5 โฆษณาสุดแรง ! แต่กระแทกใจคนซื้อได้ดี
เราเชื่อว่าหลายแบรนด์ก็คงคิดไม่ต่างกันสำหรับการทำโฆษณาสักชิ้นนั้นคือทำอย่างไรที่จะสื่อสารกับคนส่วนใหญ่ให้รู้สึกคล้อยตามหรือเห็นแล้วอยากใช้บริการหรือมาซื้อสินค้ามากขึ้น เอเยนซี่จำนวนไม่น้อยเลือกที่จะปรับโฆษณาให้ดูนุ่มนวล
เพื่อเสริมภาพลักษณ์สินค้าให้ดูดีในสายตาประชาชน เรียกว่าโชว์ด้านดีให้เห็นมุมบวกโฆษณาเหล่านี้ในเมืองไทยมีเยอะทีเดียว แต่บางทีหากมองในมุมกลับโดยเฉพาะกับโฆษณาของต่างประเทศเลือกจะเล่นแรงๆ แต่กระแทกใจคนดู ซึ่งโฆษณาแบบนี้ก็ได้ผลดีมากเช่นกัน
www.ThaiSMEsCenter.com มีโฆษณาจากต่างประเทศจำนวนหนึ่งมาให้ทุกท่านได้มองเห็นความจริงอีกด้านของการทำตลาดว่าบางทีผู้บริโภคก็อาจจะอยากเห็นอะไรที่แตกต่างไปจากการตลาดด้านบวกบางทีงานโฆษณาที่แรงๆอาจทำให้ผู้บริโภครู้สึกได้ถึงตัวตนที่แท้จริงของแบรนด์นั้นเรียกว่าไม่ต้องสร้างภาพให้สวยงามแต่ได้ผลทางการตลาดที่ดีเลิศเช่นกัน
1.โฆษณาของพิซซ่าฮัท “เปลี่ยนใบปลิวให้เป็นพรมเช็ดเท้า”
ภาพจาก goo.gl/ca9HEV, goo.gl/8FsFpt
กลยุทธ์การทำการตลาดของธุรกิจพิซซ่าเดลิเวอรี่ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนในโลกก็เหมือนๆ กัน คือ ให้คนตระเวนไปหยอดใบปลิวไว้ตามบ้าน เพื่อให้เป็นทางเลือกของคนในยามที่ต้องการอาหารทานเล่น
กินยามดึกหรือในต่างประเทศที่นิยมการดูบอลก็เป็นอาหารจานดึกสำหรับการเชียร์บอลได้ แต่แต่ปัญหาที่ลูกค้าพบเจอ กระดาษใบปลิวจากร้านพิซซ่านั้นเยอะเกินไป ทางแบรนด์เองก็เห็นว่ายิ่งพิมพ์ก็ยิ่งสิ้นเปลืองหากไม่ได้ออเดอร์กลับมา แถมยังสร้างความรำคาญให้ลูกค้าอีกด้วย
พิซซ่า ฮัท จึงคิดหาวิธีที่จะทำให้ลูกค้าสั่งพิซซ่าโดยง่ายทันทีที่จะเข้าหรือออกบ้านก็จะเห็นโฆษณาของพิซซ่า โดยไม่ต้องพิมพ์ใบปลิว ในที่สุดก็เกิดเป็น “พรมเช็ดเท้าลายกล่องพิซซ่า” ที่มาพร้อมกับเบอร์โทรเสร็จสรรพ เมื่อครั้งจะออกหรือเข้าบ้านก็ต้องเห็นมัน อยากจะสั่งจำเบอร์ไม่ได้ก็แค่เปิดประตูมาดูถือเป็นการหาลูกเล่นทางการตลาดใหม่ๆ ที่เข้ากับสินค้าที่ซื้อเฉพาะกิจตอนหิวโหยอย่างพิซซ่าได้จริงๆ
2.การรถไฟ Tokyo Metro กับโฆษณาที่บอกว่า “ผู้หญิงแต่งหน้าระหว่างนั่งรถโดยสารนั้นน่าเกลียด”
ภาพจาก goo.gl/ZJNjg4
โฆษณานี้ เป็นหนึ่งใน 8 วีดีโอโฆษณาในแคมเปญรณรงค์การปรับปรุงพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมเพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการเดินทางด้วยรถไฟของ Tokyo Metro ซึ่งในวีดีโอโฆษณาความยาว 30วินาทีชิ้นนี้นั้น
เล่าเรื่องผ่าน ผญ.คนหนึ่งที่โดยสารบนรถไฟแล้วเห็นผญ.อีกสองคนกำลังนั่งแต่งหน้าอยู่ จากนั้นผญ.คนแรกที่เป็นตัวเอกของโฆษณาก็ลุกขึ้นไปเต้นพร้อมร้องเพลงประนามว่าสิ่งที่ทั้งสองคนทำนั้นเป็นเรื่อง “น่าเกลียด” พร้อมพูดประโยคปิดท้ายว่า “โปรดละเว้นการแต่งหน้าระหว่างโดยสารบนรถไฟ”และถึงแม้จะมีกระแสตอบรับที่ไม่ดีออกมา แต่โปสเตอร์ของโฆษณาแคมเปญนี้ก็ยังคงติดอยู่ทั่วสถานีรถไฟและบนขบวนรถไฟตามเดิม
3. Burger King หลอกสั่ง Google อธิบายสินค้าตัวเอง
ภาพจาก goo.gl/SSzqdh
ไม่รู้จะเรียกว่าไอเดียดีหรือไม่ เมื่อ Burger King ออกโฆษณาตัวใหม่ของเบอร์เกอร์ Whopper โดยสั่งให้ Google Home ซึ่งเป็น Gadget สั่งการด้วยเสียงที่ติดตั้งตามบ้าน เป็นผู้บรรยายสรรพคุณของเบอร์เกอร์แทน เนื่องจากโฆษณามีเวลาจำกัดเพียง 15 วินาทีเท่านั้น
โฆษณาใหม่นี้เริ่มต้นโดยให้นักแสดงถือเบอร์เกอร์ Whopper และพูดทำนองว่า “เนื่องจากโฆษณามีเวลาจำกัดเพียง 15 วินาที ทำให้ไม่สามารถบรรยายลักษณะของเบอร์เกอร์สดใหม่อันนี้ได้ แต่เขามีไอเดียใหม่” จากนั้นก็เรียกกล้องเข้ามาใกล้ตัวเองแล้วพูดว่า “OK Google, what is the Whopper burger?” เพื่อหวังให้อุปกรณ์ Google Home เป็นผู้อธิบายลักษณะของเบอร์เกอร์แทน
อย่างไรก็ตาม การสั่ง Google Home ให้เป็นคนโฆษณาแทนนี้ ในมุมมองด้านความมั่นคงปลอดภัยถือว่าเป็นการละเมิดความเป็นส่วนบุคคล และเป็นการกระทำอันไม่พึงประสงค์ที่ใช้ช่องโหว่ของอุปกรณ์ในการสร้างความเดือนร้อนแก่ผู้ใช้
ส่งผลให้ในที่สุด Google ก็ออกมาแก้ปัญหาด้วยการปิดการทำงานของ Google Home ไม่ให้ตอบสนองต่อโฆษณาของ Burger King แต่ก็ถือว่าโฆษณานี้มีคนเห็นคนดูไปมากได้ผลทางการตลาดในเบื้องต้นไปเรียบร้อยแล้ว
4. Burning Stores แคมเปญเผาร้านจนไหม้วอดวายจาก Burger King
ภาพจาก goo.gl/G85wFi
ยังอยู่ที่ Burger King เช่นเดิมที่รู้สึกว่าจะมีโฆษณาหลายตัวที่เล่นแรงจนใครหลายคนคิดตามไม่ทัน และ Burning Stores ก็เป็นอีกหนึ่งแคมเปญของ Burger King ที่แสดงให้เห็นเป็นปริ้นAds. กับการเผาร้านจนไหม้วอดวายโดยเล่ามาเป็นซีรีย์จำนวน 3 ชิ้น ที่สำคัญโฆษณาชิ้นนี้สามารถคว้ารางวัลสูงสุด Grand Prix หมวด Print & Publishing ในงาน Cannes Lions 2017 ณ เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส ได้อีกด้วย
