เรียบร้อยโรงเรียนจีน แบรนด์ญี่ปุ่นถูกแซงไม่เหลือ!

สมัยก่อนแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าง Sony, Hitachi, Sharp, Mitsubishi Electric, Panasonic ครองตลาดและได้รับความอย่างมากในบ้านเรา แทบจะทุกบ้านมีเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้

แต่มาระยะหลังเริ่มเห็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าจากจีนอย่าง Haier, TCL, Hisense, Lenovo, Xiaomi มาตีตลาดในเมืองไทย และได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ อาจเป็นเพราะราคาถูก บางคนซื้อไปใช้แล้วทนทาน ก็เหมือนถูกหวย

ส่วนแบรนด์ญี่ปุ่นค่อยๆ นิยมน้อยลง ไม่ใช่เฉพาะแบรนด์เครื่องไฟฟ้าอย่างเดียวที่จีนทำได้ดี ยังลามไปถึงแบรนด์รถยนต์ที่ตอนนี้จีนส่งออกแซงหน้าญี่ปุ่นไปแล้ว โดยเฉพาะตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง BYD, CHANGAN, GWM, MG ทำให้ Toyota, Honda กำลังตกที่นั่งลำบาก เห็นได้จากตลาดรถยนต์ในเมืองไทย แบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นยังเตรียมย้ายฐานการผลิตแล้ว

แบรนด์ญี่ปุ่นถูกแซงไม่เหลือ

ภาพจาก www.facebook.com/GWMThai

อยากรู้หรือไม่ว่า ทำไม? แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และรถยนต์จากจีน ได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ มาแรงจนอาจถึงขั้น แบรนด์ญี่ปุ่นถูกแซงไม่เหลือ แล้วแต่ใครจะชอบแบบไหน มาดูปัจจัยทำให้แบรนด์จีนมาแรงกันครับ

สมัยก่อนเมื่อหลาย 10 ปี แบรนด์ญี่ปุ่นถือเป็นผู้นำเรื่องคุณภาพมาตรฐานของสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เรียกได้ว่าแต่ละขั้นตอนการผลิตมีความพิถีพิถันกันเลยทีเดียว ทำให้ต้นทุนสูง ราคาขายก็สูงตามไปด้วย ทำให้ผู้บริโภคมองว่าราคาแพงเกินไป พอแบรนด์จีนรู้คนชอบของดี แต่ราคาถูก เลยเข้ามาผลิตสินค้าคุณภาพเป็นรองนิดหน่อย แต่ราคาถูกกว่าแบรนด์ญี่ปุ่น ทำให้ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าคุณภาพปานกลาง ราคาไม่แพงที่เป็นแบรนด์จีนแทน

อีกปัจจัยที่ทำให้แบรนด์จีนมาแรงเร็วมาก คือ การลอกเลียนแบบเทคโนโลยีจากคนอื่น อย่างกรณีแบรนด์โทรทัศน์จีน Hisense เป็นผู้รับจ้างผลิตโทรทัศน์ให้กับแบรนด์อื่นมาก่อน จากนั้นเรียนรู้การผลิต จนผลิตโทรทัศน์ของตัวเองขายเอง หลายๆ แบรนด์ของจีนก็ใช้วิธีเดียวกัน ลอกเลียนแบบ แล้วทำขายเอง

แบรนด์ญี่ปุ่นถูกแซงไม่เหลือ

ภาพจาก https://www.facebook.com/HisenseThai

เมื่อได้เงินทุนมาก็เอาไปลงทุนใน R&D และพัฒนาสินค้าต่อไป เพื่อให้สินค้าของตัวเองมีคุณภาพมากขึ้น จับกลุ่มผู้บริโภคได้กว้างขึ้น คนที่ซื้อไปใช้เกิดความพอใจ ราคาก็ถูก ทนอีกต่างหาก ทำให้คนหันมานิยมใช้แบรนด์จีนมากขึ้นเรื่อยๆ

แบรนด์ญี่ปุ่นถูกแซงไม่เหลือ

ภาพจาก www.facebook.com/HaierThailand

อีกแบรนด์จีน คือ Haier สินค้าหลักๆ ตู้เย็น, เครื่องใช้ในครัว, เครื่องซักผ้า และอื่น ๆ สินค้ากลุ่มนี้สร้างรายได้ให้กับพวกเขาจนติดอันดับ 100 แบรนด์ดังโลกเมื่อปี 2019 อย่างในไทย Haier ขยายการเติบโตทางธุรกิจครั้งยิ่งใหญ่ เตรียมลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท ตั้งโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศแห่งแรกในไทย รองรับความต้องการของตลาดเครื่องปรับอากาศที่ยังเติบโตต่อเนื่อง บนพื้นที่กว่า 324,000 ตร.ม. ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 3 ชลบุรี

แบรนด์ญี่ปุ่นถูกแซงไม่เหลือ

ภาพจาก https://www.facebook.com/TCLThailand

อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของจีน ได้รับความนิยมและเติบโตอย่างรวดเร็ว คือ การโหมทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่ออย่างมโหฬาร มีหลายๆ แบรนด์เป็นสปอนเซอร์ให้กับการแข่งขันกีฬารายการใหญ่ๆ ทั้งในและต่างประเทศมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น TCL หรือ Haier ทำให้ทั้ง 2 แบรนด์ได้รับความนิยม โด่งดังรวดเร็ว

ภาพจาก https://www.facebook.com/BYDReverThailandOfficial

นอกจากแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์จีนที่ไล่บี้แบรนด์ญี่ปุ่น ยังมีแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอย่าง BYD ในปี 2566 ขายรถยนต์ไฟฟ้าได้ทั่วโลกกว่า 3 ล้านคัน แซง Tesla ที่เป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามาก่อน ส่วน Toyota ผู้นำรถยนต์ญี่ปุ่น ขายทั่วโลกกว่า 10 ล้านคัน ห่างจาก BYD แค่ 3 เท่า แต่ Toyota เกิดมาก่อนเกือบ 100 ปี

ปัจจัยที่ทำให้แบรนด์รถยนต์จีนมาแรง แซงทางโค้ง ส่วนหนึ่งมาจากการที่รัฐบาลจีน ผลักดันอุตสาหกรรม EV ของตัวเอง เพื่อเป็นที่ 1 ของโลก เช่น การอุดหนุนราคารถไฟฟ้าในประเทศ การสร้างสถานีชาร์จรถไฟฟ้าทั่วประเทศ การสนับสนุนเงินให้บริษัทที่ทำธุรกิจแบตเตอรี่ และการเข้าครอบครองแหล่งแร่ที่ใช้ผลิตแบตเตอรี่

ภาพจาก https://www.facebook.com/BYDReverThailandOfficial

ทำให้รถยนต์จีนได้เปรียบด้านต้นทุนและราคา ประกอบกับเปิดให้โรงงานผลิตรถยนต์ต่างชาติตั้งฐานผลิตในจีน หลังจากนั้นก็ลอกเลียนแบบการผลิตจนมีคุณภาพและเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ขายราคาถูก แต่คุณภาพก็ไม่ได้ต่างจากแบรนด์ประเทศอื่นๆ เท่าไหร่นัก แถมแบรนด์ดังจากประเทศอื่นๆ มีการผลิตที่ประเทศจีนอีกต่างหาก

ยังมีข้อมูลรายงานว่า บริษัทรถยนต์ของจีนได้ขยายการส่งออกไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีทั้งเวียดนาม ไทย ลาว เขมร และพม่า ซึ่งเป็นประเทศที่แบรนด์ญี่ปุ่นครองส่วนแบ่งการตลาดขนาดใหญ่ แต่การเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์สันดาปภายใน ไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าของญี่ปุ่นนั้นล่าช้าเกินไป ทำให้ในภูมิภาคนี้รถยนต์ญี่ปุ่นมีส่วนแบ่งการตลาดที่ลดลง

ต้องดูกันต่อไปว่า แบรนด์จีนกับแบรนด์ญี่ปุ่นจะเป็นอย่างไรต่อไป เพราะเชื่อว่า “อดีต” กับ “อนาคต” คงไม่เหมือนเดิม อีกทั้งยังมีข่าวว่าญี่ปุ่นขายโรงงานให้จีนเยอะมากแล้ว

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช