13 ข้อต้องมีในสัญญาแฟรนไชส์
สัญญาแฟรนไชส์ ถือเป็นสัญญาที่กฎหมายมิได้กำหนดรูปแบบไว้ชัดเจน แต่ควรทำเป็นลายลักษณ์อักษร โดยมีข้อกำหนดต่างๆ ในสัญญา เช่น พื้นที่ จะอนุญาตให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์ดำเนินการในเขตพื้นที่ใดได้บ้าง
ค่าธรรมเนียม สิทธิและหน้าที่ การให้การสนับสนุนแฟรนส์ไชส์ซี ระยะเวลาสัญญา สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องระบุในสัญญาแฟรนไชส์ให้ครบถ้วนที่สุด
แม้ว่าเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ (แฟรนไชส์ซอร์) หลายรายจะรู้ดีว่า หน้าที่การทำสัญญาแฟรนไชส์เป็นงานของนักกฎหมาย ทนายความที่จะเป็นผู้ช่วยร่างให้ แต่แฟรนไชส์ซอร์ จำเป็นต้องมีความรู้ในเรื่องสัญญาแฟรนไชส์อยู่บ้าง เพื่อเป็นคนให้แนวทางการเขียนกับทนายความ ว่าต้องการให้สัญญาแฟรนไชส์บังคับใช้ในเรื่องอะไรบ้าง
วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com จะนำเสนอสิ่งที่จำเป็นต้องระบุไว้ในสัญญาแฟรนไชส์ 13 ข้อ เพื่อให้เป็นแนวทางในการร่างและเขียนสัญญาแฟรนไชส์ของเจ้าของแบรนด์แฟรนไชส์ (แฟรนไชส์ซอร์) เพราะหากไม่ระบุไว้ในสัญญาแฟรนไชส์จะไม่สามารถทำการฟ้องร้องแฟรนไชส์ซีในภายหลังได้ หากเกิดกรณีการทำผิดสัญญาแฟรนไชส์
1.เครื่องหมายการค้าและข้อกำหนดในการใช้งาน
เป็นการระบุรายการของเครื่องหมายการค้าและทรัพย์สินทางปัญญาต่างๆ ในสัญญาธุรกิจแฟรนไชส์ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในกรรมสิทธิ์ และข้อกำหนดสำคัญระหว่างแฟรนไชส์ซอร์ กับ แฟรนไชส์ซี
2.การให้สิทธิ์แฟรนไชส์ระยะเวลาของสัญญา ค่าธรรมเนียม และการโอนสิทธิ์
เป็นการระบุถึงรายละเอียดของรูปแบบร้านแฟรนไชส์ สถานที่ตั้ง ขอบเขตของการใช้ประโยชน์จากเครื่องหมายการค้า และทรัพย์สินทางปัญญา ระยะเวลาของสัญญา การต่อสัญญาแฟรนไชส์ ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ และอื่นๆ
3.หน้าที่ของแฟรนไชส์ซอร์
เป็นการระบุถึงสิ่งที่แฟรนไชส์ซอร์ต้องปฏิบัติ และดำเนินการ ก่อนและหลังเปิดแฟรนไชส์ เพื่อให้แฟรนไชส์ซีสามารถประกอบการร้านแฟรนไชส์ได้ตามสัญญา เช่น การให้การสนับสนุนด้านต่างๆ แก่แฟรนไชส์ซี
4.หน้าที่ของแฟรนไชส์ซี
เป็นการระบุถึงสิ่งที่แฟรนไชส์ซีต้องปฏิบัติและยึดถือ เพื่อให้สามารถประกอบการร้านแฟรนไชส์ได้ตามสัญญา เช่น แฟรนไชส์ซีต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของแฟรนไชส์ซอร์ เช่น ซื้อสินค้า วัตถุดิบจากแฟรนไชส์ซอร์ อนุญาตใช้เครื่องหมายการค้า
5.ค่าตอบแทนการใช้สิทธิ์
ค่าตอบแทนการใช้สิทธิ์เป็นเงินที่แฟรนไชส์ซีจ่ายให้กับแฟรนไชส์ซอร์ เพื่อแลกกับการที่ได้โอกาสในการใช้สิทธิ์ประกอบการร้านแฟรนไชส์ โดยเงินดังกล่าวอาจเรียกเก็บตามสัดส่วนของยอดขายในแต่ละเดือน หรือตามแต่จะตกลงกัน
6.การโฆษณาและการส่งเสริมการขาย
เป็นการระบุเงื่อนไขและรูปแบบของการทําโฆษณาและการส่งเสริมการขาย รวมถึงการระบุจำนวนเงินค่าใช้จ่ายเพื่อการโฆษณาและการส่งเสริมการขาย ที่แฟรนไชส์ซอร์จะเรียกเก็บจากแฟรนไชส์ซี
7.บัญชีงบการเงิน รายงาน และการตรวจสอบ
เป็นการระบุเกี่ยวกับรูปแบบทางการบัญชีและการเงิน ที่แฟรนไชส์ซีต้องดำเนินการ รวมถึงการเปิดโอกาสให้แฟรนไชส์ซอร์สามารถเข้าตรวจสอบทางการบัญชีและการเงินได้
8.การผิดสัญญา การเลิกสัญญา และข้อกำหนดภายหลังการสิ้นสุดสัญญา
เป็นการระบุถึงเงื่อนไขและกรณีต่างๆ ที่จะนำไปสู่การผิดสัญญา การเลิกสัญญา และผลที่จะเกิดขึ้นจากการทำผิดสัญญาและการยกเลิกสัญญาแฟรนไชส์ระหว่างแฟรนไชส์ซอร์กับแฟรนไชส์ซี
9.การไม่เปิดเผยความลับ
แฟรนไชส์ซอร์จำเป็นจะต้องถ่ายทอดวิชาเฉพาะธุรกิจนั้นๆ ให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์ เช่น ร้านอาหารอาจจะมีเคล็ดลับเรื่องสูตรอาหารหรือกลยุทธ์พิเศษในเรื่องของการทำการตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเปิดเผยคู่มือในการทำธุรกิจ ที่มีรายละเอียดทุกอย่างที่เจ้าของแฟรนไชส์ได้ศึกษาขึ้นมา ด้วยประสบการณ์เป็นเวลานาน
เมื่อได้ถ่ายทอดให้แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ไปแล้ว อาจจะมีโอกาสที่จะถูกนำไปเปิดเผยได้ ดังนั้น ในสัญญาควรมีการกำหนดในเรื่องนี้ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ซื้อแฟรนไชส์ ที่จะต้องรักษาความลับแม้กระทั่งเลิกสัญญาต่อกันไปแล้ว
10.การจัดการข้อพิพาท
เป็นการระบุถึงเงื่อนไขและการดำเนินการ ในกรณีที่เกิดข้อพิพาทระหว่างแฟรนไชส์ซอร์และแฟรนไชส์ซี หากเกิดปัญหาขึ้น เช่น หากมีข้อพิพาทเกิดขึ้นเกี่ยวกับสัญญาแฟรนไชส์ฉบับนี้ คู่สัญญาทั้งสองจะต้องตกลงระหว่างกัน ให้ทำการฟ้องร้องและดำเนินคดี ที่ศาลแพ่ง กรุงเทพมหานคร หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำผิดสัญญาแฟรนไชส์
11.การฝึกอบรม
เป็นส่วนที่เจ้าของแฟรนไชส์ (แฟรนไชส์ซอร์) ต้องเปิดเผยให้กับผู้ซื้อแฟรนไชส์ให้ได้รับรู้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการฝึกอบรมรูปแบบไหน อบรมสถานที่ใด รวมถึงสิ่งที่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ต้องเตรียมตัวในการฝึกอบรม หรืองานสัมมนา
12.ข้อกำหนดเรื่องการเลือกทำเลที่ตั้ง
ส่วนใหญ่ระบบแฟรนไชส์ บริษัทแม่มักมีส่วนช่วยเลือกทำเลที่ตั้งร้านให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์ ดังนั้น ในสัญญาแฟรนไชส์อาจต้องมีการระบุเรื่องดังกล่าวไว้ด้วยว่า บริษัทแม่จะมีส่วนช่วยเลือกสถานที่หรือไม่อย่างไร
เพราะเจ้าของแบรนด์แฟรนไชส์ที่ดี ส่วนมากจะต้องไม่ทำให้ธุรกิจที่ตั้งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นของบริษัทแม่เอง หรือของบริษัทแฟรนไชส์ซีล้มเหลว จึงมักมีความประสงค์ในการมีส่วนช่วยเลือกทำเลที่ตั้ง เพื่อเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจดำเนินกิจการไปได้
13.กฎระเบียบในการดำเนินธุรกิจ
ในระบบธุรกิจแฟรนไชส์ จะต้องมีการกำหนดกฎระเบียบในการดำเนินธุรกิจด้วย เพื่อรักษามาตรฐานของร้าน ดังนั้น ในสัญญาแฟรนไชส์ แฟรนไชส์ซอร์จะต้องมีการระบุ ระเบียบที่สำคัญที่จะให้แฟรนไชส์ซีต้องปฏิบัติเอาไว้ โดยเฉพาะในเรื่องของการให้ตรวจสอบการดำเนินงานร้าน เพื่อประเมินผลการดำเนินงานของร้าน เป็นต้น
ทั้งหมดเป็น สิ่งที่แฟรนไชส์ซอร์จำเป็นต้องระบุไว้ในสัญญาแฟรนไชส์ให้ชัดเจน ก่อนที่จะทำการซื้อขายและเซ็นสัญญาแฟรนไชส์กับผู้ซื้อแฟรนไชส์ เพราะหากไม่ระบุเอาไว้ในสัญญาแฟรนไชส์ หรือไม่มีการตกลงเอาไว้ก่อนอนุญาตให้แฟรนไชส์ซีดำเนินธุรกิจ
หากวันใดวันหนึ่ง แฟรนไชส์ซีไม่ทำตามกฎระเบียบ แฟรนไชส์ซอร์ก็สามารถฟ้องร้องได้ แต่สัญญาแฟรนไชส์ก็ต้องมีความเป็นธรรมต่อแฟรนไชส์ซี ถ้าไม่มีความเป็นก็อาจเกิดปัญหาข้อพิพาท ฟ้องร้องกันภาหลังได้อีก
ท่านใดสนใจอยากให้ร่างสัญญาแฟรนไชส์โดยถูกต้องตามหลักกฎหมายแจ้งความประสงค์ได้ที่
โทร : 02-1019187, Line : @thaifranchise
Franchise Tips
- เครื่องหมายการค้าและข้อกำหนดในการใช้งาน
- การให้สิทธิ์แฟรนไชส์ระยะเวลาของสัญญา ค่าธรรมเนียม และการโอนสิทธิ์
- หน้าที่ของแฟรนไชส์ซอร์
- หน้าที่ของแฟรนไชส์ซี
- ค่าตอบแทนการใช้สิทธิ์
- การโฆษณาและการส่งเสริมการขาย
- บัญชีงบการเงิน รายงาน และการตรวจสอบ
- การผิดสัญญา การเลิกสัญญา และข้อกำหนดภายหลังการสิ้นสุดสัญญา
- การไม่เปิดเผยความลับ
- การจัดการข้อพิพาท
- การฝึกอบรม
- ข้อกำหนดเรื่องการเลือกทำเลที่ตั้ง
- กฎระเบียบในการดำเนินธุรกิจ
อ่านบทความอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://bit.ly/32uN8ss
เลือกซื้อแฟรนไชส์ไทยขายดี เริ่มต้นธุรกิจ https://bit.ly/3sxIeWb
อ้างอิงจาก https://bit.ly/3appVfA