Burning Stores สร้างสรรค์โดยเอเย่นซี่ David Miami โฆษณาชุดนี้เป็นภาพจริงร้านเบอร์เกอร์คิงที่กำลังไฟไหม้ และมีเหล่านักดับเพลิงกำลังช่วยกันดับไฟ ทุกองค์ประกอบล้วนเป็นงานปริ้นที่คลาสสิก ภาพที่กระแทกใจ headline ที่เข้าใจง่ายคือ “Flame grilled since 1954” (ย่างบนเปลวไฟมาตั้งแต่ปี 1954) สามารถสะท้อนตัวตนของ Burger King ออกมาอย่างได้ผลและทำให้คนจดจำแบรนด์ได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
5.แมคโดนัลด์กับโฆษณาสุดกวน “ใครเลือกซื้อชุดเมนูสุดคุ้มถือว่ามีสติปัญญาเป็นเลิศ”
ภาพจาก goo.gl/ca9HEV
ธุรกิจอาหารฟาสฟู้ดต์ถือว่าเป็นวงการที่มีโฆษณาสุดแรงมากที่สุดเพราะการแข่งขันนั้นสูง อย่างแมคโดนัลด์เองก็กระโดดมาร่วมวงการโฆษณาแบบฮาร์ดคอนี้เช่นกันกับโฆษณาที่สั้นกะทัดรัดแต่กระแทกใจคนซื้อแบบเต็มๆ ตามคอนเซปต์ของการโฆษณาที่ว่าต้องทำให้สั้นแต่เกิด Action ทันที
เนื้อหาของโฆษณานี้อาจจะดูงงๆแต่สรุปง่ายๆว่าแมคโดนัลด์ต้องการจะอวยลูกค้าที่เลือกสั่งอาหารเป็นชุด เพราะมันได้เยอะกว่า และคุ้มค่ากว่าการสั่งแบบเดี่ยวๆ และเพื่อการเยินยอว่าลูกค้าที่เลือกชุดสุดคุ้ม (ทั้งเซ็ทเพียง 200 บาท) คือคนสุดฉลาด
ซึ่งแมคโดนัลด์ก็ใช้พรีเซนเตอร์ที่เป็นเด็กสาววัยรุ่นแทนกลุ่มลูกค้าหลักซึ่งเนื้อหาหลักๆก็คือเด็กสาวคนนี้นั่งกินอาหารชุดของแมคโดนัลด์อยู่ดีๆก็ถูกพาตัวมาช่วยแก้ปัญหาให้กับทางร้าน ในขณะที่คนอื่นซึ่งสั่งอาหารจานเดี่ยวๆ ไม่ได้รับการคัดเลือกนี้ ก็แค่จะสื่อสารให้เห็นว่าคนฉลาดที่แท้จริงคือคนที่เลือกสั่งอาหารเป็นเซตเมนูเท่านั้น งงๆ ง่ายๆ แต่ก็โดนใจไม่ใช่เล่นทีเดียว
โฆษณาสินค้าในบ้านเราน้อยชิ้นนักที่จะกล้าแหวกแนวออกมาแบบต่างประเทศด้วยวัฒนธรรม ประเพณีที่ต่างกันอาจทำให้เรามีความเกรงใจและอยู่ในกรอบมากกว่า ทั้งที่ใจจริงก็เชื่อว่าหลายแบรนด์ก็อยากแหวกแนวออกมาให้ตัวเองโดดเด่นกว่านี้
ทั้งนี้ก็เป็นเรื่องของมุมมองและการปรับมาประยุกต์ใช้ อยู่เมืองไทยก็หาวิธีโฆษณาแบบไทยๆ ที่มีหลายวิธีที่ทำให้น่าสนใจได้โดยที่ฉีกกรอบเดิมแต่ไม่เสียหายในความรู้สึกและไม่เสียหายต่อภาพลักษณ์สินค้าของตัวเองด้วย ลองหาวิธีเหล่านั้นดูแล้วอาจจะทำให้ธุรกิจของเรานั้นเด่นชัดขึ้นมาได้มากขึ้น
สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S