็อกสินค้า จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
  • แผนงานการตลาด การส่งเสริมการขายต่างๆ
  • กระบวนการพัฒนาบุคลากร ทีมงานด้านต่างๆ

3. การวิเคราะห์ธุรกิจแฟรนไชส์

  • ธุรกิจเปิดมานานหลายปี จำนวนไม่น้อยกว่า 1สาขา
  • แบรนด์มีชื่อเสียงได้รับความนิยม เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในวงกว้าง
  • สินค้าและบริการ มีคุณภาพมาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาด
  • เป็นธุรกิจที่มีความมั่นคง ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ มีผลกำไร ต่อเนื่อง เป็นที่น่าพอใจ
  • มีระบบการทำงาน การปฏิบัติงาน แผนการทำงานที่ชัดเจน สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นได้
  • มีระบบการพัฒนาบุคลากร และสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง เป็นมาตรฐาน
  • ประสบความสำเร็จทางด้านการตลาด การสร้างแบรนด์ การส่งเสริมการขายต่างๆ
  • แผนกลยุทธ์การขยายสาขา และเติบโตต่อเนื่อง เป็นรายเดือน หรือ รายปี

4. การวางโครงสร้างของระบบแฟรนไชส์

  • กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค
  • การสร้างองค์ความรู้ ระบบปฏิบัติงานต่างๆ ที่พร้อมถ่ายทอดให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • วางระบบการปฏิบัติงานของแต่ละขั้นตอนธุรกิจ ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ง่าย
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย แต่ละแผนกให้ชัดเจน รวมถึงขั้นตอนการอบรม ระบบตรวจสอบ เพื่อสร้างมาตรฐานธุรกิจแฟรนไชส์
  • สร้างระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซี หรือผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • การกำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ ในการขยายสาขาแฟรนไชส์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า (ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์)
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม พร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ช่วงเริ่มต้นได้
  • เงื่อนไขการเปิดสาขาในด้านต่างๆ

5. การวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจแฟรนไชส์

  • แผนการขยายแฟรนไชส์
  • ระบบการเงิน
  • ค่าธรรมเนียมต่างๆ
  • ข้อเสนอแฟรนไชส์ซี
  • การจดทะเบียนแฟรนไชส์
  • เรื่องกฎหมาย อายุสัญญาแฟรนไชส์
  • ระบบปฏิบัติงาน รูปแบบการให้สิทธิ
  • การตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์
  • แพ็คเกจต่างๆ ระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซีอย่างต่อเนื่อง
  • การจัดทำคู่มือแฟรนไชส์ หรือโปรแกรมแฟรนไชส์
  • การจัดทำสัญญาแฟรนไชส์ รวมถึงเครื่องหมายการค้า

6. การวางแผนเพื่อขยายสาขาธุรกิจแฟรนไชส์

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ เจ้าของแฟรนไชส์จะบริหารจัดการเองทุกอย่าง เพื่อสร้างความโดดเด่น สร้างความเด่นชัดให้แก่นักลงทุน ได้เห็นภาพของร้านที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การลงทุนเปิดสาขาแฟรนไชส์ในภายหลัง
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟนไชส์ คือ เมื่อสาขาแรกมีความแข็งแกร่ง มั่นคง มีผลกำไรต่อเนื่อง เป็นที่ยอมรับของลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ แล้ว ก็ทดลองขยายสาขาเพิ่มอีก เพื่อทดสอบสาขาที่ 2 เป็นอย่างไร โดยนำเอาระบบการปฏิบัติงานทุกอย่างของร้านสาขาแรกมาปฏิบัติ ถ้าประสบความสำเร็จ ก็ค่อยขยายสาขาตัวเองเพิ่มอีก 2-3 สาขา ถ้าประสบความสำเร็จเหมือนสาขาแรก ก็ค่อยคิดขายแฟรนไชส์ให้กับคนอื่น

7. กระบวนการพัฒนาและปรับปรุงระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น (ระบบการบริหารจัดการในร้าน ขั้นตอนการปฏิบัติงาน)วิเคราะห์ระบบการเงิน การลงทุน ในแต่ละสาขาที่เปิดทดลอง
  • พิจารณาปรับปรุงระบบงาน ระบบการทำงานต่างๆ ให้เหมาะสม
  • ระบบการพัฒนาทีมงานรองรับการขยายงาน ขยายสาขา
  • การวางแผนงานขยายสาขาแฟรนไชส์
  • เก็บข้อมูลรายละเอียดต่างๆ กลุ่มลูกค้า ผลประกอบการ การดำเนินงาน ของสาขาแรก หรือสาขาต้นแบบ เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด ก่อนเปิดสาขาที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และขายแฟรนไชส์
  • จัดวางงบประมาณ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการขยายธุรกิจแฟรนไชส์

8. แผนการตลาดของธุรกิจแฟรนไชส์

  • การจัดทำคู่มือต่างๆ เพื่อแนะนำธุรกิจแฟรนไชส์
  • กระบวนการขายแฟรนไชส์ การคัดเลือกผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • กระบวนการติดตามลูกค้าเป้าหมาย
  • การนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ในงานแสดงธุรกิจแฟรนไชส์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
  • การจัดงาน สัมมนาการขายธุรกิจ แฟรนไชส์
  • การเปิดเยี่ยมชมธุรกิจ ร้านต้นแบบแฟรนไชส์
  • กระบวนการคัดเลือกแฟรนไชส์ซีที่เหมาะสม ตามหลักมาตรฐานแฟรนไชส์สากล
  • กระบวนการถ่ายทอดความรู้ การอบรม และให้คำปรึกษาแก่แฟรนไชส์ซี

สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

 

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช