“3 C’s Model” กลยุทธ์ทำธุรกิจเหนือคู่แข่ง! ไม่ต้องกลัวใคร

ใครๆ ก็บอกว่าทำธุรกิจยุคนี้มันยากเหลือเกิน ไม่นับรวมต้นทุนที่สูง กำลังซื้อที่ลดลง แต่ปัญหาใหญ่กว่าคือมองไปทางไหนก็เจอแต่ “คู่แข่ง” เต็มไปหมด

อย่างร้านสะดวกซื้อยกตัวอย่างในถนนเดียวกันบางทีเจอคู่แข่งหัวซอยท้ายซอย หรือร้านอาหารก็มีคู่แข่งรอบด้าน เป็นต้น วิธีการสู้เพื่อให้ชนะบางคนต้องกระโดดไปเล่นเรื่อง “ราคา” แต่สุดท้ายก็อาจไม่ใช่วิธีการที่ดีแม้ขายได้เยอะแต่ก็ไม่เห็นกำไรได้อย่างที่ควรจะเป็น

หนึ่งในทฤษฏีการตลาดที่อยากแนะนำให้ทุกคนรู้จักคือ 3C’s Model แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่แต่เรื่องนี้หลายธุรกิจมักมองข้ามและไม่ให้ความสำคัญเท่าที่ควร

จุดเริ่มต้นของ 3C’s Model คิดค้นโดยนักทฤษฎีชาวญี่ปุ่น Kenichi Ohmae จุดประสงค์หลักของโมเดลนี้ คือ การสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืนให้แก่ธุรกิจ 3C’s Modelเป็นกรอบในการคิดเกี่ยวกับการสร้างจุดแข็ง และเพื่อให้รู้สถานการณ์การแข่งขันของธุรกิจ เป็นการลด Focus ธุรกิจลงให้เหลือแค่ 3 ปัจจัยหลัก นั่นคือ Customers, Competitors และ Company

3C’s Model

Customers (ลูกค้า)

เป็นสิ่งที่เราต้องโฟกัสว่ากลุ่มเป้าหมายของเราต้องการอะไร มีลักษณะนิสัยอย่างไร เพื่อให้พัฒนาสินค้าได้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งอาจใช้การตั้งคำถามดังนี้

  • กลุ่มเป้าหมายมีมากแค่ไหน
  • มีโอกาสที่จะเพิ่ม หรือลดลงไหม
  • ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้า

Competitors (คู่แข่ง)

ถ้ารู้ว่าเราสู้อยู่กับอะไรเราจะมองเห็นแนวทางในการอยู่รอดและก้าวต่อไปได้ชัดเจนขึ้น ยิ่งรู้ว่าคู่ต่อสู้เราเป็นอย่างไร เขาทำอะไร และคิดจะเดินหน้าแบบไหน รู้มากเท่าไหร่เราก็ยิ่งได้แปรียบ อาจใช้การตั้งคำถามดังนี้
คู่แข่งมีใครบ้าง

  • จุดแข็งของคู่แข่งแต่ละคน
  • จุดอ่อนของคู่แข่ง
  • กลยุทธ์ที่คู่แข่งใช้ / มีลูกค้ามากน้อยแค่ไหน
  • อะไรทำให้ลูกค้าตัดสินใจใช้บริการคู่แข่ง

Company (บริษัท)

คิดจะเข้าใจลูกค้าหรือคู่แข่งก็ยังไม่สำคัญเท่ากับว่าต้องเข้าใจตัวเองให้ได้ก่อน เราคิดจะทำอะไร อะไรคือจุดแข็งจุดอ่อนของสินค้าและบริการที่เรามี อาจใช้การตั้งคำถามกับตัวเองคือ

  • สินค้าและบริการของเราคืออะไร
  • จุดแข็งจุดอ่อนของเราคืออะไร
  • กระบวนการผลิตของเราเป็นอย่างไร
  • แผนการตลาดในอนาคต

3 C's Model

3C’s Model สามารถนำไปใช้ได้กับทุกธุรกิจยกตัวอย่างการนำไปใช้กับธุรกิจร้านอาหาร เช่น

  1. การทำแบบสำรวจเพื่อทำความเข้าใจลูกค้าว่าต้องการเมนูแบบไหนอย่างไร
  2. การสำรวจคู่แข่งที่อาจมีเมนูอาหารที่แตกต่างจากที่เรามีและมีบริการที่หลากหลายเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่า
  3. การสำรวจและประเมินจุดแข็งตัวเอง การวางตำแหน่งของแบรนด์ว่าเป็นอย่างไร เพื่อให้มีกรอบในการทำธุรกิจได้ชัดเจน

หรือจะให้เห็นภาพชัดเจนต้องดูในกลุ่มธุรกิจร้านกาแฟที่ปัจจุบันมีหลากหลายแบรนด์ และสินค้าก็แทบจะไม่มีความต่าง ซึ่งการนำเอา 3C’s Modelจะยกระดับแบรนด์ตัวเองให้อยู่เหนือคู่แข่งได้

อย่าง Cafe Amazon ที่ใช้หลายกลยุทธ์ด้านการตลาดเข้ามาผสมผสาน แต่ทั้งหมดก็ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่เข้าใจตัวเอง เข้าใจลูกค้า และมองเห็นทิศทางของคู่แข่ง จากนั้นก็ปรับเกมการตลาดให้สอดคล้องในวิถีทางของตัวเอง อย่างเช่น การตั้งศูนย์ฝึกอบรม เพื่อสอนผู้บริหารสาขา และบาริสต้าก่อนมีการเปิดให้บริการ เพื่อให้คุณภาพของทุกสาขาออกมาตรงตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น รวมถึงการแตกไลน์เมนูใหม่ๆ , การจัดโปรโมชัน ต่างๆ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ทำให้แบรนด์ดูโดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่งได้ชัดเจน

หรือจะดูตัวอย่างของร้านกาแฟขนาดเล็กในรูปแบบแฟรนไชส์ที่ไม่ได้โฟกัสเจาะกลุ่มพรีเมี่ยมเท่ากับแบรนด์ดัง ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะการใช้ 3C’s Model รู้ว่าต้องเน้นลูกค้ากลุ่มไหน ก็จะตั้งราคาสินค้าและคุณภาพสินค้าให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย อาจใช้วิธีการตลาดที่ไม่ต้องลงทุนมากแต่เน้นการเข้าถึง ก็เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์และจุดเด่นของแบรนด์ เหล่านี้ก็คือวิธีการผนวกใช้ 3C’s Model อย่างได้ผล

3C’s Model

หรือแบรนดังอย่าง KFC ที่มี Brand Awareness ในประเทศไทยสูงถึง 96% ส่วนหนึ่งก็เป็นผลจากการรุกเปิดสาขาหลากหลายโมเดล และมีการพัฒนา Localized Menu ให้มีความหลากหลายควบคู่กับการใช้ “กลยุทธ์ราคา” ให้อยู่ในระดับเข้าถึงได้ง่ายเพื่อทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจง่าย โดยบางเมนูวางราคาให้ใกล้เคียงกับร้านสตรีทฟู้ดทั่วไป เป็นต้น

อย่างไรก็ดีการที่แบรนด์จะสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า โดยหาจุดสมดุลของทั้ง 3 ปัจจัยให้ลงตัว ก็อาจเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการตลาด เหนือสิ่งอื่นใด ต้องมีการใช้กลยุทธ์อื่นเข้ามาผสมผสานบวกกับกลยุทธ์ในการบริหารจัดการที่ปัจจุบันพฤติกรรมลูกค้ามีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ธุรกิจเองก็ต้องก้าวตามให้ทันด้วย 

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด